หัวข้อ: รีวิว All New Honda City เทอร์โบ 1.0 ลิตร เริ่มหัวข้อโดย: rooneykung ที่ มกราคม 22, 2020, 06:57:56 am (https://1.bp.blogspot.com/-ntiB4pL1R04/XhnsViS3FGI/AAAAAAABdcU/35DeVSz8v-UkTcUBkzOpOoh7ZgLbwQukQCNcBGAsYHQ/s1600/Honda%2BCity%2B2020-03.jpg)
รีวิวฮอนด้า 2020[/u] All New Honda City เทอร์โบ 1.0 ลิตร All New Honda City เทอร์โบ 1.0 ลิตร พลังหนุ่ม แม้กระนั้นช่วงล่างสุขุมกลางคน จำต้องเกริ่นก่อนว่า การมาทดสอบ Honda City ในคราวนี้ เป็นการถูกเชิญมาทดสอบกันแบบนิดๆหน่อยๆ ก่อนที่จะ Full Test กันในกลางเดือนม.ค.อีกครั้ง ทำให้การทดลอง ณ สนามทดลอง ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี ทวีปเอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี เป็นการลองขับแบบ First Impression หรือ แรกสัมผัสขนาดแท้ ฮอนด้า สิตี้ แต่ก่อนเป็นรถขายดิบขายดีเบอร์ต้นของตลาดในกรุ๊ปรถยนต์นั่งขนาด บีเซ็กเมนท์ แข่งขันแทรกกันแบบล้อต่อล้อมาโดยตลอดในด้านยอดจำหน่ายกับคู่ต่อสู้สำคัญในกลุ่มเดียวกันจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า การกลับมาพร้อมกับการถูกนำเข้าไปอยู่ในชนชั้นของ Eco Car Phase 2 แล้วก็เรียกแทนตัวเองว่าเป็น รถสิตี้คาร์ ก็เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดูมีความแปลกใหม่แล้วก็น่าดึงดูดในหลายเรื่อง All New Honda City มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับการขับรถในกลางวันแบบ LED และก็ไฟท้ายแบบ แอลอีดี กระจังหน้าแบบโครเมียม เสาอากาศแบบครีบปลาฉลาม รวมทั้งล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว ด้านในห้องโดยสารมองดูหรูหราด้วยโทนสีดำ เบาะหนัง คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูข้างในตกแต่งโครเมียม แต่จะมีด้านในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ เฉพาะรุ่น SV ให้เลือก เครื่องวัดเรืองแสงพร้อมหน้าหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน ปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงแล้วก็ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ฯ Honda City ในรุ่น RS จะดูสะดุดตาขึ้น ด้วยชุดแต่งรอบคัน กระเต็มหน้าแบบ Gloss Black รวมทั้งเครื่องหมาย RS กันชนหน้าและก็กระเต็มหน้าสไตล์สปอร์ต กระจกมองดูข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว สปอยเลอร์ข้างหลัง Gloss Black สัญลักษณ์ RS แล้วก็ล้ออัลลอยวางแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ห้องโดยสาร เบาะหนังกลับตกแต่งด้วยด้ายสีแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มิเตอร์เรืองแสงสีแดง เครื่องยนต์กลไกเบนซิน 3 ดูด ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 12 วาล์ว มาพร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ฮอนด้าเคลมอัตราออมน้ำมันที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มีระบบระเบียบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงดอกไม้แบบ 7 สปีด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ดีต่อสภาพสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโล และก็สามารถรองรับน้ำมัน E20 โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกปกป้องล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจัดกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และก็กล้องถ่ายรูปส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ทรรศนคติต่อ ฮอนด้า สิตี้ เจเนอเรชั่นที่ 5… จำเป็นต้องบอกว่า ฮอนด้า ดูเหมือนจะถนัดมากในประเด็นการทำรถยนต์ให้เกิดความสวยสดงดงามประทับใจผู้ใช้ การเลือกใช้เส้นสายเพื่อให้กำเนิดอัตลักษณ์ที่เด่นมองลงตัวในแทบทุกจุด การจัดวางเครื่องใช้ไม้สอยการอำนวยความสะดวกสบายข้างในอยู่ขั้นดี เว้นเสียแต่สวยงามยังเน้นย้ำรองรับการใช้งานจริง ในทุกพื้นที่ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกหัวข้อเด่นของฮอนด้า แม้กระนั้นการเลือกเน้นย้ำไปที่ความงดงาม อีกทั้งภายนอกข้างใน ไปจนกระทั่งการเลือก Downsizing เครื่องยนต์จากเดิมเบนซิน 1.5 ลิตร 4 ดูด เป็น 1.0 ลิตร 3 ดูดแทน ดูจะกระทบไปถึงการคุมทุนการผลิตอยู่บ้าง แม้จะลดต้นทุนไปบ้างจากการเลือกใช้แชสซีย์เดิมแต่เปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ว่าก็ยังส่งผลไปถึงการขาดหายไปของออปชั่นบางอย่าง ซึ่งดูคล้ายว่าเป็นปัญหาของฮอนด้า มานาน เมื่อเทียบกับคู่ปรปักษ์ทั้งปวงในตลาด แม้จะทำราคาการขายถูกลงกว่ารุ่นเดิม แม้กระนั้นก็ยังมีการถูกติดป้ายจากผู้ใช้ว่า ฮอนด้าเป็นสายกั๊กออปชั่น ยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับคู่ปรับโดยตรงในช่วงเวลานี้อย่าง นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ แต่ว่าการรู้ว่าจะขายอะไรให้กับลูกค้าตนเองของฮอนด้า…ดูเหมือนน่ากลัวกว่าอื่นใดทั้งสิ้น ข้างในคืออีกหนึ่งจุดเด่น การจัดวางช่องวางของ ขวดน้ำ แก้วน้ำ หรืออีกสารพัดสารพันมีพื้นที่อย่างเกินพอ อุปกรณ์ข้างในแบบบุนุ่มให้รู้สึกสัมผัสที่ดี เบาะนั่งด้านหน้าดีไซน์ทรงมาคล้ายกับฮอนด้า ซีวิค นั่งโอบกระชับแผ่นหลังดี ส่วนเบาะแถวข้างหลังตอนวางขากว้างขวาง แม้กระนั้นในส่วนของหลังคาดูจะลาดเอียงลงมากว่ารุ่นเดิมจนแบบรู้สึกพื้นที่บนหัวน้อยไปนิด ด้านสมรรถนะ… คุณต้องลืมภาพรถยนต์แม่บ้าน ขับง่าย พวงมาลัยเบาโหวงเหวง ตอนล่างหวั่นไหวง่าย ไปได้เลย แม้จะเป็นการทดลองอันแสนสั้นกับระยะทาง 2.18 กม.ในรอบใหญ่ และ 1.3 กม.ที่เลียนแบบสภาพถนนหนทางจริงในรอบเล็ก ก็เพียงพอจะเก็บอาการมาฝากรวมทั้งเล่าสู่กันฟังได้โดยย่อ การกลับมากำเนิดใหม่ของ ฮอนด้า ซิตี้ ยึดดีเอ็นเอความรูปหล่อไว้ดังเดิม แต่เพิ่มด้วยการอัพเกรดความสามารถใหม่ทั้งสิ้น เครื่องยนต์กลไก คือ สิ่งที่ฮอนด้าภูมิใจจะเสนอ เบนซิน 3 ดูด ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 12 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ ตัวนี้ คือ เครื่องยนต์ที่บรรจุอยู่ในซีวิครุ่นที่ขายอยู๋ในประเทศจีน และอเมริกา การนำมายัดใส่รถที่มีขนาดเล็กลงแล้วก็จะต้องปรับจูนให้ผ่านมาตรฐานอีวัวคาร์เฟส 2 เกิดเรื่องที่น่าค้นหา จุดแข็ง คือ เครื่องจักรกล VTEC เต็มระบบอันโด่งดังของฮอนด้า ระบบแคมชาฟท์ Dual VTC เพิ่มลดรองศาของแคมชาฟท์สำหรับในการเปิดปิดวาลว์ไอดี ไอเสีย ให้สนองตอบต่อการทำงานเจริญขึ้น อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ ซึ่งพิเศษด้วยการติดตั้งไว้ 2 ตัว ตัวแรกไว้สำหรับการระบายความร้อนปกติ แต่ว่าอีกหนึ่งตัวไว้ในการช่วยระบายความร้อนของเทอร์โบโดยตรง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เต็มที่ สนามทดสอบที่เป็นรูปแบบของไฮสปีด จึงช่วยขับให้พวกเรามองเห็นความสามารถของเครื่องจักรกล 1.0 ลิตร ตัวนี้ได้ชัดและง่ายดายมากยิ่งขึ้น จังหวะผู้กระทำดคันเร่งเพื่อไล่ความเร็ว พบว่าพลังมาไวกว่าที่คาด ตอนทางตรงเผลอนิดหนึ่งวิ่งทะลุไปถึง 140-150 กม.