หัวข้อ: p1 กล้องสำรวจถนนภาคสนาม ซื้อขาย กล้องระดับ TOPCON, Pentax, CTS/Berger ราคาถูก เริ่มหัวข้อโดย: pramotepra222 ที่ พฤศจิกายน 27, 2019, 01:47:13 am จำหน่ายกล้องอุปกรณ์กล้องไลน์สำรวจ คุณภาพเยี่ยม กล้องระดับ TOPCON ยี่ห้อ TOPCON, Pentax, CTS/Berger
การจำแนกดิน หมายถึง การรวบรวมดินชนิดต่างๆที่มีลักษณะ หรือ คุณสมบัติที่หมือนกันหรือคล้ายคลึงกันตามที่กำหนดไว้ ให้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบระเบียบ เพื่อสะดวกสำหรับการจำและก็นำไปใช้งาน ระบบการจำแนกดินของประเทศรัสเซีย ระบบนี้จะมีความสนใจดินที่เกิดในสภาพอากาศหนาวเย็น จนถึงค่อนข้างจะร้อน สำหรับเพื่อการแยกเป็นชนิดและประเภทขั้นสูง เน้นย้ำการใช้โซนสภาพอากาศและพรรณไม้เป็นหลัก มีทั้งหมด 12 ชั้น (class I- class XII) โดยชั้น I-VI เป็นดินในเขตสภาพอากาศตั้งแต่หนาวจัด จนถึงค่อนข้างหนาวในทะเลทราย ชั้น VII-IX เน้นย้ำลักษณะภูมิอากาศออกจะร้อน โดยใช้ลักษณะความชื้น-ความแห้ง รวมทั้งสภาพพืชพรรณที่เป็นป่า หรือท้องทุ่ง เป็นเหตุจำกัด สำหรับชั้น X-XII เน้นดินในเขตร้อน จากระดับสูงจะมีการแบ่งประเภทออกเป็นชั้นย่อย ตามลักษณะการเกิดของดิน และก็แบ่งเป็นประเภทดิน ในอย่างน้อย ระบบการจำแนกดินของคูเบียนา การจำแนกดินใช้ โภคทรัพย์ทางเคมีของดิน และโซนของสภาพอากาศกับพรรณไม้ เป็นหลัก โดยเน้นสิ่งแวดล้อมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน และสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างแห้งมากกว่าเขตเปียกชื้นและฝนชุก -ระบบการจำแนกดินของประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเด่นเป็น เป็นการจัดประเภทดินที่ใช้ลักษณะทั้งหมดทั้งปวงด้านในหน้าตัดดินเป็นหลักเกณฑ์ เน้นย้ำวิวัฒนาการของหน้าตัดดิน โดยตรึกตรองจาการจัดแถวตัวของชั้นกำเนิดดินภายในหน้าตัดดินโดยยิ่งไปกว่านั้น กับการที่มีปฏิกิริยาความเคลื่อนไหว หรือชั้นที่มีการสะสมของดินเหนียว การแบ่งขั้นที่สูงที่สุด ย้ำลักษณะที่เกี่ยวโยงกับการขังน้ำ ส่วนอย่างน้อย ใช้ความมากมายน้อยสำหรับเพื่อการโยกย้ายอนุภาคดินเหนียวในหน้าตัดดิน -ระบบการแบ่งดินของประเทศเบลเยียม เป็นการจัดชนิดและประเภทที่ค่อนข้างจะละเอียด ซึ่งมีเหตุมาจากการใช้ที่ดินทางการเกษตรที่เข้มข้น การจำแนกดินใช้รูปแบบของเนื้อดิน ชั้นการระบายน้ำ รวมทั้งความเจริญของหน้าตัดดิน เป็นลักษณะจำแนก สำหรับในการแจกแจงเนื้อดิน แบ่งได้ 7 ชั้น (ชั้นอนุภาคดิน) อุปกรณ์อินทรีย์และขี้ตะกอนลมหอบ ส่วนชั้นการระบายน้ำของดิน ใช้การแปลความหมายที่เกี่ยวกับความแฉะของดิน ได้แก่ จุดประ และก็สีเทาในเนื้อดิน กับระดับความลึกของดินที่เจอลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับวิวัฒนาการของหน้าตัดดินแบ่งออกเป็นหลายชั้นโดยพิจารณาจากลำดับของชั้นต่างๆในหน้าตัดดินและก็ชั้น (B) นับได้ว่าเป็นชั้น B ที่เพิ่งมีวิวัฒนาการหรือเป็นชั้นแคมบิก B คล้ายกันกับในระบบของฝรั่งเศส -ระบบการจำแนกดินของประเทศอังกฤษ เน้นย้ำลักษณะดินที่เจอในประเทศอังกฤษและก็เวลส์ มี 10 กรุ๊ป