หัวข้อ: รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิด เริ่มหัวข้อโดย: Onkanya5892 ที่ มกราคม 18, 2020, 06:32:46 pm (https://1.bp.blogspot.com/-gAMsRxo-Ov0/Xhn88T21nRI/AAAAAAABdc0/i6wes3cdXKQ3RHMFSh1NA7abSMoQSwPwACNcBGAsYHQ/s640/New%2BMG%2BHS02.jpg)
รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิด นอกเหนือจากเครื่องจักรกลแล้วก็ชุดเกียร์ที่ชูมาจาก MG GS แล้วทั้งหมดทุกอย่างใน MG HS 1.5 Turbo นั้นยกเครื่องมาให้ทั้งหมดทั้งปวง และก็อย่ารู้สึกว่าเครื่องเกียร์เดียวกันมันจะเช่นเดียวกันนะ[/b] เราเพิ่งจะก้าวลงจาก MG HS ที่ขับพาไปส่งจุดหมายปลายทางในเขตคลองสานหลังจากที่ได้มีการใช้เวลาร่วมกันมาราววันครึ่งสองวัน สรุปสั้นๆมันอาจไม่ใช่รถยนต์ที่เยี่ยมที่สุด เลิศเลอที่สุด คุ้มค่าคุ้มคุ้มราคาที่สุดในมุมมองของคนไม่ใช่น้อย แม้กระนั้นเชื่อเถอะว่ามันทำออกมาได้ดียิ่งไปกว่าที่คิดเยอะมากเลยทีเดียว คุณมีความรู้สึกว่าตัวเองมุ่งมาดอะไรกับการซื้อรถยนต์เอสแสงอัลตราไวโอเลตหรือรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หนึ่งคันในราคาล้านนิดๆความสามารถการขับขี่ ความละมุนละไมของตอนล่าง เทคโนโลยีทันสมัย นั่งสบาย กว้างใหญ่ ระบบการช่วยเหลือแน่นๆMG HS คือหนึ่งในรถยนต์ที่มีฟังก์ชั่นพวกนี้ครบทั้งหมด ออกแบบข้างนอกของตัวรถคงจะเอกลักษณ์การออกแบบของ MG แต่ที่พรีเมี่ยมขึ้นคือระบบไฟ LED เต็มต้นแบบยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential กระเต็มที่เขาพูดว่าเป็นวางแบบที่เหมือนโลโก้อยู่ท่ามกลางดวงดาว ล้อมด้วยพรอบโครเมี่ยม เสาอากาศแบบครีบฉลาม มีสปอยเลอร์ข้างหลังในตัวท็อป แต่ถ้าเกิดจะให้โก้เปลี่ยนแปลงสปอยเลอร์ข้างหลังแต่ หรือแปลงมันทั้งยังชุดเลยทั้งกรอบโครเมี่ยม กันชนหน้าข้างหลังสีดำแบบคันที่พวกเราได้ขับในคราวนี้บอกเลยว่างาม ภายในตัวท็อปจะเป็นเบาะแบบ Bucket Seat โดดเด่นไม่มีใครเหมือน สำหรับเราที่เป็นเพศชายหุ่นมาตรฐานก็นั่งสบายดี รับแขน รับหัว ขับก็สนุกสนาน ตอนนั่งหลับก็สบาย ส่วนเบาะภายหลังเท่าที่นั่งราวหนึ่งนับว่าดีรวมทั้งมีการปรับระยะเอนได้ ภายในห้องโดยสารจัดว่ากว้างและยิ่งดูกว้างมากขึ้นด้วยพาโนรามิคซันรูฟปรับไฟฟ้าพร้อมม่านกันแดด ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆที่ต้องมีให้ใช้พร้อม แต่ว่าหลายๆปุ่มแย่างการควบคุมระบบปรับอากาศก็ถูกย้ายไปอยู่ในจอกลางขนาด 10 นิ้วสถานที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนแท็ปเล็ตแพงๆดีๆเครื่องหนึ่งเลย เครื่องจักรกลแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รองรับ E85 ขับกับชุดเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 สปีด หรือเราอาจจะคุ้นกว่าถ้าหากเรียกว่า Dual Clutch Transmission หรือ DCT ซึ่งทั้งคู่ชูมาจาก