หัวข้อ: ปลูกผม FUE ไร้แผลเป็น ไม่ต้องผ่าตัด เริ่มหัวข้อโดย: suChompunuch ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2016, 08:53:09 am ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมมี 3 วิธี คือ
1.วิธีผ่าตัดเล็ก โดยตัดหนังศีรษะออกมาแถบหนึ่ง เย็บหนังศีรษะเข้าหากัน แล้วนำแถบผมที่ได้มาแบ่งเซลล์ผมออกเป็นกอๆ(กราฟ) โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Follicular Unit Transplantation หรือ Strip Technique ขอเรียกสั้นๆว่า วิธี FUT ที่คลินิกเราเลือกปลูกผมด้วยวิธีนี้ เพราะเส้นผมที่ปลูกขึ้นดี และแผลเป็นที่หนังศีรษะก็น้อยและเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่า รูปที่ 1 ก่อนการปลูกผม ด้วยวิธี FUT (http://www.thaihairclinic.com/noscar/image001.jpg) รูปที่ 2 หลังปลูกผม ด้วยวิธี FUT (http://www.thaihairclinic.com/noscar/image003.jpg) รูปที่ 3 แผลเป็นด้านหลัง จากการปลูกผมด้วยวิธี FUT (ในคนไข้รายเดียวกัน) (http://www.thaihairclinic.com/noscar/image005.jpg) 2.วิธีถอนผมมาปลูก โดยใช้เครื่องมือคล้ายๆสว่านเจาะตรงรูของเส้นผมทีละรู แล้วใช้คีมปลายแหลมถอนเซลล์ผมออกจากหนังศีรษะ วิธีนี้มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Follicular Unit Extraction หรือมักใช้คำโฆษณาว่า ปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด หรือ ปลูกผมไร้แผลเป็น ขอเรียกสั้นๆว่า วิธี FUE อันที่จริงแล้วชื่อที่ถูกต้องควรเป็น "การปลูกผมแบบถอนผมมาปลูก" หรือ "การปลูกผมแบบใช้สว่านเจาะ" ไม่ใช่ "การปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด หรือ ปลูกผมไร้แผลเป็น" แต่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ จึงบิดเบือนใช้คำว่า "ปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด หรือ ปลูกผมไร้แผลเป็น" เพื่อให้ดูไม่น่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นการปลูกผมแบบผ่าตัดชนิดหนึ่งและก็มีแผลเป็นที่หนังศีรษะเช่นกัน รูปที่ 4 คนไข้รายหนึ่งที่ได้รับการปลูกผมแบบ FUE ประมาณ 2000 กราฟ(กอ) (http://www.thaihairclinic.com/noscar/bbb.jpg) จากคลินิกแห่งหนึ่ง วงสีแดงแสดงให้เห็นแผลเป็นจากการถอนผมไปปลูก สังเกตเห็นได้เมื่อตัดผมสั้น บริเวณที่ถูกถอนผมไปปลูกจะเป็นแผลเป็น และแผลเป็นอยู่ใกล้ๆกัน ทำให้เส้นผมตรงนั้นบางลงอย่างมากจนแลเห็นได้ด้วยสายตา 3.การปลูกผมโดยใช้หุ่นยนต์ (the ARTAS® Robotic Procedure) ก็จัดเป็น การปลูกผมแบบถอนผมมาปลูก ชนิดหนึ่ง เพียงแต่ใช้หุ่นยนต์ช่วยเหลือแพทย์ในการเจาะรูของเส้นผมด้านหลังและนำออกจากหนังศีรษะเท่านั้น ส่วนการนำเซลล์ผมมาปลูกยังบริเวณศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเป็นวิธี FUT, FUE หรือ the ARTAS® Robotic Procedure ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะต้องใช้คนปลูกทั้งสิ้น ดังนั้นความสวยงาม ความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ขึ้นมาใหม่จาการปลูกผม จึงไม่ขึ้นกับวิธี FUT, FUE หรือ the ARTAS® Robotic Procedure แต่อยู่ที่ความชำนาญของแพทย์และทีมงานที่ปลูกผม การปลูกผมแบบ FUE อาจต้องโกนศีรษะเป็นบริเวณกว้าง รูปที่ 5 การปลูกผมแบบ FUE อาจต้องโกนศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ไม่สามารถซ่อนร่อยรอยจากการปลูกผมได้ ปลูกผมไร้แผลเป็นจริงหรือ? โดยแท้จริงแล้วการ ปลูกผม โดยวิธี FUE ก็มีแผลเป็นเช่นเดียวกันกับวิธี FUT เพียงแต่ว่า แผลเป็นมีลักษณะเป็นจุด ๆ อยู่กระจัดกระจาย