อธิบายออกจากกันโดยใช้ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นเกณฑ์ซึ่งย้ำประเภทแล้วก็การจัดเรียงตัวของชั้นดิน ประกอบด้วย Terrestrial raw soils, Hydric raw soils, Lithomorphic (A/C) soils, Pelosols, Brown soils, Podzolic soils, Surface water gley soils, Groundwater gley soils, Man-made soils แล้วก็ Peat soils -ระบบการแบ่งดินของประเทศแคนาดา ระบบการแบ่งแยกเป็นแบบมีหลายขั้นอนุกรมระเบียบแล้วก็มีลำดับสูงต่ำแน่ชัด ประกอบด้วย 5 ขั้นร่วมกันคือ ชั้น (order) กลุ่มดินใหญ่ (great group) กรุ๊ปดินย่อย (subgroup) สกุลดิน (family) รวมทั้งชุดดิน (series) ชั้นอนุกรมเกณฑ์ของดินในระบบการแบ่งแยกดินของแคนาดาแจงแจงออกจากกันโดยใช้ลักษณะที่พินิจได้ รวมทั้งที่วัดได้ แต่หนักไปในทางทางด้านทฤษฎีการกำเนิดดินในการแยกประเภทขั้นสูง ซึ่งแบ่งได้ 9 อันดับ และก็แบ่งได้ 28 กรุ๊ปดิน -ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศออสเตรเลีย การพัฒนาด้านการแบ่งแยกดินในประเทศออสเตรเลียมีมานานแล้วเหมือนกัน โดยในตอนแรกเป็นการแบ่งแยกดินที่ใช้ธรณีวิทยาของอุปกรณ์ดินเริ่มต้นเป็นหลัก แต่ว่าต่อมาได้มีการปรับปรุงมาเรื่อยๆจนกระทั่งย้ำเค้าโครงวิทยาของหน้าตัดดินโดยแบ่งได้เป็น 47 หน่วยดินหลัก (great soil groups) เนื่องจากการที่ออสเตรเลียมีลักษณะภูมิอากาศอยู่หลายแบบร่วมกัน ทำให้มีสภาพแวดล้อมทางดินหลายแบบด้วยกันตามไปด้วย มีทั้งในภาวะที่หนาวเย็นไปจนกระทั่งเขตร้อนชื้น และเขตที่เป็นทะเลทราย ซึ่งทำให้เห็นกระจ่างเจนว่าระบบการแบ่งแยกนี้ครอบคลุมประเภทของดินต่างๆมากมาย แต่ว่าเน้นย้ำดินที่มีการสะสมคาร์บอเนต ย้ำสีของดิน และเนื้อของดินค่อนข้างจะมาก ระบบการแบ่งดินของออสเตรเลียนี้มีอยู่มากกว่า 1 แบบ ด้วยเหตุว่ามีการเสนอระบบต่างๆที่มีแนวความคิดเบื้องต้นไม่เหมือนกันออกไป ได้แก่ระบบของฟิทซ์แพทริก (FitzPatrick, 1971, 1971, 1980) ที่เน้นย้ำจากระดับต่ำขึ้นไปหาระดับสูง แล้วก็ระบบที่เจออยู่ในคู่มือของดินออสเตรเลีย (A Handbook of Australia Soils) เป็นต้น -ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ใช้ระบบอนุกรมระเบียบดินของสหรัฐฯเป็นหลักในการจัดชนิดและประเภทดิน แล้วก็ดินของประเทศนิวซีแลนด์บริเวณกว้างเป็นดินที่เกิดมาจากขี้ตะกอนภูเขาไฟ -ระบบการจำแนกดินของประเทศบราซิล ดินในประเทศบราซิลเป็นดินที่มีลักณะเด่นเป็นดินเขตร้อน ระบบการจำแนกดินของบราซิลไม่ใช้ภาวะความชุ่มชื้นดินสำหรับในการจำแนกแยกแยะขั้นสูง แล้วก็ใช้สี จำนวนของส่วนประกอบกับชนิดของหินแหล่งกำเนิด เป็นลักษณะที่ใช้ในการแบ่งแยกมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมระเบียบดินกษณะที่ใช้สำหรับในการแบ่งมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมเกณฑ์ดิน ตามระบบการแบ่งแยกดินประจำชาตินี้ สามารถแบ่งดินในประเทศไทยออกเป็น ชุดดินรังสิต Alluvial soils เป็นดินที่เกิดขึ้นใหม่ แก่น้อย มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ หน้าตัดดินเป็นแบบ A-C, A-Cg, Ag-Cg หรือ A-(B)-Cg มีต้นเหตุมาจากการทับถมโดยน้ำตามที่ราบลุ่ม เช่นที่ราบลุ่มริมน้ำ ทะเลสาบ ปากแม่น้ำ ริมหาด