MG GS อย่าเพิ่งจะตระหนกตกใจที่พวกเรากล่าวว่ายกมาจาก MG GS ด้วยเหตุว่าเครื่องยนต์กลไกและเกียร์ชุดดีมีการปรับจูนใหม่ทั้งหมด ลืมภาพและความรู้สึกที่น่าอารมณ์เสีย ขัดใจใน MG GS ทิ้งไปได้เลย เพราะเหตุว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว MG HS นับว่าดียอดมาก ตลอดการใช้งานไม่เจอการเปลี่ยนเกียร์ ฟึดฟัด ฮึดฮัด ให้หงุดหงิด รำคาญ แม้จะเป็นตอนใช้งานในเมืองที่รถติด เครื่องจักรแล้วก็เกียร์สนองตอบได้เป็นอย่างดี สำหรับเพื่อการเดินทางในทริปนี่พวกเราออกมาจากกรุงเทพมุ่งหน้าเขาใหญ่ จังหวะไหนที่ต้องการจะแซงก็เหลือๆสบายๆอาการเกียร์ทึ่มจนกระทั่งน่าอารมณ์เสียใจไม่มีให้มองเห็น ถ้าเกิดเทียบกับ MG GS แล้ว MG HS ถือว่าฉลาดมากยิ่งขึ้น รูปแบบการทำงานของเครื่องจักร เกียร์ คันเร่ง ตอบสนองตามโหมดการขับขี่ทั้งสิ้น 4 โหมดอาทิเช่น Eco, Normal, Sport หรือจะใช้โหมด Custom ที่ปรับการโต้ตอบต่างๆทั้งยังเครื่องยนต์ พวงมาลัยแล้วก็อื่นๆได้ตามใจ และก็ยังมีปุ่มมหัศจรรย์อย่าง Super Sport ที่ให้การตอบสนองแบบตื่นเต้นที่สุด หากเอาโหมดมาตรฐานหรือ Normal เป็นที่ตั้งแล้ว ทางวิศวกรบอกว่าโหมด Sport จะมีรอบที่ตึงกว่าราว 50 รอบต่อนาทีแต่จะมีผลให้คนขับขี่ใช้ Paddle Shift ได้ ในขณะโหมด Super Sport จะมีรอบที่สูงกว่าโหมดมาตรฐานราว 400 รอบต่อนาที มีการติดอยู่รอบค้างเกียร์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานมากกว่าในโหมด Sport ความรู้สึกที่แจ่มแจ้งเลยเป็นในโหมด Eco รวมทั้ง Normal นั้นจะให้การสนองตอบต่อคันเร่งที่นุ่มนวล อาจจำเป็นต้องรอนิดหน่อยแต่ครู่หนึ่งก็จะเร่งแซงด้วยแรงแบบเกินพอ ส่วนในโหมด Sport รวมทั้ง Super Sport จะกดคันเร่งแล้วพุ่งทันใจ ในจังหวะที่การจราจรช้าๆแล้วแตะะๆปลดปล่อยๆก็จะรู้สึกถึงอาการตัวโยกตามก่อนแตะปล่อยคันเร่ง ฮึดฮัดๆพร้อมพุ่งตลอดเวลา หากมีคนไหนบอกคุณว่า MG HS กับ Chevrolet Captiva บ้านพวกเรานั้นแบบเดียวกัน เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกัน ทีม MG การันตีว่าไม่ใช่ และคนที่ได้ขับทั้งคู่คันแล้วก็บอกว่าคนละเรื่อง ตกลงว่าเรื่องเครื่องยนต์แล้วก็เกียร์ สุขใจ หายห่วง อีกทั้งความฉลาดของเกียร์และก็การโต้ตอบรวมถึงกำลังของเครื่องจักร ยิ่งถ้าคุณถูกใจฟีลลิ่งของรถยนต์มีเกียร์เจ้านี่คงจะตอบปัญหา ส่วนโหมดที่เราถูกใจเยอะที่สุดในการเดินทางแบบล่องไปเรื่อยคือโหมด Eco ที่ให้การสนองตอบที่นุ่มนวลของคันเร่ง หากจะเเซงขาดๆก็กด Super Sport เปลี่ยนแปลงเรือนไมล์เป็นสีแดง เพื่อรีบแซงและจากนั้นก็กดอีกทีกลับมา Eco ที่สำคัญเป็นพวกเรารู้สึกว่าโหมด Eco นั้นดูจะสอดรับกับการใช้แรงงานของระบบช่วยเหลือต่างๆได้เนียนที่สุดอีกด้วย ถัดมาที่อีกหนึ่งหัวใจสำคัญเป็นตอนล่าง New MG HS นั้นช่วงล่างจูนอัพตามแบบ Euro