หัวข้อ: รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิด เริ่มหัวข้อโดย: Amonwan95892 ที่ มกราคม 11, 2020, 11:55:01 pm (https://1.bp.blogspot.com/-l95KUSszF80/Xhn89lf1_gI/AAAAAAABddA/zrXHYQVeFKgIlNzM68dt4rb9G_qJeDS4ACNcBGAsYHQ/s640/New%2BMG%2BHS05.jpg)
นอกจากเครื่องยนต์กลไกรวมทั้งชุดเกียร์ที่ชูมาจาก MG GS แล้วทุกสิ่งทุกอย่างใน MG HS 1.5 Turbo นั้นยกเครื่องมาให้ทั้งผอง และอย่ารู้สึกว่าเครื่องเกียร์เดียวกันมันจะแบบเดียวกันนะ พวกเราพึ่งจะก้าวลงจาก MG HS ที่ขับพาไปส่งจุดหมายปลายทางในบริเวณลำคลองสานหลังจากที่มีการใช้เวลาร่วมกันมาราววันครึ่งสองวัน สรุปสั้นๆมันอาจไม่ใช่รถที่เหมาะสมที่สุด เลิศเลอที่สุด คุ้มคุ้มคุ้มราคาที่สุดในมุมมองของคนไม่ใช่น้อย แต่ว่าเชื่อเถอะว่ามันทำออกมาได้ดีมากยิ่งกว่าที่คิดมากมายเลยทีเดียว คุณมีความคิดว่าตนเองมุ่งมาดอะไรกับการซื้อรถยนต์เอสแสงอัลตราไวโอเลตหรือรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หนึ่งคันในราคาล้านนิดๆสมรรถนะการขับขี่ ความละมุนละไมของตอนล่าง เทคโนโลยีล้ำยุค นั่งสบาย กว้างขวาง ระบบการช่วยเหลือแน่นๆMG HS คือหนึ่งในรถยนต์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้ครบทั้งหมดทั้งปวง วางแบบภายนอกของตัวรถยนต์อาจเอกลักษณ์การออกแบบของ MG แต่ว่าที่พรีเมี่ยมขึ้นเป็นระบบไฟ LED เต็มแบบยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential กระเต็มที่เขากล่าวว่าเป็นวางแบบที่เสมือนโลโก้อยู่ท่ามกลางดวงดาว ล้อมด้วยพรอบวัวรเมี่ยม เสาอากาศแบบครีบปลาฉลาม มีสปอยเลอร์หลังในตัวท็อป แต่ถ้าเกิดจะให้โก้เก๋เปลี่ยนแปลงสปอยเลอร์ข้างหลังแต่ หรือแปลงมันอีกทั้งชุดเลยอีกทั้งกรอบวัวรเมี่ยม กันชนหน้าหลังสีดำแบบคันที่เราได้ขับในครั้งนี้บอกเลยว่าสวย ภายในตัวท็อปจะเป็นเบาะแบบ Bucket Seat โดดเด่นไม่มีใครเหมือน ส่วนตัวสำหรับเราที่เป็นเพศชายหุ่นมาตรฐานก็นั่งสบายดี รับแขน รับหัว ขับก็สนุกสนาน ตอนนั่งหลับก็สบาย ส่วนเบาะต่อมาเท่าที่นั่งราวหนึ่งนับว่าดีและมีการปรับระยะเอนได้ ข้างในห้องโดยสารจัดว่ากว้างและก็ยิ่งดูกว้างมากเพิ่มขึ้นด้วยพาโนรามิคซันรูฟปรับกระแสไฟฟ้าพร้อมม่านกันแดด ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆที่จำเป็นจะต้องมีให้ใช้ครบครัน แม้กระนั้นหลายๆปุ่มแย่างการควบคุมระบบปรับอากาศก็ถูกย้ายไปอยู่ในจอกลางขนาด 10 นิ้วที่ทำงานได้ดีเยี่ยมที่สุดเหมือนแท็ปเล็ตแพงๆดีๆเครื่องหนึ่งเลย เครื่องยนต์กลไกแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รองรับ E85 ขับเคลื่อนกับชุดเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 สปีด หรือพวกเราบางทีอาจจะคุ้นกว่าถ้าหากเรียกว่า Dual Clutch Transmission หรือ DCT ซึ่งทั้งคู่ชูมาจาก MG GS อย่าเพิ่งตกใจที่พวกเราบอกว่าชูมาจาก MG