|
หัวข้อ: ตอบคำถามเกี่ยวกับบริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO เริ่มหัวข้อโดย: LinePC001 ที่ กรกฎาคม 08, 2021, 03:26:54 pm CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรกกูเกิล
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายท่านสนิทสนมหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองหรือรับทำเว็บก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ยอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่พูดได้ว่า ถ้าเว็บไซต์ไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้ SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับปรุงเว็บ (ทั้งหมด) ให้มีความเหมาะสมในการติดอันดับการค้นหาของเครื่องมือทำการค้นหายอดนิยมอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น มีความจำเป็นที่่จะต้องการพัฒนาเว็บในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (เนื้อหา), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือแม้แต่โครงการของเว็บไซต์ ก็มีผลด้วยเช่นกัน ก่อนอื่นลองจินตนาการตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการทำการค้นหา คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บไซต์ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword ที่ใช้ทำการค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บไซต์ของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการทำการค้นหาลำดับต้นๆ ให้กับผู้ที่ค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บไซต์ของเรามีปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง อย่างที่ได้กล่าวไปรับ SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บของเราให้มากขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร โอกาสที่เราจะจำหน่ายของก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านจำหน่ายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม ที่มีผู้คนขวักไขว่ ร้านค้าของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะขายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เยี่ยมชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเรามากมาย และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในยุคปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างธุรกิจร้านค้าบนเว็บด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา ในเมื่อก่อนร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือหน่วยงาน มีเว็บเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้าออนไลน์ บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเว็บไซต์เพื่อเปิดช่องทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บไซต์นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บไซต์ Google Search คือ แอฟที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหา จากนั้น Search Engine จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บหลายๆ เว็บไซต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น นั่นก็หมายความว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับแรกๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บนั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บ แต่เว็บของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บไซต์ของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับต้นๆของ Google Search จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือพัฒนาเว็บไซต์ให้แสดงผลเป็นอันดับแรกๆ ของการค้นหาใน Google Search ใน Keyword ที่สมควรและตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เพื่อให้อยู่ในระดับสายตา และสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว SEO คืออะไร? ดันเว็บไซต์ติดอันดับ Google ไม่ยากอย่างที่คิด SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ลักษณะหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และ Content ต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine (Search Engine อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น) เพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลทำให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บไซต์โดยไม่มีรายจ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่ชอบการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง ซึ่งบางท่านอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางคนก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับรองว่าหากคุณได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะจุดมุ่งหมายของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บคู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่ แล้ว SEO ที่เรากล่าวถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีขั้นตอนการทำงานยังไงบ้าง หากคุณใคร่รู้ ทีม CSLSEO จะมาเล่าให้ฟัง ทำความรู้จัก Search Engine เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เรามีความจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Google Search มีการปฏิบัติงานอย่างไร ซึ่งเป็นคล้ายหัวใจหลักของกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้ หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ตมาจัดเรียงอันดับความสัมพันธ์ เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพอใจต่อการทำการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการหาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความเร็วของผลการค้นหา, ความเกี่ยวข้องของบทความ, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความประสงค์ของผู้ใช้งาน แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงลำดับเว็บ? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Search Engine ได้เป็น 3 วิธีการด้วยกัน คือ 1. Crawling (การเก็บข้อมูล): แนวทางการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บไซต์, URLs, หัวข้อ, เนื้อหา, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บไซต์ เมื่อสแกนเว็บไซต์หนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บนั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว 2. Index ing (ทำดัชนี): นับจากทำการสแกนข้อมูลเว็บจนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ Index เปรียบเสมือนห้องสมุดที่รวบรวมเว็บไซต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บไซต์ที่อยากได้แสดงอยู่บนผลการค้นหา จำเป็นจะต้องผ่านระบบการ Index ing ของ Search Engine เสียก่อน 3. Ranking (ค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Search Engine จะทำการหาข้อมูลเว็บที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด จากคลัง อินเด็กซ์ แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง SEO ขั้นพื้นฐาน เริ่มสร้างเว็บไซต์ขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 แนวทาง 1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นเหมือน GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บไซต์ของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการทำการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ แบบอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงเนื้อหาที่มีความสอดคล้อง และเว็บไซต์ที่มีโอกาสจะตอบสนองความปรารถนาของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในเนื้อหา และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าคอนเทนต์ของเรามีความสอดคล้องกับสิ่งที่คนกำลังค้นหา ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เหมือนความอยากของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำเนื้อหาหรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความปรารถนา โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากต้องการทำให้เว็บติดอันดับหน้าแรกของ Google การค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อทำให้ผู้ใช้งานสามารถเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic 2. ปรับโครงสร้างเว็บ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งผู้ใช้งานและ Search Engine ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะส่งเสริมให้ผู้ค้นหาชอบ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นระยะเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บเป็นเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดจัดจำหน่าย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บไซต์เรา ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บไซต์ที่ดีจะทำให้ Google Search Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ อินเด็กซ์ ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บไซต์จะเป็นคล้ายผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Search Engine และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่อยากได้ได้อย่างสะดวก ส่งผลทำให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มมากขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บเรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking) หนึ่งแบบอย่างของการสร้างเว็บไซต์ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของ Content ต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการทำการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บไซต์นี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การทำการค้นหาเนื้อหาที่อยากได้สำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นจำเป็นต้องสัมพันธ์กับบทความด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูเหมือนจงใจมากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี นอกจากนั้น การสร้างเว็บที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งจำเป็นที่เราควรนึกถึงอยู่สม่ำเสมอเมื่อต้องการทำ SEO เว็บไซต์นั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience) 3. On-Page Optimization การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล SEO ในหน้าโฮมเพจของเรา เพื่อมั่นใจว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือฝ่ายตรงข้ามในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งส่วนสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพ Content และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับเนื้อหาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการแทรกสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น - Title Tag: หัวข้อ Content ที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะส่งเสริมให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บมากที่สุด - Meta Description: คำชี้แจงสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บเขาจะเจอคอนเทนต์แบบไหน Meta Description ควรเป็นเนื้อหาพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บคู่แข่ง - Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าเว็บเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของ Content เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงๆของผู้ใช้งานและ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามลำดับ - Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยไม่เข้าใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสอดคล้องกับสิ่งที่เราค้นหา ผลลัพธ์ก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง - URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บให้มีความสัมพันธ์กับคำค้นหาได้จากการสอดแทรก Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก 4. Off-Page Optimization ในทางตรงกันข้าม Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO นอกเว็บไซต์ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บอื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าพึงพอใจผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในแนวทางเดียวกัน ยิ่งมีเว็บไซต์ข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือที่ Google มีต่อเว็บของเราจะมากขึ้นเท่านั้น ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง การทำ Backlink ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียนคอนเทนต์ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานมากจนเป็นที่พูดถึง และผู้ใช้งานจะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะส่งเสริมให้คอนเทนต์ของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีคอนเทนต์อย่างมากมายก่ายกองในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง ฉะนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนคอนเทนต์ลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บไซต์ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ ช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์ Content ของเราผ่านแนวทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี https://cslseo.com (https://cslseo.com/images/seo_howto_04.png)
|