หัวข้อ: สภาวะไม่ปกติเกี่ยวกับการนอนจำพวกที่ไม่มีรอบการหลับ-การตื่นใน 1 วัน (non-24-hour เริ่มหัวข้อโดย: penpaka2tory ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 09:07:03 pm ความแปลกของรอบการหลับ-การตื่น (circadian disorder) ทำให้มีการเกิดอาการนอนไม่หลับแล้วก็อาการง่วงหงาวหาวนอนในคนตาบอด
มีโรคเกี่ยวกับการนอนหลับบางโรคที่อาจต้องใช้ความมานะบากบั่นเป็นพิเศษสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจ ที่จริงแล้ว กระบวนการทำความรู้ความเข้าใจภาวะผิดปกติของรอบการหลับ-การตื่น บางทีอาจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดก็ได้ เพียงแค่ศัพท์เฉพาะกลุ่มก็เป็นด่านแรกแล้ว และวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งทำให้ท้าทายไปกว่านั้น มามานะทำความเข้าใจหนึ่งในสิ่งที่สับสนกันสูงที่สุดกันเหอะ: อะไรเป็นภาวการณ์แตกต่างจากปกติเกี่ยวกับการนอนจำพวกที่ไม่มีรอบการหลับ-การตื่นใน 1 วัน (non-24) ? มาศึกษาเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุ อาการ การวิเคราะห์ และการรักษาสภาวะนี้กัน รอบการหลับ-การตื่น และวิชาความรู้ฐานรากของสภาวะ non-24 เพื่อที่จะทำความเข้าใจภาวะดังที่กล่าวมาข้างต้นให้ดีขึ้น ก็เลยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเจาะลึกถึงหนึ่งในกระบวนการที่เป็นหลักฐานที่สุดของชีวิต: เวลาสำหรับในการหลับและการตื่นต่อลักษณะของแสงสว่างในช่วงกลางวันและก็กลางคืน ถ้าจะไม่ใช้เวลาเยอะเกินไปสำหรับในการตั้งทฤษฎีชี้แจงการเกิดความเชื่อมโยงดังกล่าว การคิดว่าสิ่งมีชีวิตต้องการจะตื่นตัวในช่วงที่มีของกินพร้อมก็เป็นเหตุเป็นประโยชน์ เมื่อสถานการณ์ไม่ปลอดภัย หนาวเย็น หรือเมื่อหาอาหารได้ยากขึ้น ก็มีเหตุผลที่จะหยุดขยับเขยื้อนแล้วก็เก็บสะสมพลังงาน นี่บางทีก็อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญว่าเพราะอะไรพวกเราจึงนอน กระบวนการทำให้กระบวนการของร่างกาย-การหลับและก็การตื่น การเผาไหม้ การหลั่งฮอร์โมน-มีความข้องเกี่ยวกับเวลาทางภูมิศาสตร์ อยากนาฬิกาที่ถูกต้องแม่นยำ นาฬิกาในร่างกายนี้เรียกว่า suprachiasmatic nucleus (SCN) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองด้านหน้าที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการรับรู้แสงสว่างของพวกเรา แสงสว่างผ่านเข้ามาทางตารวมทั้งเดินทางผ่านเส้นประสาทตา (optic nerve) ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ยื่นออกไปภายหลังลูกตา ข้อมูลที่ได้รับทางตาผ่านมาทางเส้นประสาทกลุ่มนี้จะขัดผ่านกันในตำแหน่งที่เรียกว่า optic chiasm แล้วก็ SCN ก็อยู่เหนือตำแหน่งนี้เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นแสงสว่างจึงควบคุมเวลาของร่างกายโดยตรง ซึ่งเป็นไปตามรอบการหลับ-การตื่นของร่างกาย