หัวข้อ: รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิด เริ่มหัวข้อโดย: rooneykung1 ที่ มกราคม 13, 2020, 02:57:38 am (https://1.bp.blogspot.com/-4TJk5TPSF7I/Xhn88qnGoEI/AAAAAAABdc4/ojUDhLiuF8Eo8RxOVtxRXhoUD9EYYhwwQCNcBGAsYHQ/s640/New%2BMG%2BHS03.jpg)
รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิด เว้นเสียแต่เครื่องยนต์กลไกและก็ชุดเกียร์ที่ชูมาจาก MG GS แล้วทุกสิ่งใน MG HS 1.5 Turbo นั้นยกเครื่องมาให้ทั้งปวง และก็อย่าคิดว่าเครื่องเกียร์เดียวกันมันจะเช่นกันนะ พวกเราพึ่งจะก้าวลงจาก MG HS ที่ขับพาไปส่งจุดมุ่งหมายในเขตลำคลองสานหลังจากที่มีการใช้เวลาด้วยกันมาราววันครึ่งสองวัน สรุปสั้นๆมันบางทีอาจไม่ใช่รถที่ดีเยี่ยมที่สุด เยี่ยมที่สุด คุ้มค่าคุ้มคุ้มราคาที่สุดในมุมมองของหลายท่าน แต่ว่าเชื่อเถอะว่ามันทำออกมาได้ดีมากว่าที่คิดจำนวนมากอย่างยิ่งจริงๆ คุณรู้สึกว่าตัวเองคาดหมายอะไรกับการซื้อรถเอสยูวีหรือรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หนึ่งคันในราคาล้านนิดๆสมรรถนะการขับขี่ ความละมุนละไมของตอนล่าง เทคโนโลยีนำสมัย นั่งสบาย กว้างขวาง ระบบการช่วยเหลือแน่นๆMG HS คือหนึ่งในรถยนต์ที่มีฟังก์ชั่นพวกนี้ครบทั้งปวง ออกแบบด้านนอกของตัวรถยนต์คงเอกลักษณ์การออกแบบของ MG แต่ที่พรีเมี่ยมขึ้นคือระบบไฟ LED เต็มต้นแบบยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential กระเต็มหน้าเขาพูดว่าเป็นออกแบบที่เหมือนโลโก้อยู่ท่ามกลางดวงดาว ล้อมด้วยพรอบโครเมี่ยม เสาอากาศแบบครีบปลาฉลาม มีสปอยเลอร์ข้างหลังในตัวท็อป แต่หากจะให้โก้เก๋แปลงสปอยเลอร์หลังแม้กระนั้น หรือเปลี่ยนแปลงมันอีกทั้งชุดเลยอีกทั้งกรอบวัวรเมี่ยม กันชนหน้าข้างหลังสีดำแบบคันที่พวกเราได้ขับในคราวนี้บอกเลยว่างาม ข้างในตัวท็อปจะเป็นเบาะแบบ Bucket Seat เด่นไม่เหมือนใคร ส่วนตัวเราที่เป็นเพศชายหุ่นมาตรฐานก็นั่งสบายดี รับแขน รับหัว ขับก็บันเทิงใจ ตอนนั่งหลับก็สบาย ส่วนเบาะต่อมาเท่าที่นั่งราวๆหนึ่งนับว่าดีและก็มีการปรับระยะเอนได้ ภายในห้องโดยสารจัดว่ากว้างแล้วก็ยิ่งมองกว้างมากเพิ่มขึ้นด้วยพาโนรามิคซันรูฟปรับไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดด ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆที่จำเป็นมีให้ใช้ครบถ้วน แต่หลายๆปุ่มแย่างการควบคุมระบบปรับอากาศก็ถูกย้ายไปอยู่ในจอกลางขนาด 10 นิ้วสถานที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมเสมือนแท็ปเล็ตแพงๆดีๆเครื่องหนึ่งเลย เครื่องจักรกลแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รองรับ E85 เคลื่อนกับชุดเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 สปีด หรือเราบางครั้งอาจจะคุ้นกว่าถ้าเกิดเรียกว่า Dual Clutch Transmission หรือ DCT ซึ่งทั้งคู่ยกมาจาก MG GS