และก็เนินตะกอนน้ำพารูปพัด (alluvial fan) ภาวะของการพูดซ้ำเติมอาจเป็นบริเวณของน้ำจืด น้ำทะเล หรือน้ำกร่อยก็ได้ ส่วนมากจะมีเนื้อดินละเอียด และการระบายน้ำหยาบช้า พบได้มากลักษณะที่แสดงการขังน้ำ ยกเว้นรอบๆสันดินริมน้ำ และที่เนินขี้ตะกอนน้ำพารูปพัด ที่เนื้อดินจะหยาบคายกว่า และก็ดินมีการระบายน้ำดี องค์ประกอบและก็ธาตุที่มีอยู่ในดิน alluvial มักแตกต่างกันมากมาย แล้วก็มักจะผสมปนเปจากรอบๆต้นกำเนิดที่มาจากหลายแห่ง ชุดดินที่สำคัญของกรุ๊ปดินหลักนี้เป็น - พวกที่เกิดขึ้นมาจากตะกอนน้ำจืด ดังเช่น ชุดดินท่าม่วง สรรพยา สิงห์บุรี จังหวัดราชบุรี อยุธยา - พวกที่เกิดขึ้นมาจากขี้ตะกอนน้ำกร่อย เช่น ชุดดินผู้อารักขา รังสิต - พวกที่เกิดขึ้นจากตะกอนพื้นแผ่นดินมหาสมุทร อย่างเช่น ชุดดินท่าจีน กรุงเทพมหานคร - Hydromorphic Alluvial soils เป็นดิน Alluvial soils ที่มีการระบายน้ำออกจะเลว-เลวมาก ในเรื่องที่มีการแยกประเภทดินออกเป็น Alluvial soils และ Hydromorphic Alluvial soils ดินที่อยู่ในกลุ่มดินหลัก Alluvial soils จะเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี แล้วก็อยู่ในรอบๆที่สูงกว่าในภูมิทัศน์ที่ต่อเนื่องกัน ดินในทั้งคู่กลุ่มดินหลักนี้ชอบได้รับอิทธิพลน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากเสมอ -ชุดดินหัวหิน Regosols มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ กำเนิดแจ่มแจ้งเฉพาะดินบน (A) และก็มีหน้าตัดดินแบบ A-C หรือ A-Cg มีเหตุที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นทรายจัดอาจเป็นทรายบริเวณชายฝั่งทะเล หรือรอบๆเนินทราย หรือทรายจากแม่น้ำ ดินมีการระบายน้ำดี จนกระทั่งระบายน้ำดีกระทั่งเกินไป พบทั่วไปเป็นแนวยาวตามชายฝั่งทะเล และก็ตามตะพักลำน้ำของแม่น้ำที่มีตะกอนเป็นทรายจัด มีปฏิกิริยาค่อนข้างเป็นกรด ชุดดินที่สำคัญดังเช่นว่า ชุดดินหัวหิน พัทยา จังหวัดระยอง แล้วก็น้ำพอง -Lithosols เป็นดินตื้นมากมาย จำนวนมากลึกไม่เกิน 30 ซม. พบบ่อยตามรอบๆที่ลาดตีนเขาซึ่งมีกษัยการสูง การเรียงตัวของชั้นดินเป็นแบบ A-C-R, AC-C-R หรือ A-R เนื้อดินมีเศษหินที่ยังไม่ผุพังย่อยสลายหรือกำลังเสื่อมสภาพผสมอยู่เป็นส่วนใหญ่ ดินนี้ไม่เหมาะสมแก่การเกษตร หรือการสร้างพืชโดยทั่วไป -ชุดดินลพบุรี Grumusols เป็นดินสีคล้ำ มีต้นเหตุที่เกิดจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง อาทิเช่น หินปูน มาร์ล หรือบะซอลต์ พัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีส่วนประกอบเป็นแร่ดินเหนียวชนิด 2:1 ซึ่งมีความรู้และความเข้าใจสำหรับการยืด-หดตัวได้มาก ดินจะขยายตัวเมื่อเปียก (swelling) และก็หดตัวเมื่อแห้ง (shrinkage) ทำให้มีลักษณะของรอยูไถล (slickensides) เกิดขึ้นในดิน ลักษณะหน้าตัดประกอบด้วยชั้น A-C หรือ A-AC-C โดยชั้น A จะครึ้ม มีส่วนประกอบดินแบบก้อนกลม (granular structure) หรือก้อนกลมพรุน (crumb structure) พบได้มากในรอบๆที่ราบลุ่มหรือตะพักลำน้ำ ลักษณะผิวหน้าดินเป็นพื้นที่ปุ่มป่ำ (gilgai relief) เมื่อแห้งผิวดินจะแตกระแหงเป็นร่องลึก ปฏิกิริยาดินเป็นด่าง ลักษณะโดยรวมเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แม้กระนั้นมีทรัพย์สินด้านกายภาพที่เป็นปัญหาในการไถกระพรวน ดินนี้ในรอบๆที่ต่ำจะมีการระบายน้ำชั่ว โดยมากใช้ปลูกข้าว แต่ว่าหากอยู่ในที่สูง เป็นต้นว่าในบริเวณใกล้ตีนเขาหินปูนมักจะมีการระบายน้ำดี ใช้ปลูกพืชไร่ อย่างเช่น ข้าวโพดชุดดินที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ชุดดิน จังหวัดลพบุรี บ้านหมี่ โคกกระเทียม จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มดินหลัก Grumusols นี้ ไม่มีในระบบ USDA 1938 เริ่มใช้ในการเพิ่มระบบ USDA เมื่อ 1949 -ชุดดินตาคลี Rendzinas เป็นดินตื้นเกิดตามตีนเขาหินปูน วัตถุแหล่งกำเนิดเป็นพวกปูน (CaCO3) หรือมาร์ล กำเนิดเกี่ยวกับดิน Grumusols แม้กระนั้นอยู่ในรอบๆที่สูงกว่า พบได้มากรอบๆที่ลาดใกล้เขา หรือ ตะพักแถบที่ลุ่มใกล้เขาหินปูน เป็นดินที่มีความเจริญของหน้าตัดต่ำ ลักษณะดินจะมีเพียงแค่ชั้น A และ C หรือ A-(B)-C ดินบนสีคล้ำ มีโครงสร้างดี ร่วน และก็ค่อนข้างครึ้ม มีการระบายน้ำดี ส่วนดินล่างเป็นดินเหนียวผสมปูนหรือปูนมาร์ล ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นตามความลึก รวมทั้งมักจะพบชั้นที่เป็นปูน หรือ ปูนมาร์ลล้วนๆอยู่ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ดินเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาเป็นด่าง (pH ประมาณ 7.0-8.0) จำนวนมากใช้ในการปลูกพืชไร่ ตัวอย่างเช่นข้าวโพด หรือปลูกไม้ผล ดังเช่นว่า น้อยหน่า ทับทิม เป็นต้น ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินตาคลี -ชุดดินชัยบาดาล Brown Forest soils เจอตามรอบๆเทือกเขาเป็นส่วนใหญ่ เกิดจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุตกค้าง และเศษหินตีนเขา ทั้งในสภาพที่หินพื้นเป็นพวกที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด แล้วก็ด่าง อาทิเช่น แกรนิต ไนส์ แอนดีไซต์ มาร์ล อาจพบปะคละเคล้ากับดินในกลุ่มดินหลัก Rendzinas เป็นดินตื้น ความเจริญของหน้าตัดดินไม่มากเท่าไรนัก มีลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A-B-C หรือ A-B-R แต่ชั้น B ชอบไม่ค่อยแจ่มชัด ในประเทศไทยพบได้มากตามเทือกเขาหินปูนเป็นส่วนใหญ่ สำหรับ Brown Forest soils ที่เป็นกรด พบเพียงนิดหน่อยชุดดินที่สำคัญ อย่างเช่น ชัยบาดาล ลำที่นารายณ์ สมอทอด -Humic Gley soils พบจำนวนน้อยในประเทศไทย มักกำเนิดผสมอยู่กับดินอื่นๆในลักษณะกลาดเกลื่อนเป็นหย่อมๆในรอบๆที่ราบลุ่ม พบบ่อยอยู่ใกล้กับดินในกลุ่ม Grumusols, Rendzinas หรือ Red Brown Earths เป็นดินในที่ต่ำ มีการระบายน้ำชั่วช้า พัฒนาการของหน้าตัดไม่ดีนัก ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ Ag (Apg)-Cg หรือ A-Bg-Cg ลักษณะที่สำคัญคือ ดินบนดก มีอินทรียวัตถุสูง ดินข้างล่างมักเป็นดินเหนียวสีเทาหรือสีเทาเข้ม มีลักษณะที่แสดงถึงสภาพที่มีการขังน้ำชัดแจ้ง มีจุดประ ปฏิกิริยาดินเป็นด่างบางส่วนชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินแม่ขานตอบ -ชุดดินร้อยเอ็ด Low Humic Gley soils