หัวข้อ: ตกขาวมีกลิ่น อันตรายหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suChompunuch ที่ มกราคม 08, 2016, 11:59:47 am คำค้น : ตกขาว
ข้อมูลจาก : http://www.tokhaw.com -- ตกขาวมีกลิ่น อันตรายหรือไม่ อาการตกขาวมีกลิ่นนั้นสามารถพบได้บ่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของจำนวนแบคทีเรียในช่องคลอด ถ้าตกขาวมีกลิ่นแบบธรรมดาโดยที่ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ถือว่าเป็นตกขาวที่ไม่อันตรายเนื่องจากร่างกายขับสารต่างๆออกมา สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำสะอาดและทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่ถ้าตกขาวมีกลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นน้ำคาวปลา กลิ่นเหมือนปลาเค็ม กลิ่นเหม็นเปรี้ยวรุนแรงและมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่น มีอาการแสบขณะปัสสาวะ การคันอย่างรุนแรง หรือรู้สึกเจ็บปวด มักจะเกิดจากการติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย พยาธิ หรือเชื้อไวรัส ซึ่งตกขาวมีกลิ่นประเภทนี้เราไม่ควรซื้อยาทานเอง หรือไปหาซื้อยาเหน็บมาใช้เอง เพราะว่าอาจส่งผลให้เกิดโรคอักเสบเรื้อรังภายในได้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของโรค เพื่อที่จะวางแผนการรักษาได้อย่างถูกวิธีและถูกกับสาเหตุ (http://dk.lnwfile.com/cywdbt.jpg) ตกขาวเกิดจากอะไร ตกขาวเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง อาจกล่าวได้ว่าอาการตกขาวกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน โดยการมีตกขาวนั้นไม่ถือว่าผิดปกติ แต่การมีตกขาวอาจเป็นปกติหรือไม่ปกติก็ได้ โดยตกขาวเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง เมื่อผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการตกขาวขึ้น โดยตกขาวสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ปริมาณของตกขาวนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน ส่วนมากอาการตกขาวจะเกิดขึ้นในช่วงตกไข่ ช่วงก่อนมีประจำเดือน ขณะตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะก็อาจส่งผลให้เกิดอาการตกขาวได้ นอกจากนี้ตกขาวยังสามารถเกิดจากการติดเชื้อโรคในช่องคลอด เช่นเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิ เป็นต้น นอกจากนี้ตกขาวยังสามารถเกิดจากการแพ้สารเคมีและการมีเนื้องอกหรือมะเร็งในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง วิธีป้องกันตกขาว ภาวะตกขาวเป็นอาการที่สามารถพบได้ในผู้หญิงทุกคน ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย แต่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการดูแลรักษาความสะอาดด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ ใช้สบู่อ่อน ๆ และน้ำอุ่นทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น โดยไม่ทำความสะอาดด้วยการถูแรงๆ หรือฉีดล้างด้วยน้ำยา สเปรย์ หรือสบู่ที่มีฟองมากเกินไป หลังจากเข้าห้องน้ำ ควรทำสะอาดให้แห้ง เวลาเช็ดทำความสะอาดให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในช่องคลอด ใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่ช่วยระบายความชื้นได้ดี และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ รับประทานโยเกิร์ต หรือยาคูลท์ ซึ่งมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ช่วยรักษาสมดุลของจุดซ่อนเร้น
|