GS เพราะเครื่องยนต์กลไกแล้วก็เกียร์ชุดดีมีการปรับจูนใหม่ทั้งปวง ลืมภาพรวมทั้งความรู้สึกที่น่าหงุดหงิด ขัดใจใน MG GS ทิ้งไปได้เลย เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว MG HS นับว่าบรรเจิดมาก ตลอดการใช้งานไม่พบการเปลี่ยนเกียร์ ฟึดฟัด ฮึดฮัด ให้หงุดหงิด รำคาญใจ แม้ว่าจะเป็นตอนใช้งานในเมืองที่รถติด เครื่องยนต์รวมทั้งเกียร์ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับในการเดินทางในทริปนี่พวกเราออกมาจากกรุงเทวดามุ่งหน้าเขาใหญ่ จังหวะไหนที่ต้องการจะแซงก็เหลือๆสบายๆอาการเกียร์โง่จนถึงน่าหงุดหงิดใจไม่มีให้มองเห็น หากเทียบกับ MG GS แล้ว MG HS นับว่าฉลาดหลักแหลมมากยิ่งกว่าเดิม ลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ คันเร่ง ตอบสนองตามโหมดการขับขี่ทั้งผอง 4 โหมดยกตัวอย่างเช่น Eco, Normal, Sport หรือจะใช้โหมด Custom ที่ปรับการตอบสนองต่างๆทั้งเครื่องยนต์กลไก พวงดอกไม้รวมทั้งอื่นๆได้ตามใจ และยังมีปุ่มอัศจรรย์อย่าง Super Sport ที่ให้การสนองตอบแบบตื่นเต้นที่สุด ถ้าหากเอาโหมดมาตรฐานหรือ Normal เป็นที่ตั้งแล้ว ทางวิศวกรกล่าวว่าโหมด Sport จะมีรอบที่ตึงกว่าราว 50 รอบต่อนาทีแม้กระนั้นจะก่อให้ผู้ขับขี่ใช้ Paddle Shift ได้ ขณะที่โหมด Super Sport จะมีรอบที่สูงกว่าโหมดมาตรฐานราว 400 รอบต่อนาที มีการคารอบติดอยู่เกียร์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานมากยิ่งกว่าในโหมด Sport ความรู้สึกที่แน่ชัดเลยคือในโหมด Eco รวมทั้ง Normal นั้นจะให้การสนองตอบต่อคันเร่งที่นุ่มนวล บางทีอาจจำต้องรอนิดหน่อยแต่ครู่หนึ่งก็จะรีบแซงด้วยแรงแบบเหลือเฟือ ส่วนในโหมด Sport และ Super Sport จะกดคันเร่งแล้วพุ่งทันใจ ในจังหวะที่การจราจรช้าๆแล้วแตะะๆปลดปล่อยๆก็จะรู้สึกถึงอาการตัวโยกตามก่อนแตะปลดปล่อยคันเร่ง ฮึดฮัดๆพร้อมพุ่งตลอดเวลา หากมีผู้ใดกันบอกคุณว่า MG HS กับ Chevrolet Captiva บ้านเรานั้นเช่นเดียวกัน เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกัน กลุ่ม MG การันตีว่าไม่ใช่ และคนที่ได้ขับทั้งคู่คันแล้วก็กล่าวว่าคนละเรื่อง ตกลงว่าเรื่องเครื่องจักรกลและก็เกียร์ บันเทิงใจ หายห่วง ทั้งความฉลาดของเกียร์รวมทั้งการตอบสนองรวมถึงพลังของเครื่องจักร ยิ่งถ้าคุณชอบฟีลลิ่งของรถมีเกียร์เจ้านี่คงจะตอบโจทย์ ส่วนโหมดที่พวกเราชอบเยอะที่สุดสำหรับเพื่อการเดินทางแบบล่องไปเรื่อยๆคือโหมด Eco ที่ให้การตอบสนองที่นุ่มนวลของคันเร่ง ถ้าเกิดจะเเซงขาดๆก็กด Super Sport เปลี่ยนแปลงเรือนไมล์เป็นสีแดง เพื่อรีบแซงแล้วหลังจากนั้นก็กดอีกรอบกลับมา Eco ที่สำคัญคือพวกเรารู้สึกว่าโหมด Eco นั้นดูจะสอดรับกับการใช้งานของระบบช่วยเหลือต่างๆได้เนียนที่สุดอีกด้วย ต่อมาที่อีกหนึ่งสาระสำคัญเป็นช่วงล่าง New MG HS นั้นตอนล่างจูนอัพตามแบบ Euro Tuning