อย่าพึ่งจะตกอกตกใจที่เรากล่าวว่าชูมาจาก MG GS เนื่องจากเครื่องยนต์กลไกและเกียร์ชุดดีมีการปรับจูนใหม่ทั้งผอง ลืมภาพและก็ความรู้สึกที่น่าหงุดหงิด ขัดใจใน MG GS ทิ้งไปได้เลย เนื่องจากว่าเมื่อเทียบกันแล้ว MG HS นับว่าบรรเจิดมากมาย ตลอดการใช้งานไม่พบการเปลี่ยนเกียร์ ฟึดฟัด ฮึดฮัด ให้รำคาญ รำคาญใจ แม้จะเป็นตอนใช้งานในเมืองที่รถติด เครื่องจักรและก็เกียร์ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับในการเดินทางในทริปนี่พวกเราออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าเขาใหญ่ จังหวะไหนที่ต้องการจะแซงก็เหลือๆสบายๆอาการเกียร์ทึ่มจนน่าอารมณ์เสียใจไม่มีให้เห็น ถ้าเทียบกับ MG GS แล้ว MG HS จัดว่าเฉลี่ยวฉลาดมากยิ่งขึ้น หลักการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ คันเร่ง ตอบสนองตามโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมดยกตัวอย่างเช่น Eco, Normal, Sport หรือจะใช้โหมด Custom ที่ปรับการโต้ตอบต่างๆทั้งเครื่องจักร พวงมาลัยและอื่นๆได้ตามใจ แล้วก็ยังมีปุ่มน่าพิศวงอย่าง Super Sport ที่ให้การสนองตอบแบบเร้าใจที่สุด ถ้าหากเอาโหมดมาตรฐานหรือ Normal เป็นที่ตั้งแล้ว ทางวิศวกรบอกว่าโหมด Sport จะมีรอบที่ตึงกว่าราว 50 รอบต่อนาทีแม้กระนั้นจะทำให้ผู้ขับขี่ใช้ Paddle Shift ได้ เวลาที่โหมด Super Sport จะมีรอบที่สูงกว่าโหมดมาตรฐานราว 400 รอบต่อนาที มีการค้างรอบค้างเกียร์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานมากกว่าในโหมด Sport ความรู้สึกที่เด่นชัดเลยคือในโหมด Eco รวมทั้ง Normal นั้นจะให้การตอบสนองต่อคันเร่งที่นุ่มนวล อาจจำเป็นต้องรอนิดหน่อยแต่สักพักก็จะรีบแซงด้วยแรงแบบมากเกิน ส่วนในโหมด Sport รวมทั้ง Super Sport จะกดคันเร่งแล้วพุ่งทันใจ ในจังหวะที่การจราจรช้าๆแล้วแตะะๆปล่อยๆก็จะรู้สึกถึงอาการตัวโยกตามก่อนแตะปลดปล่อยคันเร่ง ฮึดฮัดๆพร้อมพุ่งตลอดเวลา หากมีคนใดกันแน่บอกคุณว่า MG HS กับ Chevrolet Captiva บ้านพวกเรานั้นเหมือนกัน เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกัน กลุ่ม MG ยืนยันว่าไม่ใช่ รวมทั้งผู้ที่ได้ขับทั้งคู่คันและพูดว่าคนละเรื่อง เอาเป็นว่าเรื่องเครื่องจักรกลและเกียร์ สุขใจ หายห่วง ทั้งความฉลาดของเกียร์แล้วก็การโต้ตอบรวมทั้งพละกำลังของเครื่องจักร ยิ่งถ้าหากคุณถูกใจฟีลลิ่งของรถยนต์มีเกียร์เจ้านี่น่าจะตอบปัญหา ส่วนโหมดที่พวกเราถูกใจเยอะที่สุดสำหรับเพื่อการเดินทางแบบล่องไปเรื่อยเป็นโหมด Eco ที่ให้การตอบสนองที่นุ่มนวลของคันเร่ง ถ้าจะเเซงขาดๆก็กด Super Sport แปลงเรือนไมล์เป็นสีแดง เพื่อรีบแซงรวมทั้งกดอีกรอบกลับมา Eco ที่สำคัญเป็นเรามีความคิดว่าโหมด Eco นั้นดูจะใส่รับกับการใช้แรงงานของระบบช่วยเหลือต่างๆได้เนียนที่สุดอีกด้วย ถัดมาที่อีกหนึ่งสาระสำคัญเป็นตอนล่าง New MG HS นั้นตอนล่างจูนอัพตามแบบ Euro Tuning Suspension โดยใช้ระบบตอนล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ด้านหลังแบบ Multi-Link ในเขตความเร็วต่ำตอนล่างจัดว่าเฟิร์ม นุ่มนวล ดูดซับแรงชนได้ดิบได้ดี แม้ว่าจะมีชนหลุมชนเนินหนักๆบ้างก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะเหตุว่าอย่างต่ำพี่ที่นั่งมาด้วยก็ไม่พร่ำบ่น ว่ามันชน โยกเยก โยกแต่อย่างใด แต่ว่าถ้าหากขับด้วยความเร็วโดยประมาณหนึ่งก็จะมีแรงสะท้อนจากถนนหนทางอยู่บ้าง อย่างเห็นบนถนนหลวงหมายเลข 2 ที่รถบรรทุกใช้งานกันหนาแน่น ถนนหนทางพังทลายเหลว ปะ พุ หลายจุดจะรู้สึกถึงแรงสะท้อนได้เยอะแยะ หรือในช่วงทำความเร็วอย่างบนทางด่วน ช่วงรอยต่อระหว่างแผ่นถนนจะคนขับขี่รู้สึกได้ถึงการกระกระดอนเล็กๆ ช่วงล่างที่เฟิร์มทำให้เข้าโค้งได้อย่างแน่ใจ แม้กระนั้นพวงมาลัยที่เบา ควบคุมง่าย หมุนสบาย คุณผู้หญิงก็ควงเพลิดเพลินในบริเวณความเร็วต่ำ-กึ่งกลาง นั้น พอเพียงในย่านความเร็วสูงหรือในโหมดสปอร์ตที่มีการปรับน้ำหนักเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วแต่เราก็ยังรู้สึกว่าเบาไป เว้นแต่เรื่องความสามารถการขับขี่ที่พี่ๆสื่อมวลชนที่ร่วมทดลองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดีมากยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้” แล้ว จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วยังเป็นอะไรที่พวกเราจับใจสุดๆในเรื่องประโยชน์ใช้สอย นี่คือจอสัมผัสที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ MG เคยมีมาและดียอดระดับแถวหน้าของวงการหน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสของรถยนต์ ระบบสัมผัสบรรเจิดระดับแท็ปเล็ตดีๆเครื่องหนึ่ง ก็แค่ถูกล็อคฟังก์ชั่นการใช้แรงงานเอาไว้ด้วยระบบของ MG ระบบนำทางเป็นของ TomTom ที่บอกทางเจริญ แม่น ไม่มีเหวอ ไม่มีมึน แล้วก็บอกสภาพการจราจรแบบ Real Time และ True Music คลังเพลงนับล้านเพียงแค่กดหน้าจอ การเปิดปิดระบบและก็การแจ้งเตือนต่างๆก็ การปรับต้นแบบไฟในห้องโดยสาร อยู่ในจอนี้ทั้งหมดรวมถึงระบบปรับอากาศ หน้าจอนี้ยังแสดงผลรอบตัวรถแบบ 360 องศา รวมทั้งกล้องถ่ายรูปที่ทางซ้ายและก็ขวาในความเร็วต่ำ การแสดงภาพตัวรถแบบ 3 มิติเพื่อช่วยตรวจสภาพรอบๆของตัวรถ ทั้งสิ้นเลือกกดบนหน้าจอได้เลย ในรุ่นท็อปอย่าง MG HS X นั้นเว้นแต่พาโนรามิคซันรูฟและก็เบาะนั่งแล้ว ยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาช่วยอีกทั้ง Adaptive Cruise Control, Lane Keep Assist รวมทั้งอื่นๆอีกมากมาย นอกจากเรื่องความสามารถเรื่องของระบบช่วยเหลือถือเป็นอีกเรื่องที่ดียิ่งกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้ การทดงานของ ACC เมื่ออยู่กับโหมดการขับขี่แบบ Eco จะนุ่มนวลลื่นไหลสุดๆดำเนินการได้ตั้งแต่ความเร็วเริ่ม