เป็นดินที่เกิดขึ้นจากขี้ตะกอนน้ำพา พบในรอบๆที่ต่ำที่มีการระบายน้ำต่ำช้า จำนวนมากอยู่ในรอบๆกระพักเขตที่ลุ่มต่ำที่สูงกว่าที่ราบลุ่มใหม่ใกล้น้ำ ระดับน้ำใต้ดินตื้นและแช่ขังเป็นบางครั้งบางคราว แต่มีความก้าวหน้าของหน้าตัดค่อนข้างดี ลักษณะสำคัญของดินในกลุ่มนี้คือ หน้าตัดดินมีลักษณะที่แสดงออกถึงการขังน้ำ มีจุดประแจ้งชัด หน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt, Ap-A2-Bt, A1-A2-Btg, A1g-A2g-Btg, หรือ Apg-Btg พวกที่มีอายุน้อยจะสมบูรณ์บริบูรณ์มากยิ่งกว่าพวกที่เกิดยาวนานกว่า บางบริเวณจะเจอหินแลงอ่อน (plinthite) ในตอนล่างของหน้าตัดดิน จำนวนมากเป็นดินที่มีความอิ่มตัวเบสต่ำ pH ราวๆ 4.5-5.5 สำหรับพวกที่เกิดอยู่ในรอบๆกระพักเขตที่ลุ่มออกจะใหม่ มักจะมีความอิ่มตัวเบสสูง ชุดดินที่สำคัญหมายถึงเพ็ญ จังหวัดสระบุรี มโนรมย์ เพชรบุรี จังหวัดเชียงราย หล่มเก่า ส่วนพวกที่เกิดบนกระพักเขตที่ลุ่มออกจะเก่า ได้แก่ชุดดิน ร้อยเอ็ด ลำปาง ฯลฯ -ชุดดินท่าอุเทน Ground Water Podzols เป็นดินที่มีการระบายน้ำเหลวแหลกถึงออกจะเลวเจอเฉพาะในรอบๆที่มีฝนตกชุก เป็นต้นว่า ในภาคใต้ รอบๆชายฝั่งทิศตะวันออก หรือบางจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวอย่างเช่น จังหวัดนครพนม มีสาเหตุมาจากวัตถุต้นกำเนิดที่เป็นทราย ในรอบๆที่เป็นทรายจัด ดังเช่น หาดทรายเก่าหรือตะกอนทรายเก่า ในรอบๆที่ออกจะต่ำ มีความเจริญของหน้าตัดดี รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-(A2)-Bh-Cg หรือ A1-A2-Bir-Cg ชั้นดินบนสีคล้ำ แล้วก็มีสารอินทรีย์สูง ชั้น A2 (albic horizon) หรือชั้นชะล้างมีสีซีดจางเห็นได้ชัดเจน ชั้น Bh มีสีน้ำตาลเข้มแล้วก็มีการอัดตัวค่อนข้างแน่น แข็ง เพราะว่ามีการสะสมสารอินทรีย์ที่สลายตัวแล้วกับอะลูมินัมออกไซด์แล้วก็/หรือเหล็กออกไซด์ มีปฏิกิริยาเป็นกรด pH ต่ำ ประมาณ 4.0-5.0 ตลอดทั้งหน้าตัดชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินบ้านทอน ท่าอุเทน -ชุดดินหนองแก Solodized-Solonetz พบในรอบๆที่ออกจะแห้ง แล้วก็วัตถุแหล่งกำเนิดมีเกลือผสมอยู่ อย่างเช่นบริเวณชายฝั่งทะเลเก่า หรือบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเกลือที่มาจากใต้ดิน เช่นในภาคอีสาน ของเมืองไทย ฯลฯ มีลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt ดินมีการระบายน้ำเลว ชั้น Bt จะแข็งแน่นแล้วก็มีองค์ประกอบแบบแท่งหัวมน (columnar structure) หรือแบบแท่งหัวตัด (prismatic) ดินบนเป็นดินร่วนซุยปนทราย มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างราว 5-5.5 ส่วนดินล่างมี pH สูง 7.0-8.0 ดังเช่นชุดดินว่าวกุลาร้องไห้ ชุดดินหนองแก ฯลฯ -ชุดดินอุดร Solonchak เป็นดินที่มีการระบายน้ำต่ำช้าถึงค่อนข้างเหลวแหลก มีเกลือสะสมอยู่ในชั้นดินมากมาย หน้าตัดดินเป็นแบบ Apg-Cg หรือ Apg-Bg-Cg ในดินพวกนี้จะมีชั้นดินที่เป็นดินเหนียวอยู่เป็นชั้นบางๆสลับกับชั้นทราย เกิดขึ้นให้เห็นกระจ่างเจน ในช่วงฤดูแล้งจะเห็นรอยเปื้อนเกลือสีขาวๆที่ผิวหน้าดิน ความเป็นกรดเป็นด่างมากยิ่งกว่า 7.0 เป็นต้นว่า ชุดดินอุดร -Non Calcic