Suspension โดยใช้ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ข้างหลังแบบ Multi-Link ในเขตความเร็วต่ำตอนล่างจัดว่าเฟิร์ม นุ่มนวล ดูดซึมแรงชนได้ดิบได้ดี แม้ว่าจะมีชนหลุมกระแทกเนินหนักๆบ้างก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะอย่างน้อยพี่ที่นั่งมาด้วยก็ไม่พร่ำบ่น ว่ามันกระแทก โยกเยก โคลงแต่อย่างใด แต่ถ้าขับด้วยความเร็วประมาณหนึ่งก็จะมีแรงสะท้อนจากถนนอยู่บ้าง อย่างมองเห็นบนถนนหลวงเลข 2 ที่รถบรรทุกใช้งานกันหนาแน่น ถนนหนทางพังเหลว ปะ พุ หลายจุดจะรู้สึกถึงแรงสะท้อนได้เยอะ หรือในตอนทำความเร็วอย่างบนทางด่วน ตอนรอยต่อระหว่างแผ่นถนนจะคนขับขี่รู้สึกได้ถึงผู้กระทำระกระดอนเล็กๆ ตอนล่างที่เฟิร์มทำให้เข้าโค้งได้อย่างแน่ใจ แต่พวงมาลัยที่เบา ควบคุมง่าย หมุนสบาย คุณผู้หญิงก็ควงเพลิดเพลินในย่านความเร็วต่ำ-กึ่งกลาง นั้น พอในย่านความเร็วสูงหรือในโหมดสปอร์ตที่มีการปรับน้ำหนักมากขึ้นแล้วแต่เราก็ยังรู้สึกว่าเบาไป เว้นแต่เรื่องสมรรถนะการขับขี่ที่พี่ๆสื่อมวลชนที่ร่วมทดลองต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดีมากยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้” แล้ว จำสำหรับแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วยังเป็นอะไรที่เราติดอกติดใจสุดๆในเรื่องผลดีใช้สอย นี่เป็นหน้าจอสัมผัสที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ MG เคยมีมาและก็บรรเจิดระดับแถวหน้าของแวดวงจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสของรถยนต์ ระบบสัมผัสดีเยี่ยมระดับแท็ปเล็ตดีๆเครื่องหนึ่ง เพียงถูกล็อคฟังก์ชั่นการใช้งานเอาไว้ด้วยระบบของ MG ระบบนำทางเป็นของ TomTom ที่บอกเส้นทางได้ดิบได้ดี แม่น ไม่มีเหวอ ไม่มีสับสน รวมทั้งบอกภาวะการจราจรแบบ Real Time พร้อมกับ True Music คลังเก็บของเพลงนับล้านเพียงแค่กดจอ การเปิดปิดระบบแล้วก็การแจ้งเตือนต่างๆก็ การปรับรูปแบบไฟในห้องโดยสาร อยู่ในจอนี้ทั้งหมดรวมถึงระบบปรับอากาศ หน้าจอนี้ยังแสดงผลรอบข้างรถยนต์แบบ 360 องศา รวมถึงกล้องที่ทางด้านซ้ายแล้วก็ขวาในความเร็วต่ำ การแสดงภาพตัวรถแบบ 3 มิติเพื่อช่วยตรวจสภาพรอบๆของตัวรถยนต์ ทั้งปวงเลือกกดบนจอได้เลย ในรุ่นท็อปอย่าง MG HS X นั้นเว้นแต่พาโนรามิคซันรูฟแล้วก็เบาะนั่งแล้ว ยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาช่วยทั้ง Adaptive Cruise Control, Lane Keep Assist และอื่นๆอีกเยอะ เว้นเสียแต่เรื่องสมรรถนะเรื่องของระบบช่วยเหลือนับว่าเป็นอีกประเด็นที่ดีมากกว่าที่เราคาดเอาไว้ การทดงานของ ACC เมื่ออยู่กับโหมดการขับขี่แบบ Eco จะนุ่มนวลลื่นไหลสุดๆดำเนินงานได้ตั้งแต่ความเร็วเริ่มต้น ออกตัว จนกระทั่งหยุดสนิทรวมทั้งเมื่อรถคันหน้าหยุดพวกเราก็หยุด หากเกินขณะที่กำหนดระบบจะเตือนให้พวกเราเหยียบคันเร่งเล็กน้อยเมื่อรถคันหน้าออกตัวเพื่อ Activate ระบบอีกครั้ง แต่ในจุดเด่นก็มีข้อเสียแม้ระบบควบคุมอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ จะใช้งานในเมือง ตอนรถติด จราจรไหลๆได้ แต่ว่าพอคันหน้าหยุด ตัวรถยนต์จะเบรกออกจะรุนแรงไปสักหน่อย หากขับคนเดียวอาจพอเพียงทนได้ แต่ผู้โดยสารมาน่าจะหงุดหงิดแล้วก็มึนหัวอยู่ ส่วนคนใดกันแน่ที่ใคร่รู้เนื้อหาว่าระบบความปลอดภัยแล้วก็ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเข้ามาบ้างนอกจาก 14 ระบบความปลอดภัยเบื้องต้น ก็ราวๆนี้ครับผม • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) • ระบบช่วยเตือนเมื่ออยากเปลี่ยนแปลงเลน LCA (Lane Change Assist) • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับรถ FCW (Forward Collision Warning) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรเปลี่ยน ACC (Adaptive Cruise Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถยนต์ออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถยนต์จะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) สำหรับท่านที่วิตกกังวลเรื่องเสียงในห้องโดยสาร MG HS นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่เก็บเสียงในห้องโดยสารได้ดิบได้ดี ที่ความเร็วราว 120 กม./ชั่วโมง นั้นไม่มีลมตีโวยวาย ผู้ใดกันแน่ที่คุ้นชินกับปุ่ม Cruise Control บนพวงมาลัยแบบรถญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวกับการใช้แรงงานที่ก้านแบบรถยุโรปน้อย แต่ว่าแป๊ปเดียวก็ชำนาญ รถคันที่เราได้ขับนั้นจะเป็นคันที่มาพร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ และก็ด้านนอกอีกหลายจุด ที่พวกเรามองว่าสวยกว่าของเดิมที่เป็นโครเมี่ยมมาก ราคาคร่าวๆของทั้งเซ็ตอยู่ที่ไม่เกิน 1.8 – 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ซื้อรุ่นรองท็อปรวมทั้งตัวด้านล่างนั้น เพิ่มฟังก์ชั่นฝาท้ายกระแสไฟฟ้าและก็เซนเซอร์เพื่อเตะแล้วเปิดฝาด้านหลังอัตโนมัติได้ในราคาราวๆ 1.8 หมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปที่เปิดประตูไฟฟ้าอยู่แล้วนั้น ซื้อฟังก์ชั่นเซนเซอร์เตะเพื่อเปิดมิได้ สำหรับโปรโมชั่น 1,000 คันแรก รับส่วนลด 34,000 บาท สำหรับเพื่อการซื้อชุดเครื่องใช้ไม้สอยตกแต่ง หรือนำไปเป็นส่วนลดของราคาจัดจำหน่ายรถยนต์ได้โดยทันที พร้อมกับการยืนยันประสิทธิภาพรถนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร ในขณะนี้ทะลุไปนานแล้ว แต่ยังไงใช้โปรฯ นี้ได้ในงาน Motor Expo 2019 ราคาจำหน่าย MG HS New MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาท New MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท New MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รีวิว mg hs Tags : mg hs 1.5 turbo,New MG HS
|