หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้น:เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้ (Allergic conjunctivitis) เริ่มหัวข้อโดย: siritidaphon ที่ กรกฎาคม 25, 2023, 09:19:07 pm เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้ เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการคันตา ตาแดง
สาเหตุ มีสาเหตุจากการแพ้ เช่น แพ้ฝุ่น ควัน เกสรดอกไม้ ความร้อน ความเย็น (เช่น ในห้องปรับอากาศ) ความชื้นอับ ยาหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ เครื่องสำอาง (ทาขอบตา ทาขนตา) เป็นต้น บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น ลมพิษ หวัดภูมิแพ้ แพ้อาหาร แพ้ยา เป็นต้น มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นแรมปี บางรายอาจมีอาการเฉพาะในฤดูร้อน ส่วนฤดูฝน และฤดูหนาวไม่มีอาการ มักพบในเด็กอนุบาลและชั้นประถมต้น เรียกว่า เยื่อตาขาวอักเสบฤดูร้อน (summer season conjunctivitis) อาการ มีอาการคันตามาก มักจะคันตรงหัวตา ต้องขยี้ ยิ่งขยี้ก็ยิ่งคัน ถ้าขยี้มาก ๆ หนังตาจะบวมและช้ำ ตาขาวจะมีสีแดงเรื่อ ๆ ผู้ป่วยมักมีน้ำตาไหล ตอนแรกน้ำตาจะใส ต่อมาจะเหนียว มักไม่มีขี้ตา หรือมีเพียงเล็กน้อย มีลักษณะใส ๆ หรือเป็นสีขาว บางรายที่แพ้รุนแรง เยื่อตาขาวอาจบวมเป่งเป็นเยื่อใส ๆ แลดูน่าตกใจ บางรายอาจมีอาการจาม คันคอ คันจมูก น้ำมูกใส ร่วมด้วย ภาวะแทรกซ้อน ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากทำให้รู้สึกรำคาญ ออกจากบ้านไม่ได้ เสียสมาธิในการเรียนและการทำงาน ส่วนน้อยอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน กระจกตาอักเสบหรือเป็นแผลกระจกตา การวินิจฉัย แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมักตรวจพบอาการตาแดงเล็กน้อย หนังตาบวม บางรายอาจมีขี้ตาเล็กน้อย ลักษณะใส ๆ หรือสีขาว บางรายแพทย์อาจทำการตรวจเลือดและทำการทดสอบว่าแพ้อะไร ในรายที่แยกไม่ออกจากเยื่อตาขาวอักเสบจากการติดเชื้อ อาจนำของเหลวที่ตาไปตรวจหาเชื้อและอีโอซิโนฟิล (เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่พบมีมากกว่าปกติในผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้) การรักษาโดยแพทย์ แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการ เช่น ใช้น้ำตาเทียม หรือใช้ยาหยอดตาลดการอักเสบ ทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้าเป็นมาก แพทย์จะให้กินยาแก้แพ้ และ/หรือใช้ยาหยอดตาที่เข้าสตีรอยด์ ยาหยอดตาจะใช้เท่าที่จำเป็น แต่ละครั้งไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน ถ้าใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้กลายเป็นต้อหินเรื้อรังได้ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยพยายามสังเกตว่าแพ้อะไร เช่น อาหาร ยา (รวมทั้งยาหยอดตา) เครื่องสำอาง ฝุ่น ควัน ละอองเกสร ขนสัตว์ ความร้อน ความเย็น เป็นต้น แล้วหาทางหลีกเลี่ยง ผลการร้กษา ผู้ป่วยจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง การใช้ยาเพียงบรรเทาอาการเป็นครั้งคราวเวลามีอาการสัมผัสสิ่งที่แพ้ การดูแลตนเอง เมื่อมั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส ควรดูแลตนเอง ดังนี้ ถ้ารู้สึกคันมาก พยายามอย่าขยี้ตา ควรประคบตาด้วยน้ำแข็ง โดยใส่ก้อนน้ำแข็งไว้ในถุงพลาสติก แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าสะอาดห่ออีกชั้น วางประคบลงบนเปลือกตาข้างที่คัน งดใช้คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหายดี หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ใช้ยารักษา (เช่น กินยาแพ้ ยาหยอดตา) ตามที่แพทย์แนะนำ ควรไปพบแพทย์/กลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ อาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน มีอาการปวดตา ตาแดงมากขึ้น มีขี้ตาแฉะ หรือสายตาพร่ามัว มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หายใจลำบาก เวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระดำ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง) จุดแดงจ้ำเขียว เป็นต้น การป้องกัน สังเกตว่ามีอาการกำเริบเวลาสัมผัสถูกอะไร หรือสงสัยว่าแพ้อะไร แล้วหาทางหลีกเลี่ยงเสีย หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ควัน ควันบุหรี่ มลพิษทางอากาศ หมั่นทำความสะอาดบ้านให้สะอาด ปราศจากฝุ่น อยู่ในห้องที่มีอากาศบริสุทธิ์จากการใช้เครื่องฟอกอากาศ ข้อแนะนำ 1. ผู้ป่วยควรใช้ยาหยอดตาสตีรอยด์บรรเทาอาการเป็นครั้งคราวตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ห้ามใช้พร่ำเพรื่อหรือติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เป็นต้อหินเรื้อรัง หรือการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ 2. การนำยาหยอดตาสตีรอยด์ที่รักษาโรคนี้ไปใช้รักษาเยื่อตาขาวอักเสบจากการติดเชื้อ อาจทำให้การอักเสบลุกลามเป็นอันตรายต่อกระจกตาดำได้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้คนอื่นหยิบยืมยาหยอดตาไปใช้รักษาโรคตาอักเสบกันเอง ตรวจอาการเบื้องต้น:เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้ (Allergic conjunctivitis) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker
|