หัวข้อ: หาความรู้กับข้อพิสูจน์ในโรคอุบัติใหม่สุดสะพรึง : ไข้เลือดออกอีโบลา เริ่มหัวข้อโดย: sirao2015 ที่ กันยายน 04, 2015, 06:28:42 am โรคแพร่กระจายเป็นเภทภัยของคนเราตั้งแต่อดีตจนถึงสมัยปัจจุบัน แม้ว่าการคิดค้นยาจะถูกพัฒนาให้เติบโตขึ้น แต่หลายครั้งที่โรคแพร่กระจายอุบัติใหม่ก็ได้เกิดขึ้น โรคแพร่กระจายที่ทำให้เกิดการล้มป่วยและพรากชีวิตผู้คน ก่อให้เกิดความย่อยยับให้กับคนอย่างประเมินไม่ได้ โรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ยุคหลังมักมีความคลุมเครือ แม้จะทำการเล่าเรียน หากบางโรคความชัดแจ้งก็ยังไม่ได้มีทั่ว และหนึ่งโรคแพร่กระจายที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ก็คือ โรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ นามว่า โรคไวรัสอีโบลา หรือ โรคไข้เลือดออกอีโบลา นั่นเอง
(http://www.silverfast.com/img/news/unicef_philippinen.jpg) โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสที่จัดอยู่ในสกุล Ebolavirus <https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=Ebolavirus&action=edit&redlink=1> โดยมีเชื้อไวรัสก่อโรคทั้งหมดทั้งมวลสี่ชนิดด้วยกัน ประเภทแรกก็คือประเภทที่เป็นที่มาของชื่อโรคนี้ก็คือเชื้อโรคอีโบลา (Ebola virus, EBOV) นั่นเอง ส่วนไวรัสอีกสามพันธุ์ที่เหลือที่ก่อโรคเดียวกันได้แก่ ไวรัสบันดิบูเกียว ซูดาน และ ป่าตาอี ค่ะ จนถึงสมัยนี้ ก็ยังไม่สามารถค้นเจอเอกสารสำคัญที่เด่นชัดว่าครั้งแรกเชื้อโรคอีโบลาเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เราได้อย่างไร มีเพียงสมมุติฐานจากนักวิทย์ ฯที่เชื้อว่าเชื้อโรคอย่างนี้คงแพร่กระจายผ่านทางน้ำคัดหลั่งของร่างกายสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัส ไวรัสอีโบลาเกิดการติดเชื้อผู้เจ็บป่วยบคุคลหนึ่งสู่คนอื่นได้โดยผ่านทางกระแสเลือดหรือน้ำคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่ติดโรค มีบันทึกว่าบุคคลากรทางการรักษาในอาฟริกาติดไวรัสอีโบลาจำนวนมาก เพราะว่าไม่มีมาตรการคุมที่ดีพอ เมื่อเกิดการกระจัดกระจายไวรัสและเข้าไปทำการรักษาความเจ็บป่วย (https://dridrive.files.wordpress.com/2015/03/unicef_in_congo.jpeg) ผู้ป่วยที่ติดไวรัสอีโบลาจะเกิดอาการผิดปกติอย่างเฉียบพลัน โดยอาการขั้นเริ่มแรกของคนป่วยที่ติดไวรัสอีโบลานั้นจะมีลักษณะละม้ายคล้ายกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคอีโบลาโรคไข้หวัดใหญ่ คือ มีอาการหมดแรง เหน็ดเหนื่อยง่าย มีไข้สูง ปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ปวดหัว ปวดกระบอกตา ปวดตามข้อ ปวดกล้ามเนื้อ มีอาการเหม็นเบื่ออาหาร ไม่อยากทานอะไร อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน หรือ ท้องเสีย นอกจากนี้คนไข้ที่ติดเชื้อโรคอีโบลาประมาณกึ่งหนึ่งจะเกิดผื่นแดง เมื่อพ้นระยะแรกเริ่มของอาการแสดงไป รองลงไปในระยะเลือดออก โดยคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะเกิดอาการผิดปกติคือมีเลือดออกง่ายได้ทั้งร่างกาย อาจเกิดอาการตกเลือดในอวัยวะภายในท้อง มีอาการสำรอกหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เลือดออกในเยื่อบุตาขาว เกิดจุดหรือห้อเลือดออกตามตัว ผู้เจ็บป่วยที่มีเลือดออกมากจะมีการดำเนินโรคภัยไข้เจ็บที่แย่กว่า ใช้เวลาการรักษาที่นาน และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ แต่การเกิดเลือดออกนั้นไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของการถึงแก่ชีวิตในผู้เจ็บป่วยที่ติดไวรัสอีโบลา เนื่องจากปริมาณของเลือดที่ออกนั้นไม่มากพอ เว้นแต่ว่า การเสียเลือดระหว่างการให้กำเนิดบุตร แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคอีโบลาเสียชีวิตจากการทำงานของอวัยวะภายในที่แปลกประหลาด เพราะสารน้ำในหลอดเลือดแพร่ออกจากหลอดเลือดไปอยู่ที่ช่องว่างภายในร่างกาย (fluid redistribution) ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ นำมาซึ่งการทำงานของอวัยวะภายในที่ผิดปกติ (http://foreignpolicyblogs.com/wp-content/uploads/unicef.jpg) จนถึงสมัยปัจจุบันการคิดค้นยายังไม่สามารถหาวิธีการรักษาหรือยารักษาโรคที่ฆ่าไวรัสอีโบลาได้โดยตรง การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคอีโบลาจะเน้นที่การประคับประคองและรักษาพยาบาลตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ การให้ยาแก้เจ็บปวด การตรวจติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และปริมาณปัสสาวะ เพื่อประมาณปริมาณสารน้ำที่ควรได้ทดแทนทางหลอดเลือดดำ มีการเจาะเลือดเพื่อหาระดับเกลือแร่และแก้ไขให้เป็นปกติโรคติดไวรัสอีโบลา เป็นโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่มีความร้ายกาจสูง พบอัตราการสิ้นชีพของคนป่วยที่ติดเชื้อโรคอีโบลาถึงประมาณร้อยละ 50-90 แม้ว่ายังไม่มีการรักษาเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บสำหรับคนป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลา แต่การหาความรู้ในปัจจุบัน ผู้วิจัยพบว่า หากคนไข้ที่ติดไวรัสอีโบลาได้รับการเยียวยารักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรค จะมีการพยากรณ์ของความเจ็บไข้ที่ดีกว่า และมีโอกาสล่วงลับต่ำลง กระนั้นก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนในการคุ้มกันการติดเชื้อจากไวรัสอุบัติใหม่ที่แสนอันตรายนี้ แต่ก็มีความทันสมัยทางด้านการศึกษาทดลองวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีโบลาจำนวนมาก ด้วยความหวังว่าจะช่วยป้องกันและลดอัตราการสิ้นชีพของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาลงได้ การรักษาการติดไวรัสอีโบลา สามารถเริ่มต้นได้จากการเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเน้นการใช้และรณรงค์ให้ใช้อุปกรณ์คุ้มกันที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสสารเลือดและสารน้ำคัดหลั่งจากผู้เจ็บป่วยที่ติดเชื้อโรคอีโบลาโดยตรง รวมทั้งศพของคนป่วยที่ติดไวรัสอีโบลา มีการใส่ถุงมือ หน้ากาก และแว่นตา รวมทั้งการล้างมือที่สะอาด นอกจากนี้ยังพบว่าการกักโรค ในกรณีที่สงสัยว่าจะเป็นคนป่วยที่ติดไวรัสอีโบลาจะสามารถที่จะลดอัตราการติดโรคและจำนวนผู้เจ็บป่วยที่ติดโรคลงได้ โรคไวรัสอุบัติใหม่อีโบลายังคงความน่ากลัวเพราะมีอัตราการตายจากการติดเชื้อโรคสูง ทั้งยังไม่มีการเยียวยาเฉพาะโรคภัย อย่างไรก็ตามการรณรงค์และใช้มาตรการการป้องกันการติดโรคที่มีศักยภาพจะช่วยลดจำนวนคนป่วยที่ติดไวรัสอีโบลาลงได้ รวมทั้งสามารถลดความวิบัติและอัตราม้วยมรณาของผู้ป่วยที่ติดไวรัสอีโบลาได้เช่นกัน เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th Tags : อีโบล่า,Ebola,โรคอีโบล่า
|