หัวข้อ: เครื่องปริ้น มีกี่ประเภท อะไรบ้าง เริ่มหัวข้อโดย: BenzE200AMG ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2016, 04:27:46 am เครื่องปริ้น มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
เครื่องปริ้นดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นิยมนำมาใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด โดยจากราคาถูก และมีคุณภาพการพิมพ์อยู่ที่ระดับโดยเหมาะสมดี การทำงานของเครื่องพิมพ์อย่างนี้จะมีหลักการสร้างจุด ลงใน แผ่นกระดาษโดยตรง และหัวปั้มของเครื่องพิมพ์ จะมีลักษณะแบบหัวเข็ม pin เวลาเราต้องการปริ้นงานใดลงบนในแผ่นกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น สิ่งดังกล่าวก็จะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่นๆ เพื่อไปกระแทรกผ่านผ้าหมึก ลงที่กระดาษ ก็จะทำให้มีจุดขึ้นมา การปริ้นแบบนี้ก็อาจจะมีเสียงดัง พอสมควร และความคมชัดของข้อมูลที่ แผ่นกระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุดของเครื่องปริ้น ถ้าจำนวนจุดยิ่งเยอะเอกสารที่ปริ้นลงบนกระดาษก็จะยิ่งมีคมชัดยิ่งขึ้น ความเร็ว ของเครื่องปริ้นดอตแมทริกซ์ก็อยู่ในระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวต่อวินาที หรือประมาณ 1 - 3 หน้า/นาที เครื่องปริ้นดอตแมทริกซ์ จะเหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบสอบถามที่เราต้องการซ้อนกระดาษก๊อป หลาย ๆ แผ่น เครื่องพิมพ์แบบนี้ จะใช้กระดาษต่อเนื่องกันในการพิมพ์ โดยกระดาษอย่างนี้ก็จะมีรูข้างๆกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนแผ่นกระดาษ
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์โดยมีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์ ดอตแมทริกซ์ โดยจะสามารถพิมพ์ตัวหนังสือที่มีรูปแบบ และขนาดที่ต่างกันมาก ๆได้ รวมไปถึงทั้งการ ปริ้นงานกราฟิกที่ให้ ผลลัพธ์ ความคมชัดว่าเครื่องพิมพ์ ดอตแมทริกซ์ เทคโนโลยีที่เครื่องปริ้น พ่นหมึกนี้ จะใช้ในการปริ้นก็คือ การพ่นน้ำหมึกหยดเล็ก ๆ ไปบนแผ่นกระดาษ หยดน้ำหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดก็จะอยู่ในตำแหน่งที่รวมกันแล้ว จะเป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามที่ต้องการของเรา
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับเครื่องปริ้น แบบพ่นหมึก แต่จะสามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ จะสามารถพิมพ์ตัวหนังสือได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมไปถึงพร้อมทั้งยังสามารถปริ้นเอกสาร กราฟิกที่มีคมชัดได้ด้วย เครื่องปริ้นเลเซอร์จะใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปทำรูปที่ แผ่นกระดาษในกาทำรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องปริ้นแบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงที่แผ่นกระดาษจะเหมาะสำหรับงาน ที่เกี่ยวกับการสร้างแบบทางวิศวกรรม กับงานแต่งด้านใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก ขอบคุณบทความจาก : http://sasada110.edublogs.org/
|