Brown soils เจอไม่มากสักเท่าไรนักในประเทศไทย เจอในบริเวณกระพักลำน้ำค่อนข้างใหม่ วิวัฒนาการของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดดินแบบ A1(Ap)-A2-Bt ดินบนสีน้ำตาลเทา ดินข้างล่างมีสีน้ำตาล น้ำตาลคละเคล้าเหลือง หรือน้ำตาลผสมแดง มีต้นเหตุมาจากขี้ตะกอนน้ำค่อนข้างใหม่ มีเนื้อดินตั้งแต่ค่อนข้างจะหยาบไปจนถึงละเอียด รวมทั้งมีปฏิกิริยาเป็นกรดเล็กน้อย ในหน้าตัดดินจะพบแร่ไมกาอยู่ทั่วๆไป มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ออกจะสูง เหมาะที่จะปลูกพืชไร่และไม้ผล ชุดดินที่สำคัญดังเช่นว่า ชุดดิน กำแพงแสน ธาตุพนม -ชุดดินโคราช Gray Podzolic soils เกิดในรอบๆตะพักสายธารเป็นดินที่มีอายุค่อนข้างจะมากมาย มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดี เจอในรอบๆลำน้ำระดับต่ำ-ระดับกึ่งกลาง วัตถุแหล่งกำเนิดเป็นขี้ตะกอนน้ำที่ทับถมมานานแล้ว ซึ่งจะเป็นกรดแล้วก็มีแร่ที่ย่อยสลายง่ายคงเหลือในจำนวนน้อย ในสภาพพื้นที่แบบคลื่น ซึ่งทำให้การไหลผ่านหน้าดินเป็นไปอย่างช้าๆรวมทั้งลักษณะอากาศที่มีระยะแฉะ-แห้งสลับกันเป็นต้นเหตุที่สำคัญต่อการเกิดดินประเภทนี้ ลักษณะดินทำให้เห็นว่าดินมีการชะละลายสูง สีจะออกขาวหรือเทาจัดเมื่อแห้ง และมีลักษณะการโยกย้ายบนผิวหน้าดินค่อนข้างจะแจ่มแจ้ง เนื้อดินละเอียดและก็สารอินทรีย์ถูกชะล้างไปเมื่อหน้าดินถูกฝน คงเหลืออยู่แต่ว่าจุดที่เกาะตัวกันแน่นอยู่เป็นจุดๆบางทีอาจเจอพลินไทต์ในชั้นดินด้านล่าง เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ-ต่ำมาก ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt กลุ่มดินนี้พบเป็นบริเวณกว้างขวางในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน แล้วก็บางที่ในภาคเหนือ ชุดดินที่สำคัญ ได้แก่ ชุดดินวัวราช สันป่าตอง ห้วยโป่ง ฯลฯ -ชุดดินท่ายาง Red Yellow Podzolic soils เป็นดินเก่าที่มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดินดี กำเนิดในสภาพที่คล้ายคลึงกับดินในกลุ่มดินหลัก Reddish Brown Lateritic Soils ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt-C หรือ R เจอทั่วไปในบริเวณเทือกเขาและก็ที่ลาดตีนเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเก่า วัตถุต้นกำเนิดดินมาจากหินหลายหมวดหมู่ ส่วนมากเป็นหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรดถึงเป็นกลาง ดินมีการระบายน้ำดี ลักษณะเนื้อดินเปลี่ยนได้มากตั้งแต่ค่อนข้างหยาบคายจนถึงค่อนข้างจะละเอียด สีจะออกแดง เหลืองผสมแดงแล้วก็เหลือง มีชั้น E ที่ค่อนข้างกระจ่าง มีสีจางหรือเทากว่าชั้นอื่น และก็อาจมีเศษหินที่สลายตัว หรือ พลินไทต์ปะปนอยู่ด้วยในดินข้างล่าง ตัวอย่างอาทิเช่น ชุดดินท่ายาง โพนพิสัย จังหวัดชุมพร หาดใหญ่ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น จัดว่าเป็นกรุ๊ปดินที่พบมากกรุ๊ปหนึ่งในประเทศไทย -ชุดดินอ่าวลึก Reddish Brown Lateritic soils เป็นดินเก่า มีพัฒนาการของหน้าตัดดี มีสาเหตุจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุตกค้างของหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกลางรวมทั้งที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ดินข้างบนมีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลแดง มีเนื้อดินตั้งแต่ดินร่วนซุย (loam) ถึง ดินร่วนซุยเหนียว (clay loam) ส่วนชั้นดินล่างมีเนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียว ถึงดินเหนียว (clay) ที่มีสีแดง ลักษณะของดินแสดงการชะล้างสูง รวมทั้งบางทีอาจเจอชั้นศิลาแลงในด้านล่างของหน้าตัดดิน ลักษณะดินจะคล้ายกับดินในกลุ่มดินหลัก Red Brown Earths ที่แตกต่างเป็นจะมีเป็นกรดมากกว่า pH ราว 5-6 ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินหลบ บ้านจ้องมอง อ่าวลึก จังหวัดตราด ฯลฯ -ชุดดินปากช่อง Red Brown Earth เป็นดินที่มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับหินปูน หรือหินที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง รวมทั้งจะมีความข้องเกี่ยวกับหินดินดานด้วย ดินมีสีแดง มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดี เป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ำดี กำเนิดในรอบๆที่ราบซึ่งมีเหตุมาจากกษัยการ หรืออาจจะเกิดตามไหล่เขาได้ ดินพวกนี้มีลักษณะสีดิน แล้วก็การจัดเรียงตัวของชั้นดินใกล้เคียงกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Reddish Brown Lateritic มากมายแตกต่างที่ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน โดยที่ Red Brown Earth มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงขึ้นมากยิ่งกว่า (pH โดยประมาณ 6.5-8.0) ชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินปากช่อง เป็นกลุ่มดินที่มีการปลูกพืชไร่และทำสวนผลไม้กันมากมาย -ชุดดินยโสธร Red Yellow Latosols เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีจนกระทั่งดีเหลือเกิน แก่มากมาย หน้าตัดดินลึก มีลักษณะที่แสดงว่ามีการชะละลายสูง วิวัฒนาการของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-B (Box) หรือ A1-A3-B (Box) พบเป็นหย่อมๆในบริเวณลานกระพักลำน้ำชั้นสูง เกิดจากขี้ตะกอนน้ำพาเก่ามากมาย มีสมบัติทางกายภาพดี แม้กระนั้นสมบัติทางเคมีไม่ค่อยดี มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีสีแดงหรือเหลืองตลอดหน้าตัดดิน ดินบนเนื้อดินหยาบคาย ดินข้างล่างมีพวกเซสควิออกไซด์สูง บางแห่งเจอศิลาแลงในตอนล่างของหน้าตัดดิน และไม่เจอการเคลือบผิวของดินเหนียวในชั้น B ชุดดินที่สำคัญ อาทิเช่น ศรีราชา จังหวัดยโสธร -Reddish Brown Latosols กำเนิดในรอบๆที่เกี่ยวเนื่องกับภูเขาไฟ วัตถุต้นกำเนิดเป็นตะกอนหลงเหลือ หรือตะกอนดาดตีนเขา ของหินที่เป็นด่างเช่น บะซอลท์ แอนดีไซต์ เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และความก้าวหน้าของหน้าตัดดี มีหน้าตัดดินแบบ A-Box (ox = ออกไซด์ของเหล็ก) เนื้อดินเป็นดินเหนียวสีแดง สีแดงคละเคล้าน้ำตาล มีความร่วนซุยดี เป็นดินลึกมากมาย มักจะเหมาะกับการใช้ทำสวนผลไม้ ได้แก่ ชุดดินท่าใหม่ -Organic soils Organic soils หรือเรียกว่า Peat and Muck soils