หากไม่มีแสงสว่าง ร่างกายของเราก็ราวกับเรือที่ขาดหางเสือ อย่างไรก็ดีพวกเรามิได้เลื่อนลอยขนาดนั้น จากกรรมพันธุ์ของพวกเรา ร่างกายของเราจะยังสามารถอาจจะรูปแบบของรอบการหลับ-การตื่นได้โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับวงจรของแสงสว่างแล้วก็ความมืด แม้คุณไปอยู่ในถ้ำที่มีแสงคงเดิมตลอดเวลา คุณก็จะยังคงหลับโดยประมาณแปดชั่วโมงและตื่นราวสิบหกชั่วโมงต่อวัน แต่ว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอ พันธุกรรมในคนส่วนมากจะตัดสินว่าความยาวของวันจะยาวกว่านิดหน่อย โดยส่วนใหญ่จะราวๆ 24ชั่วโมงครึ่ง (เกือบจะไม่เจอที่สั้นกว่า 1 วันเลย) นี่ตรงเวลาครึ่งชั่วโมงที่เพิ่มมาเป็นพิเศษ ผลเป็น ในแต่ละวันคุณจะอยากนอน และก็ตื่นในอีก 30 นาทีต่อมา เนื่องจากคุณรับรู้ตอนกลางวันเวลากลางคืนไม่ได้ แสงสว่างช่วยให้พวกเราตั้งเวลาภายในร่างกายใหม่ได้ในวันแล้ววันเล่า แต่ ถ้าเกิดว่าไม่มีแสง ขั้นตอนของวงจรการหลับ-การตื่นของพวกเราจะข้ามวันไป ซึ่งก่อให้เกิดผลเป็นวงจรที่ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆสามารถกำเนิดอยู่ได้เป็นอาทิตย์ ผู้ที่ตาบอดสนิทจะรู้สึกได้ถึงประสบการณ์นี้ เหตุเพราะคนที่ไม่สามารถรับทราบแสงได้เลยจะไม่อาจจะตั้งนาฬิกาด้านในใหม่ซึ่งการควบคุมวงจรการหลับ-การตื่นได้ โดยกรรมพันธุ์จะเข้ามามีหน้าที่แทนที่ ผลคือตอนที่ปรารถนานอนจะมืดค่ำขึ้นนิดนึงในทุกวัน นำมาซึ่งสภาวะนอนไม่หลับได้ พวกเขายังบางทีอาจอยากตื่นสายขึ้น ซึ่งสามารถทำให้มีการเกิดสภาวะง่วงหงาวหาวนอนไม่ดีเหมือนปกติได้ ยังมีตอนที่ความข้องเกี่ยวระหว่างช่วงเวลากลางวัน-ช่วงเวลากลางคืน แล้วก็การหลับ-การตื่นกลับหน้ามือเป็นหลังมืออีก ซึ่งจะค่อยๆกลับเป็นปกติอย่างช้าๆความผิดปกติดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะก่อให้เกิดโรคการนอนหลับที่เรียกสั้นๆว่า non-24 อะไรนำไปสู่ non-24 ? Non-24 มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการตาบอดได้มากที่สุด มีการประมาณว่ามีคนตาบอดหนึ่งล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา และก็ 20% เป็นคนตาบอดสนิท บางบุคคลอาจยังมีวงจรการหลับ-การตื่นตามปกติ แต่คนที่ไม่สามารถรับรู้แสงได้เลยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคnon-24 ได้ ภาวะนี้มีลัษณะทิศทางที่จะมีผลต่อคนตาบอดโดยบริบูรณ์มากกว่าครึ่ง และ 50-80% ของคนตาบอดบ่นว่ามีปัญหาการนอนที่ถูกรบกวน น่าสนใจว่า non-24 สามารถกำเนิดในคนที่เห็นได้เช่นกัน แม้กระนั้นหาได้ยากมากมาย โดยมีรายงานของภาวะดังที่กล่าวมาข้างต้นในผู้ที่มีวงจรการหลับ-การตื่นที่ยาวกว่าธรรมดาจากกรรมพันธุ์ (เรียกว่า tau) ซึ่งอาจเจอได้ในผู้ที่ชอบอยู่ดึกดื่นที่มีสภาวะหลับยาก (delayed sleep phase syndrome-DSPS) ที่ได้สัมผัสกับแสงน้อยมาก