หัวข้อ: ความรู้เกี่ยวกับการใช้มอร์ฟีน เริ่มหัวข้อโดย: Chaiworn998 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2020, 10:33:33 am มอร์ฟีน (Morphine) เป็นเพียงแต่ชื่อยาชนิดหนึ่งในกรุ๊ปยาที่ชื่อว่า โอพิออยด์ (Opioid)
แต่ว่ายาในกลุ่มโอพิออยด์น้ี มีอีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น วัวเดอีน (Codeine) ทรามอล (Tramal) หรือเพทหนดีน (Pethidine) ในเนื้อหานี้ จะขอใช้คําว่า "มอร์ฟีน" แทนช่ือยาแก้ปวดกลุ่มโอพิออยด์ ด้วยเหตุว่ายาในกลุ่มน้ีมีฤทธ์ิคล้ายกันแล้วก็มอร์ฟีนเป็นยาที่ใช้หลายครั้งในยากลุ่มนี้ โดยในแต่ละประเทศจะมีการวัดจำนวนการใช้มอร์ฟีน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าในประเทศท่ีพัฒนาแล้ว มีอัตราการใช้มอร์ฟีนสูงยิ่งกว่าประเทศกําลังปรับปรุง สําหรับเมืองไทยพบว่า พวกเราใช้มอร์ฟีนอยู่โดยประมาณ 40 กิโลกรัมต่อปีจากจํานวนท่ีควรที่จะใช้จริง มันก็คือราวๆ 1,000 กิโลต่อปี คําถาม : ลักษณะของการปวดของโรคมะเร็งแก้ได้ด้วยยามอร์ฟีนจริงหรือไม่ คําตอบ : ไม่เสมอ ความจริง : สุดแท้แต่ว่าอาการปวดน้ันเป็นอาการปวดแบบไหนและก็ร้ายแรงขนาดไหน ส่วนใหญ่หมอจะเริ่มการใช้ยาจากยาที่อ่อนกว่าก่อน ได้แก่ พาราเซตามอล ยาพารากรุ๊ป NSAIDs ที่ใช้สําหรับลักษณะของการปวดข้อปวดเมื่อยแล้วก็แม้ใช้ยากลุ่มดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วไม่หาย อาจจะเริ่มต้นใช้ยามอร์ฟีนขนาดน้อยๆได้ คําถาม : รับประทานมอร์ฟีนขนาดมากข้ึนหมายความว่าอาการแย่ลงจริงหรือไม่ คําตอบ : ไม่เสมอ ความจริง : อาจเป็นจากอาการโรคแย่ลงก็ได้หรืออาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากในระยะแรกๆแพทย์เร่ิมให้ยาแก้ปวดในขนาดน้อยก่อนแล้วจึงค่อยๆปรับเพิ่มให้เป็นขนาดที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้เจ็บไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและก็สามารถดําเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับในเวลาที่ไม่ป่วยไข้มากที่สุด คําถาม : การใช้ยามอร์ฟีนทําให้ติดได้จริงหรือไม่ คําตอบ : ไม่เสมอไป เรื่องจริง : การตำหนิดยา คือ การจะต้องเพิ่มขนาดการใช้ยามากขึ้นเรื่อยๆแม้อาการของผู้เจ็บป่วยไม่ได้เปลี่ยนรวมทั้งมีลักษณะอยากยาเมื่อมิได้ยา มอร์ฟีนมีฤทธิ์เสพย์ติดจึงทําให้ติดได้ แต่หากคนไข้โรคมะเร็งมีลักษณะปวดรุนแรงแล้วก็จําเป็นจำต้องใช้ยามอร์ฟีนมากขึ้น เราจะไม่เรียกว่าเป็นการติดยาเสพย์ติดแต่ว่าเป็นการใช้ยาตามความจําเป็น คําถาม : การใช้มอร์ฟีนทําให้ผู้ป่วยไข้เสียชีวิตเร็วข้ึนได้เนื่องมาจากกดการหายใจจริงหรือไม่ คําตอบ : ไม่ถูก เรื่องจริง : การเริ่มต้นใช้ยามอร์ฟีนในขนาดน้อยๆก่อน ไม่ทําให้มีการกดการหายใจและไม่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้ การกดการหายใจในคนป่วยมักมีต้นเหตุจากการให้ยาขนาดมากจนเกินความจำเป็น ในคนท่ีไม่เคยได้รับมอร์ฟีนมาก่อน บางทีอาจกำเนิดในกรณีคํานวที่ยาผิดหรือเริ่มยามากเกินความจำเป็นเพราะเหตุว่าคิดว่าผู้เจ็บไข้มีลักษณะปวดมากมาย คําถาม : มอร์ฟีนทําให้ท้องผูกจริงหรือไม่ คําตอบ : ถูก ข้อเท็จจริง : ท้องผูกเป็นผลใกล้กันที่มักพบที่สุดในผู้ป่วยที่ใช้ยามอร์ฟีนและได้ผลสำเร็จข้างๆที่เจอได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาท่ีใช้ยามอร์ฟีน ด้วยเหตุว่ามอร์ฟีนทําให้ลําไส้เคลื่อนได้ช้าลง คนเจ็บที่ใช้ยามอร์ฟีนจะต้องรับประทานยาถ่ายเพื่อป้องกันท้องผูกเอาไว้เลย ถ้าแพทย์มิได้ให้ อย่าลืมขอด้วยนะคะ เว้นแต่น้ียามอร์ฟีนยังส่งผลข้างๆอื่นๆยกตัวอย่างเช่น อาเจียน คลื่นไส้ แล้วก็ง่วงนอน ถ้าเกิดกินมากเกินความจำเป็นอาจทําให้มีกล้ามเน้ือกระเหม็นตุกหรืองวยงงได้ ซึ่งจะเป็นอาการที่เจอก่อนจะมีการกดการหายใจ แต่มักจะต้องกินเป็นขนาดมากๆหรือมีการเพิ่มขนาดอย่างเร็วจึงเกิดอาการดังกล่าวได้ คําถาม : มอร์ฟีนช่วยเรื่องอาการเหนื่อยในคนป่วยมะเร็งได้จริงหรือไม่ คําตอบ : ถูก ความจริง : คนสามัญรู้เรื่องว่ายามอร์ฟีนช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดในคนไข้โรคมะเร็งเป็นหลัก แต่ว่าอันที่จริงแล้วมอร์ฟีนยังช่วยลดอาการเหนื่อยในคนไข้มะเร็งที่มีการกระจายของโรคไปที่ปอด ยกตัวอย่างเช่น มีน้ําในปอดได้ด้วย ผู้ป่วยหลายรายที่เลือกไม่เจาะน้ําในปอดเพื่อลดอาการเหนื่อยหอบอาจเลือกใช้ยามอร์ฟีนแทนได้ คําถาม : ผู้เป็นโรคไตไม่สมควรใช้มอร์ฟีนใช่หรือไม่ คําตอบ : ผิด ความเป็นจริง : คนเจ็บไข้ได้ป่วยไตสามารถใช้มอร์ฟีนได้ แม้กระนั้นต้องใช้ความรอบคอบมากเพิ่มขึ้นเพราะว่ามอร์ฟีนถูกขับออกทางไต จำเป็นจะต้องให้มอร์ฟีนโดยเริ่มจากขนาดน้อยๆค่อยๆเพิ่มช้าๆแล้วก็รอเฝ้าระวังผลข้างเคียง แม้กระนั้นมิได้มีข้อที่ไม่อนุญาตใช้มอร์ฟีนในผู้ป่วยโรคไต คําถาม : ถ้าได้มอร์ฟีนแบบออกฤทธิ์ยาวแล้วไม่ควรรับประทานมอร์ฟีนระหว่างวันอีกเพราะว่าบางครั้งอาจจะทําให้ได้รับมอร์ฟีนในขนาดท่ีมากจนเกินความจำเป็นใช่หรือไม่ คําตอบ : ผิด ความจริง : คนไข้ที่มีลักษณะอาการปวดสามารถใช้มอร์ฟีนขนาดน้อยๆระหว่างวันได้ ซึ่งโดยปกติจะคิดเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของขนาดมอร์ฟีนออกฤทธ์ิยาวที่ได้รับตลอดทั้งวัน หากเป็นยารับประทานอาจกินได้ทุก 2-4 ชั่วโมงเวลาท่ีมีลักษณะปวด หมอจะคํานวณปริมาณยาท่ีผู้ป่วยควรจะได้รับจริงๆในวันต่อไปจากปริมาณมอร์ฟีนระหว่างวันรวมกับมอร์ฟีนแบบออกฤทธิ์ยาว คําถาม : มอร์ฟีนแบบกินกับฉีดออกฤทธิ์แรงเสมอกันจริงหรือไม่ คําตอบ : ไม่ถูก ความจริง : มอร์ฟีนแบบฉีดแรงกว่าแบบรับประทาน 2-3 เท่า ฉะนั้นเวลาแปลงจากยาฉีดมาเป็นยากิน อย่าลืมเพิ่มขนาดเป็น 2-3 เท่าด้วย คําถาม : มอร์ฟีนแบบกินกับแบบฉีดเริ่มออกฤทธิ์เร็วเสมอกันแล้วก็ออกฤทธ์ินานเท่าๆกันใช่หรือไม่ คําตอบ : ไม่ถูก ความเป็นจริง : มอร์ฟีนแบบฉีดออกฤทธิ์เร็วกว่าแล้วก็หมดฤทธิ์เร็วกว่า ถ้าเกิดฉีดเข้าเส้นบางครั้งก็อาจจะหมดฤทธิ์ภายใน 1-2 ชั่วโมง ในขณะที่ยากินจะอยู่ได้ 2-4 ชั่วโมง แม้กระนั้นถ้าหากเป็นยามอร์ฟีนกินแบบออกฤทธิ์ยาวจะอยู่ได้นานถึง 12-24 ชั่วโมง คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : drivewestmichigan Tags : http://drivewestmichigan.com
|