หัวข้อ: วิธีเลือกเครื่องกรองน้ำให้ปลอดภัยกับคนที่คุณรัก เริ่มหัวข้อโดย: raraymondas ที่ พฤศจิกายน 27, 2015, 05:34:14 am วิธีเลือกเครื่องกรองน้ำให้ปลอดภัยกับคนที่คุณรัก
ปัญหาสุขภาพของเราส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการบริโภคที่ไม่ถูกสุขลักษณะ จึงมักจะทำให้ได้รับสิ่งปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายได้ง่ายโดยเฉพาะน้ำดื่ม การเลือกใช้เครื่องกรองน้ำ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ได้น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย อย่างไรก็ตามเราควรจะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำสำหรับครัวเรือนไว้ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำได้ตรงตามความต้องการ สารกรองและไส้กรองชนิดต่าง ๆ ในเครื่องกรองน้ำช่วยกำจัดสารอะไรได้บ้าง - สารกรองแมงกานีส กำจัดสารโลหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารละลายเหล็ก และสามารถเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ - สารกรองแอนทราไซต์ กำจัดตะกอนและสนิมเหล็ก - สารกรองคาร์บอน ใช้กรองตะกอน กลิ่น สี คลอรีน และสารอินทรีย์ - สารกรองเรซิ่น กรองหินปูน ลดความกระด้างในน้ำและดูดซับสี - ไส้กรองเซรามิค กรองเชื้อโรคในน้ำ มีความละเอียดในการกรอง 30 ไมครอน - ไส้กรองด้ายพัน กรองสารอินทรีย์ต่าง ๆ กรวด หิน ดิน ทราย มีความละเอียดในการกรอง 5 ไมครอน - ไส้กรองจีบ กรองกรวด หิน ดิน ทราย และสนิม ทำความสะอาดได้ง่าย มีความละเอียดในการกรอง 30 ไมครอน - ไส้กรองเมมเบรน กรองสารละลายสารปนเปื้อน เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสามารถกรองน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดสนิท มีความละเอียดในการกรอง 0.0001 ไมครอน ไส้กรองและสารกรองมีอายุการใช้งานนานเท่าใดจึงจะถึงเวลาเปลี่ยน เป็นธรรมดาเมื่อมีการใช้งานเครื่องกรองน้ำ ย่อมต้องมีเวลาที่ต้องเปลี่ยนไส้กรองและสารกรอง ซึ่งหากเป็นไส้กรองแบบ 2 in 1, ไส้กรองจีบ ไส้กรองด้ายพัน ควรจะเปลี่ยนทุก 3 - 6 เดือน ส่วนไส้กรองคาร์บอน, ไส้กรองเรซิ่น, สารกรองคาร์บอน, สารกรองแอนทราไซด์, สารกรองแมงกานิส และสารกรองเรซิ่น ควรเปลี่ยนทุก 1 ปี ไส้กรองเซรามิคส์ และไส้กรองเมมเบรน ควรเปลี่ยนทุก 1ปี - 1ปีครึ่ง และโพสคาร์บอนจะต้องเปลี่ยนทุก 2 ปี ซึ่งหากเราไม่เปลี่ยนตามกำหนดระยะเวลา แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการกรองก็จะลดลง และเราก็จได้รับสารปนเปื้อนเข้าไปด้วย ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ อย่างแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือ สภาพน้ำที่ใช้อยู่ ว่าเป็นน้ำประปา หรือบาดาล เพราะหากเป็นประปาทั่วไปก็ควรใช้เครื่องกรองน้ำแบบ RO. หรือ UF. ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับน้ำประปาโดยเฉพาะ หากเป็นน้ำบาดาลควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อที่จะได้ปรับแต่งสารกรองหรือไส้กรองให้เหมาะสมกับสภาพน้ำ ส่วนราคาเครื่องกรองน้ำแบบ RO. จะแพงกว่าแบบ UF. นอกจากนี้แล้วยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของเครื่องกรองน้ำที่ใช้ร่วมกับระบบการกรองต่าง ๆ การรับประกันสินค้า รูปทรง และบริการหลังการขาย ดังนั้นก่อนทำการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรจะศึกษาสภาพน้ำและสภาพการใช้งานของเราเสียก่อน เพราะหากไปเลือกซื้อแบบไม่มีข้อมูล ถึงแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญก็คงไม่สามารถให้คำแนะนำดี ๆ ได้ สุดท้ายจะกลายเป็นว่าได้เครื่องกรองน้ำประสิทธิภาพต่ำมาแทน
|