ต่อช่วนาฬิกา แต่ว่าตามมาด้วยรอบเครื่องจักรกลที่พุ่งสูงไปถึง 4000 รอบต่อนาที จังหวะใช้ความเร็วปานกลาง แล้วยกคันเร่งก่อนจะกระแทกคันเร่งลงไปซ้ำอีกที ก็ยังตอบสนองได้ดิบได้ดี พบอาการเหวอค่อนข้างน้อย ส่วนใดส่วนหนึ่งคงจะมาจากการเซ็ทเกียร์ CVT มาได้ลงตัวกว่าเดิม โดยในตัวชุดเกียร์ CVT ก็มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนขององศาของตัวสายพานกระดูกงูใหม่ให้ดำเนินการได้เต็มความสามารถเยอะขึ้น แต่แต่ ฮอนด้า ยังเป็น ฮอนด้า ที่เจตนาเซ็ทเครื่องจักร ไม่ให้ปรู๊ดปร๊าด หรือกระชากกระชั้น ยังคงเซ็ทให้รถยนต์เป็นเครื่องจักรกลเทอร์โบแบบผู้ดี ใช้ชีวิตเรียบง่ายในยามธรรมดา แม้กระนั้นมีขุมเงินขุมทองที่หลบซ่อนไว้ให้ใช้มากเกินเมื่อปรารถนา ตอนล่าง คือสิ่งที่ต้องการจะจับจ้องมากที่สุด เพราะส่วนตัวไม่เคยเชื่อในความสามารถช่วงล่างของฮอนด้า การให้ความเอาใจใส่ และก็ไล่แก้ไข ตั้งแต่ตัวบอดี้ที่เสริมให้แข็งแรงขึ้น การปรับเซ็ทแชสซีส์ตัวเดิมให้ลงตัวกว่าเก่า ไปจนกระทั่งการปรับจูนระบบช่วงล่างให้รองรับกับความล้นเหลือของเครื่องยนต์ทำให้ภาพลักษณ์ของ ฮอนด้า ซิตี้ เปลี่ยนไป ยกฐานะ… น่าจะเป็นคำที่สมควรและถูกชูมามอบให้กับสมรรถนะตอนล่างของ ฮอนด้า สิตี้ ใหม่ คันนี้ ช่วงล่างดูเป็นรถยนต์ประเทศญี่ปุ่นผู้ดี มีความนิ่มนวล แม้กระนั้นแน่นหนึบ รองรับการใช้งานได้อย่างทั่วถึง ในช่วงทางตรงใช้ความเร็วสูงมากมาย ตัวรถยนต์ยั่งนิ่งทรงอาการเจริญ ช่วงเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมากมายเช่นกัน ถ้าหากเป็นในรุ่นเดิมน่าจะมีอาการท้ายออก โยกย้วย แต่ว่าตัวนี้จับสัมผัสได้น้อยมาก ช่วงถนนที่เลียนแบบเนินหลุมของถนนหนทางเมืองไทย ช่วยขับอาการความนิ่มนวลของช่วงล่างมาให้เราสัมผัสได้ดี การให้ตัวในจังหวะยุบโยก ไม่ส่งให้ช่วยเวียนหัวไปยังผู้โดยสาร คือ ไม่ได้เซ็ทมาให้ แน่นแข็งเป็นรถยนต์วัยรุ่น แต่ว่า เซ็ทมาให้รองรับกับการใช้แรงงานได้อย่างนานาประการครบถ้วน อีกทั้งครอบครัว ส่วนพวงดอกไม้ เจ้าเนื้ออูมขึ้น จับกระชับมือ มอบสัมผัสที่ดี แต่ว่าเหนืออื่นใด พวงมาลัยไม่เบาโหวงเหวง น้ำหนักดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก ซึ่งสิตี้ เจเนอเรชั่น 5 นับเป็นการปรับจูนช่วงล่างกับกำลังเครื่องยนต์มาได้เหมาะสมกันอย่างดีเยี่ยม แอบหลับตานึกมีบางอารมณ์แอบมีความรู้สึกว่านั่งอยู่บนรุ่นพี่ อย่างฮอนด้า ซีวิค แม้กระนั้นอย่างไรก็ตาม จะต้องย้ำอีกครั้งว่าเป็นการทดลองสั้นๆอาจจะจำเป็นต้องรอคอยการนำมาลองขับในทางที่ยาวกว่านี้ มองถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแล็คของเกียร์ จะมีมากกว่านี้ไหม อัตราการประหยัดจะเป็นยังไง ไปจนกระทั่งเรื่องของความเงียบภายในห้องโดยสาร แม้ว่าจะทำเป็นดีขึ้น แม้กระนั้นจะต้องจับอาการบนถนนหนทางจริงอีกที ขอบคุณบทความจาก : https://www.autostation.com/car/review-car/all-new-honda-city-2020 Tags : Honda City 2020,รีวิวฮอนด้า 2020,All New Honda City
|