แล้วก็ยังอาจเจอในผู้ที่เป็นโรควิตก แล้วก็คนที่มีความผิดพลาดทางปัญญาเพราะโรคต่างๆดังเช่น Rett syndrome Angelman syndrome Dementia Traumatic brain injury ไม่ว่าต้นเหตุของ non-24 จะเป็นอะไร แต่อาการก็เช่นกันหมด ลักษณะของ non-24 คนที่มีภาวะดังกล่าวจะบ่นถึงแบบอย่างการนอนที่เปลี่ยนไป โดยหลับยากหรือตาไม่กะพริบ มีลักษณะนอนไม่หลับ และง่วงงุนช่วงเวลากลางวัน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นเวลานับเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เหตุเพราะสิ่งที่จำเป็นนอนแปรไปโดยสมาคมกับลักษณะของแสงสว่างและความมืดดำตามธรรมชาติ โดยจะมีช่วงที่หลับได้ดิบได้ดีชั่วครั้งชั่วคราว แล้วค่อยๆกลับมาห่วยแตกลงอีกรอบ คนที่มีสภาวะนี้ยังบ่นเรื่องการทำสมาธิได้ยาก ความจำสั้น รวมทั้งปัญหาเรื่องอารมณ์อีกด้วย รวมทั้งยังสามารถก่อให้เกิดลักษณะของการปวดท้องแล้วก็ความรู้สึกป่วยไข้ (malaise) อีก ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นอยู่อย่างต่ำสามเดือน การวิเคราะห์ non-24 ภาวการณ์นี้มักได้รับการวินิจฉัยโดยการต่อว่าดตามแบบอย่างการหลับอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งบางทีอาจทำโดยการใช้ sleep logs หรือ actigraphy ทุกเมื่อเชื่อวัน สิ่งที่บันทึกไว้จะแสดงให้เห็นถึงการหลับที่เบาๆช้าลงในทุกวัน ดังที่วงจรการหลับ-การตื่นของคนจำนวนมากจะยาวกว่า 24 ชั่วโมง ปริมาณที่เลื่อนไปจะขึ้นกับนาฬิกาในร่างกาย รวมทั้งบางครั้งก็อาจจะเป็นได้ตั้งแต่ 30 นาทีจนถึง 1 ชั่วโมง ขณะก่อนที่จะหลับได้ หรือ sleep latency จะเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังมีความเกี่ยวเนื่องความรู้สึกอยากนอนที่มากขึ้นในกลางวันด้วย การทดสอบเพื่อรับรองให้แจ้งชัดอาจเป็นการวัดโดยตรวจ dim light melatonin onset (DLMO) จากน้ำลาย หรือการประเมิน 6-sulfatoxymelatonin ในปัสสาวะ ซึ่งจะวัดสองครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ การรักษา non-24 ภาวะดังกล่าวข้างต้นมักรักษาด้วยการให้ melatonin ในขนาดต่ำๆในช่วงเวลาเย็น Hetlioz เป็นยาสำหรับภาวการณ์ดังกล่าวที่แพทย์สั่งใช้ คนที่ตาบอดก็อาจตอบสนองต่อนัยของเวลาอื่นๆยกตัวอย่างเช่นกิจกรรมทางกายและมื้อของกิน ถ้าเกิดภาวะดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วกำเนิดในคนที่ยังมองเห็นได้ การสัมผัสกับแสงในตอนที่สมควรก็สามารถช่วยได้ ถ้าเกิดคุณมีความรู้สึกว่าคุณอาจมีสภาวะ non-24 ก็ควรเริ่มไปรับการประเมินจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนอน ที่สามารถกระทำการตรวจเสริมเติมและให้การรักษาที่เหมาะสมกับสภาวะของโรคได้ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : http://plantstheseed.com Tags : http://plantstheseed.com
|