Tuning Suspension โดยใช้ระบบตอนล่างข้างหน้าแบบ MacPherson Strut ข้างหลังแบบ Multi-Link ในเขตความเร็วต่ำตอนล่างจัดว่าเฟิร์ม นุ่มนวล ดูดซึมแรงชนได้ดี แม้ว่าจะมีกระแทกหลุมกระแทกเนินหนักๆบ้างก็ยังจัดว่าเข้าขั้นดีเนื่องจากขั้นต่ำพี่ที่นั่งมาด้วยก็ไม่พร่ำบ่น ว่ามันกระแทก โยกเยก โคลงแต่อย่างใด แม้กระนั้นถ้าเกิดขับด้วยความเร็วราวหนึ่งก็จะมีแรงสะท้อนจากถนนหนทางอยู่บ้าง อย่างเห็นบนถนนหลวงเลข 2 ที่รถบรรทุกใช้งานกันหนาแน่น ถนนหนทางพังเหลว ปะ พุ หลายจุดจะรู้สึกถึงแรงสะท้อนได้มาก หรือในตอนทำความเร็วอย่างบนทางด่วน ตอนรอยต่อระหว่างแผ่นถนนหนทางจะผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงการกระเด้งเล็กๆ ช่วงล่างที่เฟิร์มทำให้เข้าโค้งได้อย่างแน่ใจ แม้กระนั้นพวงมาลัยที่ค่อย ควบคุมง่าย หมุนสบาย คุณผู้หญิงก็ควงเพลินในเขตความเร็วต่ำ-กลาง นั้น เพียงพอในเขตความเร็วสูงหรือในโหมดสปอร์ตที่มีการปรับน้ำหนักมากขึ้นตามใจเราก็ยังคิดว่าเบาไป นอกเหนือจากเรื่องความสามารถการขับขี่ที่พี่ๆสื่อมวลชนที่ร่วมทดลองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดียิ่งกว่าที่คิดเอาไว้” แล้ว จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วยังเป็นอะไรที่เราติดใจสุดๆในเรื่องผลดีใช้สอย นี่คือหน้าจอสัมผัสที่สุดยอดที่สุดที่ MG เคยมีมาแล้วก็ดียอดระดับแถวหน้าของแวดวงหน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสของรถยนต์ ระบบสัมผัสดียอดระดับแท็ปเล็ตดีๆเครื่องหนึ่ง เพียงแค่ถูกล็อคฟังก์ชั่นการใช้แรงงานเอาไว้ด้วยระบบของ MG ระบบนำทางเป็นของ TomTom ที่บอกทางได้ดิบได้ดี แม่นยำ ไม่มีเหวอ ไม่มีสับสน รวมทั้งบอกสภาพการจราจรแบบ Real Time พร้อมกับ True Music คลังเพลงนับล้านแค่กดหน้าจอ การเปิดปิดระบบแล้วก็การแจ้งเตือนต่างๆก็ การปรับแบบอย่างไฟในห้องโดยสาร อยู่ในจอนี้ทั้งปวงรวมถึงระบบปรับอากาศ หน้าจอนี้ยังแสดงผลรอบตัวรถยนต์แบบ 360 องศา รวมถึงกล้องถ่ายภาพที่ทางซ้ายและก็ขวาในความเร็วต่ำ การแสดงภาพตัวรถยนต์แบบ 3 มิติเพื่อช่วยตรวจภาวะรอบๆของตัวรถ ทั้งหมดเลือกกดบนจอได้เลย ในรุ่นท็อปอย่าง MG HS X นั้นเว้นแต่พาโนรามิคซันรูฟรวมทั้งเบาะนั่งแล้ว ยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาช่วยอีกทั้ง Adaptive Cruise Control, Lane Keep Assist และก็อื่นๆอีกมากมาย เว้นแต่เรื่องสมรรถนะเรื่องของระบบช่วยเหลือนับว่าเป็นอีกหัวข้อที่ดีมากยิ่งกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้ การทดงานของ ACC เมื่ออยู่กับโหมดการขับขี่แบบ Eco จะนุ่มนวลลื่นไหลสุดๆดำเนินงานได้ตั้งแต่ความเร็วเริ่ม ออกสตาร์ท จนหยุดสนิทและเมื่อรถยนต์คันหน้าหยุดเราก็หยุด หากเกินตอนที่ระบุระบบจะเตือนให้พวกเราเหยียบคันเร่งน้อยเมื่อรถคันหน้าออกสตาร์ทเพื่อ Activate ระบบอีกรอบ แต่ว่าในจุดเด่นก็มีข้อเสียแม้ระบบควบคุมอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ จะใช้งานในเมือง ตอนรถติด จราจรไหลๆได้ แต่ว่าพอคันหน้าหยุด ตัวรถจะเบรกค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อย หากขับคนเดียวบางทีอาจพอทนได้ แม้กระนั้นผู้โดยสารมาน่าจะเบื่อหน่ายแล้วก็เวียนหัวอยู่ ส่วนคนใดที่อยากทราบเนื้อหาว่าระบบความปลอดภัยแล้วก็ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเข้ามาบ้างเว้นเสียแต่ 14 ระบบความปลอดภัยเบื้องต้น ก็โดยประมาณนี้ครับ • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) • ระบบช่วยเตือนเมื่อปรารถนาแปลงเลน LCA (Lane Change Assist) • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีโอกาสเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับรถ FCW (Forward Collision Warning) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบเปลี่ยนแปลง ACC (Adaptive Cruise Control) • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถยนต์จะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) สำหรับท่านที่เป็นห่วงเรื่องเสียงในห้องโดยสาร MG HS นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่เก็บเสียงในห้องโดยสารเจริญ ที่ความเร็วราว 120 กิโลเมตร/ชม. นั้นไม่มีลมตีเอะอะ ใครที่ชินกับปุ่ม Cruise Control บนพวงดอกไม้แบบรถประเทศญี่ปุ่น จำต้องใช้เวลาปรับตัวกับการใช้แรงงานที่ก้านแบบรถยุโรปบางส่วน แต่ว่าแป๊ปเดียวก็คล่อง รถคันที่พวกเราได้ขับนั้นจะเป็นคันที่มาพร้อมชุดแต่งวัวรเมี่ยมสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ รวมทั้งข้างนอกอีกหลายจุด ที่เราเห็นว่าสวยกว่าของเดิมที่เป็นโครเมี่ยมเยอะ ราคาอย่างคร่าวๆของทั้งยังเซ็โคนยู่ที่ไม่เกิน 1.8 – 2 หมื่นบาท ส่วนคนที่ซื้อรุ่นรองท็อปรวมทั้งตัวข้างล่างนั้น เพิ่มฟังก์ชั่นฝาด้านหลังกระแสไฟฟ้าและก็เซนเซอร์เพื่อเตะแล้วเปิดฝาด้านหลังอัตโนมัติได้ในราคาโดยประมาณ 1.8 หมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปที่เปิดประตูไฟฟ้าอยู่แล้วนั้น ซื้อฟังก์ชั่นเซนเซอร์เตะเพื่อเปิดมิได้ สำหรับโปรโมชั่น 1,000 คันแรก รับส่วนลด 34,000 บาท สำหรับเพื่อการซื้อชุดเครื่องใช้ไม้สอยตกแต่ง หรือนำไปเป็นส่วนลดของราคาจัดจำหน่ายรถได้ในทันที และการรับรองคุณภาพรถยนต์นาน 4 ปี หรือ 120,000 กม. ในช่วงเวลานี้ทะลุไปนานแล้ว แต่ยังไงใช้โปรฯ นี้ได้ในงาน Motor Expo 2019[/b] ราคา MG HS New MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาท New MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท New MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : mg hs 1.5 turbo Tags : รีวิว mg hs
|