ออกสตาร์ท กระทั่งหยุดสนิทและก็เมื่อรถคันหน้าหยุดพวกเราก็หยุด ถ้าเกินในช่วงเวลาที่ระบุระบบจะเตือนให้พวกเราเหยียบคันเร่งน้อยเมื่อรถคันหน้าออกสตาร์ทเพื่อ Activate ระบบอีกรอบ แต่ว่าในข้อดีก็มีข้อเสียถึงแม้ระบบควบคุมอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ จะใช้งานในเมือง ตอนรถติด จราจรไหลๆได้ แต่เพียงพอคันหน้าหยุด ตัวรถจะเบรกออกจะรุนแรงไปสักนิดสักหน่อย หากขับผู้เดียวอาจพอทนได้ แต่ว่าผู้โดยสารมาน่าจะหงุดหงิดรวมทั้งวิงเวียนอยู่ ส่วนคนใดที่ต้องการรู้เนื้อหาว่าระบบความปลอดภัยรวมทั้งช่วยเหลืออะไรเพิ่มเข้ามาบ้างนอกจาก 14 ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ก็ราวนี้ขอรับ • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการแปลงเลน LCA (Lane Change Assist) • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับรถ FCW (Forward Collision Warning) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) • ระบบช่วยควบคุมรถยนต์เมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) • ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) สำหรับท่านที่กังวลเรื่องเสียงในห้องโดยสาร MG HS นับว่าเป็นรถอีกรุ่นที่เก็บเสียงในห้องโดยสารได้ดิบได้ดี ที่ความเร็วราว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นไม่มีลมตีโวยวาย คนไหนกันแน่ที่คุ้นชินกับปุ่ม Cruise Control บนพวงมาลัยแบบรถยนต์ญี่ปุ่น ต้องใช้เวลาปรับพฤติกรรมกับการใช้งานที่ก้านแบบรถยนต์ยุโรปน้อย แม้กระนั้นแป๊ปเดียวก็ชำนาญ รถยนต์คันที่เราได้ขับนั้นจะเป็นคันที่มาพร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ รวมทั้งข้างนอกอีกหลายจุด ที่เรามองว่างามกว่าของเดิมที่เป็นโครเมี่ยมมากมาย ราคาคร่าวๆของทั้งยังเซ็ตอยู่ที่ไม่เกิน 1.8 – 2 หมื่นบาท ส่วนคนที่ซื้อรุ่นรองท็อปและก็ตัวล่างนั้น เพิ่มฟังก์ชั่นฝาด้านหลังกระแสไฟฟ้าแล้วก็เซนเซอร์เพื่อเตะแล้วเปิดฝาท้ายอัตโนมัติได้ในราคาประมาณ 1.8 หมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปที่เปิดประตูไฟฟ้าอยู่แล้วนั้น ซื้อฟังก์ชั่นเซนเซอร์เตะเพื่อเปิดมิได้ สำหรับโปรโมชั่น 1,000 คันแรก รับการลดราคา 34,000 บาท ในการซื้อชุดเครื่องไม้เครื่องมือตกแต่ง หรือนำไปเป็นส่วนลดของราคาจำหน่ายรถยนต์ได้โดยทันที และการรับประกันคุณภาพรถนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร ในตอนนี้ทะลุไปนานแล้ว แต่ยังไงใช้โปรฯ นี้ได้ในงาน Motor Expo 2019 ราคาขาย MG HS New MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาท New MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท New MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รีวิว mg hs Tags : รีวิว mg hs,mg hs 1.5 turbo,New MG HS
|