ไม่เห็นเป็นเส้นเหมือนแผลเป็นจากการปลูกผมแบบ FUT แต่ถ้าโกนผม ก็จะเห็นแผลเป็นเช่นเดียวกัน ในคนไข้บางรายซึ่งจำเป็นต้องปลูกผมซ้ำหลายครั้ง จุดเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นและอยู่ใกล้กัน จนสามารถสังเกตเห็นได้ และบางครั้งจุดเหล่านี้อาจมีสีเข้มหรือจางกว่าสีของหนังศีรษะ ทำให้เห็นรอยจุดชัดเจนขึ้น หากคำนวณด้วยหลักทางคณิตศาสตร์แล้ววิธี FUE กลับมีแผลเป็นมากกว่า วิธี FUT เสียอีก -วิธีปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับการปลูกผมที่ใช้จำนวนกอผม(กราฟ)ไม่มากนัก และสามารถเลือกเอาเส้นผมที่มีขนาดเล็กมาปลูกได้ จึงเหมาะกับการปลูกคิ้ว ปลูกขนตา จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น -วิธี FUE สามารถนำขนจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หนวด เครา ขนหน้าอก ขนแขน ขนหน้าแข้ง ฯลฯ มาปลูกที่ศีรษะได้ แต่ก็มีข้อที่ควรคำนึงถึงก็คือ ขนที่นำมาปลูกมีลักษณะหยิก และไม่งอกยาวเหมือนเส้นผมที่หนังศีรษะ จึงอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ และยากที่จะกำจัดหรือแก้ไข -วิธี FUE อาจจำเป็นต้องนำเอาเซลล์ผมที่อยู่เหนือบริเวณท้ายทอยมาปลูก เซลล์ผมที่อยู่เหนือบริเวณท้ายทอยเป็นเซลล์ผมที่ไม่ถาวร ฉะนั้นเซลล์ผมที่นำมาปลูกจึงอาจอยู่ไม่ถาวร -การปลูกผมแบบ FUE ใช้เวลาค่อนข้างมาก ทำให้การปลูกผมแต่ละครั้ง ได้จำนวนกอผม (กราฟ) ไม่มากเท่าวิธี FUT จึงอาจจำเป็นต้องปลูกหลายครั้งกว่าจะจบ -ค่าปลูกผมโดยวิธี FUE จะแพงกว่าแบบ FUT ประมาณ 2 เท่า -การปลูกผมโดยใช้หุ่นยนต์ (the ARTAS® Robotic Procedure) ซึ่งจัดเป็นการปลูกผมด้วยวิธี FUE แบบหนึ่ง ที่กำลังมาแรง เพราะค่ารักษาแพง และทำรายได้อย่างมหาศาล ถ้าหุ่นยนต์ทำได้ดีจริง แพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง แค่ลงทุนซื้อหุ่นยนต์มาช่วยทำ หุ่นยนต์ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ช้าก็คุ้มค่าเงินที่ลงทุนไป แต่อย่าลืมว่าหุ่นยนต์ก็มีหน้าที่แค่ช่วยเหลือแพทย์ในการเจาะรูของเส้นผมด้านหลังและนำออกจากหนังศีรษะเท่านั้น ส่วนการนำเซลล์ผมมาปลูกยังบริเวณศีรษะล้าน หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ ยังต้องอาศัยคนปลูกอยู่ดี ดังนั้นความสวยงาม ความเป็นธรรมชาติของเส้นผม ที่ขึ้นมาใหม่จาการปลูกผม จึงไม่ขึ้นกับวิธี FUT, FUE หรือ หุ่นยนต์ แต่อยู่ที่ความชำนาญของแพทย์และทีมงานที่ปลูกผม การประดิษฐ์หุ่นยนต์ปลูกผมขึ้นมา อาจเป็นเพราะต้องการให้การปลูกผมเป็นงานอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การปลูกผมเป็นงานศิลปะ เป็นงานที่ละเอียดซับซ้อน ที่ต้องอาศัยทักษะ ความรู้ ความเข้าใจในศิลปะการปลูกผม ผลงานจึงจะออกมาดีและมีคุณค่า ถ้าหุ่นยนต์ทำงานได้ดีเท่าแพทย์ปลูกผม ก็คงหนีไม่พ้นที่จะใช้หุ่นยนต์มาทำงานแทนแพทย์สาขาอื่นๆได้เช่นกัน โรงพยาบาลก็ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างแพทย์มารักษาคนไข้อีกต่อไป แต่ใช้หุ่นยนต์รักษาคนไข้แทนแพทย์ นวัตกรรมการรักษาคนไข้ด้วยหุ่นยนต์ ก็คงเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดยอดเท่าที่มนุษย์เคยมีมา ไม่เพียงแต่อาชีพแพทย์เท่านั้น วิชาชีพอื่นๆก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบันการปลูกผมด้วย FUE และหุ่นยนต์ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถมาแทนที่การปลูกผมแบบ FUT ได้ เนื่องจากผลดี ผลเสีย ดังกล่าวข้างต้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.theskin.co.th/ปลูกผม.html
|