เป็นดินที่มีลักษณะไม่เหมือนกันกับกรุ๊ปดินอื่นๆเพราะว่าเป็นดินที่มีอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในองค์ประกอบมากกว่าจำนวนร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก หรือประกอบไปด้วยอินทรียวัตถุล้วนๆพบในบริเวณแอ่งต่ำมีน้ำขังอยู่เกือบทั้งปีและก็มีการสะสมของวัสดุดินอินทรีย์สูง สำหรับในประเทศไทยพบได้มากทางภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส โดยยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่พรุ จุดเด่นก็คือสีจะคล้ำ มีอินทรีย์วัตถุสูง เป็นกรดจัด มีการปรับปรุงหน้าตัดดินน้อย ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-C เมื่อระบายน้ำออก จะหดตัวได้มาก เช่น ชุดดินนราธิวาส พบบ่อยในภาคใต้ของประเทศไทย (http://www.p1instrument.com/UploadImage/86b68602-3fe7-430f-9bbe-db9434776ae0.jpg) กล้องวัดมุมอิเล็กทรอนิกส์ ยี่ห้อ Leica Builder 100 - T100 9" 1.กล้องเล็งเป็นระบบเห็นภาพตั้งตรง 2. กำลังขยาย 30 เท่า 3. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์ปากกล้องไม่ต่ำกว่า 40 มิลลิเมตร 4. ขนาดความกว้างของภาพที่เห็นในระยะ 100 เมตร ไม่น้อยกว่า 2.6 เมตร หรือ 1องศา 30 ลิปดา 5. ระยะมองเห็นภาพชัดใกล้สุดไม่เกิน 0.9เมตร 6. ค่าตัวคูณคงที่ 100 7. ค่าตัวบวกคงที่ 0 8. กำลังในการขยายภาพ 3 ฟิลิปดา 9. เป็นกล้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบวัดมุมแบบ Absolute Reading 10. หน่วยวัดเป็น องศา ลิปดา ฟิลิปดา 11. แสดงค่ามุมที่วัดได้ละเอียดโดยตรงไม่เกิน 5 ฟิลิปดา และ 10 ฟิลิปดา 12. ค่าความถูกต้องในการอ่านมุม ( Accuracy ) ไม่เกิน 9 ฟิลิปดา 13. หน้าจอแสดงผลเป็น LCD 1 หน้าจอ มีระบบให้แสงสว่างหน้าจอขณะทำงานและสามารถบอกระดับพลังงานได้ 14. ความไวของระดับฟองกลม 10ลิปดา 2 มม. 15. ความไวของระดับฟองยาว 60ฟิลิปดา / 2 มม. 16. กล้องส่องหัวหมุด ( Optical Plummet ) กำลังขยาย 3 เท่า ปรับความคมชัดได้ตั้งแต่ระยะ 0.5 เมตร ขึ้นไป 17. สามารถแสดงผลทั้งเป็นมุมราบและมุมดิ่ง การวัด (Measurement) การวัด (Measurements) เป็นกรรมวิธีพื้นฐานของการได้มาซึ่งค่าสังเกต (Observations) ของข้อมูลตามที่ต้องการ เมื่อได้ก็ตามที่มีการวัด เมื่อนั้นย่อมมีความคลาดเคลื่อน (Errors) ขึ้นตามมาทุกครั้ง ดังนั้น จึงไม่มีการวัดครั้งใดที่ปราศจากความคลาดเคลื่อนอยู่ด้วย นั่นคือ ในการวัดทุกครั้งจำเป็นจำต้องมีการประเมินค่าความถูกต้อง (Accuracy) และค่าความแม่นยำ (Precision) และนั่นหมายถึง ในศึกษาถึงความถูกต้องของการวัดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเข้าใจถึงธรรมชาติ ชนิด และ ขนาดของความคลาดเคลื่อนที่แต่ละกระบวนการวัดด้วย การวัดและมาตรฐาน (Measurement and Standards)
ความคลาดเคลื่อนของการวัด (Measurement Errors)
- ค่าคลาดเคลื่อน (Error) - ค่าที่รังวัดมา (Observed Value) - ค่าที่ถูกต้อง (True Value) 7. ค่าเศษเหลือ (Residuals)
- ค่าเศษเหลือ (Residual) - ค่าเฉลี่ยของค่าที่รังวัดมา (Mean Value) - ค่าที่รังวัดมา (Observed Value) 8. Errors
|