หัวข้อ: ความพ่ายแพ้...ที่ไม่เสียหาย เริ่มหัวข้อโดย: raraymondas ที่ ธันวาคม 16, 2016, 09:36:36 pm จบเกมส์ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ในเกมส์แรกที่อินโดนีเซีย เป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน สามารถใช้ความได้เปรียบในเรื่องของสภาพแวดล้อมและหัวใจฮึดสู้ เอาชนะทีมชาติไทยของเราไปได้ก่อน 2 ประตู่ต่อ 1
ถามว่าการพ่ายแพ้สำหรับทีมชาติไทยของเรานั้น สมควรและเหมาะสมหรือไม่.....ถ้าส่วนตัวผมมองว่าช่างเป็นผลการแข่งขันที่ทำให้ทีมชาติไทย และแฟนบอลบ้านเราบั่นทอนจิตใจยิ่งนัก !! ความพ่ายแพ้กลับมาทั้งๆ ที่รูปเกมส์หรือจังหวะการเข้าทำของเรา ดูดีกว่าทางเจ้าบ้านชัดเจน แต่เพียงเพราะความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวดันกลายเป็นผลการแข่งขันที่โหดร้ายต่อทีมชาติไทยเรายิ่งนัก ซึ่งมองดีดี ผลการแข่งขันนั้นไม่แฟร์เลย...ฮ่าฮ่า ผมมองแบบนั้นเพราะว่าเกมส์นี้หากเอาเข้าจริง ทีมชาติไทยถือว่าเล่นได้ตามาตรฐานที่สมควรต้องกระทำ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ผ่านมาในรอบก่อนๆและในเกมส์นี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายเลยสำหรับรูปแบบการเล่น การต่อบอล การวิ่งหาช่องหรือการประสานงานกันของนักเตะ ดูดีมีแนวทางที่น่าสนใจ ผมเห็นบางจังหวะนักเตะสามารถเอาตัวรอดจากการถูกบีบพื้นที่ และการเล่นในพื้นที่แคบๆ ด้วยการต่อบอลและใช้ทักษะการวิ่งกินตัวหรือหาช่อง เพื่อนำบอลออกมาจากพื้นที่กดดันตรงนั้นให้ได้....ตรงนี้ทัพช้างศึกทำได้ดีมากๆ เราครองบอล และเล่นสไตล์การต่อบอลที่สวยงาม ทำให้หลายๆ ครั้ง ผู้เล่นของเขาไม่ได้สัมผัสบอลหรือแย่งบอลไปจากเราไม่ได้อยู่พักใหญ่ๆ ซึ่งหลายครั้งมักจบลงด้วยลูกฟาล์วหนักๆ ซึ่งเป็นแท็คติกที่เขาเตรียมมาใช้กับทีมไทยอยู่แล้ว การฟาล์วที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและลูกหนักหน่วงที่เตรียมมาใช้กับไทยนั้น ถือเป็นหมากหนึ่งที่หลายๆ ทีม จำต้องเอามาใช้กับทีมไทย แต่เดชะบุญที่ไทยยุคนี้ไม่ใช่ยุคเมื่อ 7 – 8 ปีก่อน ที่ถ้าคุณหนักมา ผมหนักกลับ ไม่โกง.....ตรงนี้ต้องชมหัวใจนักเตะที่ปรับตัวกันได้ดีมากๆ ประตูขึ้นนำของธีรสินป์ ทำให้ทีม ไทยเล่นได้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องกดดันอะไรมากมายมิหนำซ้ำรุปเกมส์ที่เป็นต่อ และดูดีกว่าชัดเจน มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หากแต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ดันส่งผลแย่ไปสักนิด ประตูตีเสมอต้องบอกว่าเป็นความผิดพลาดของนักเตะเราที่ดันเสียบอลกลางสนาม และมิหนะซ้ำลูกยิงยังไปแฉลบ ทริสตองโด ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนเป็นใจ เพราะถ้าไม่แฉลบผมว่า กวิน คงบินไปรับลูกนี้ได้สบายๆ....แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นในเมื่อทิศทางมันเปลี่ยน ก็สุดปัญญาที่จะบิน หลัวเราโดนประตูตีเสมอ 1 – 1 ทำให้โมเมนตั้มทุกอย่างเปลี่ยนหมด เรายิ่งเล่น เหมือนยิ่งไปเข้าทางเขาซะอย่างนั้น และยิ่งเสียงเชียภายในสนามปากินซารี สเตเดียม ที่เข้ามาเต็มความจุ สามหมื่นกว่าคนส่งเสียปลุกเร้า และเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้กับอินโดนีเซีย เป็นกำลังใจให้พวกเขาเล่นได้อย่างไม่กลัวและเริ่มปิดพื้นที่เราได้มากขึ้น อันที่จริงประตูที่เราเสียอีกลูก อันนี้ก็ต้องบอกว่าจนปัญญา ที่จะรับหรือป้องกันแหละครับ การที่นักเตะฝ่ายตรงข้ามขึ้นโหม่งเดี่ยวๆ และย้อนกลับมาแบบนั้นมันยากที่จะป้องกันแล้วครับ เราเสีย 2 ประตูจากความผิดพลาดและความเฉียบขาดของพวกเขา....ที่สำคัญผมว่าเราดันไปผ่อนเกมส์ ทั้งก่อนเสียประตูตีเสมอ และยิ่งเสียประตูตีเสมอไปแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เราเริ่มเสียบอลและเก็บบอลไม่ได้เหมือนเก่า ส่วนหนึ่งมาจากพลังใจของแฟนบอลเสียงเชียร์ และแรงปลุกเร้า ที่ทำให้จิตใจของนักเตะไทยดูเหมือนห่อเหี่ยวหลังโดนลูกตีเสมอ....โมเมนตั้มมันจึงเปลี่ยนและสุดท้ายเราเสียประตู สู่การพ่ายแพ เกมส์นี้แฟนบอลสามหมื่นกว่าคน สำหรับผมถึงแม้นักเตะเราจะไม่ได้แสดงความตื่นตระหนก หรือวาดกลัว หรือเล่นผิดพลาดจากเสียงเชียร์นั้น แต่เบื้องลึกจิตใจผมว่าส่งผลกระทบเหมือนกันนะครับ ที่โดนแฟนบอลคู่แข่งใช้ทั้งเสียง และเลเซอร์ เล่นงานแทบตลอดทั้งเกมส์ เกมส์นี้เราแพ้เพราะบรรยากาศนะครับผมว่า บรรยากาศ หรือสภาพแวดล้อมหลายๆ อย่าง ที่ทำให้เราต้องพ่ายแพ้....แต่ถามว่าเสียไหม ?? ผมตอบเลยว่า “ไม่เสียหาย” พ่ายแพ้มาแค่ 1 ประตูทุกอย่างยังเปิดกว้าง ที่สำคัญ 1 ประตูที่เรายิงได้นั้น เป็นประตูทีมเยือนที่เราถือความได้เปรียบ ผมเชื่อว่าบรรยากาศ ที่ทำให้เราต้องพ่ายแพ้ในเกมส์นี้.....เดี๋ยวกลับมาวันเสาร์ ที่บ้านเรา พวกเขาจะโดนกลับด้วยสภาพเดียวกัน แฟนบอลกว่า 5 หมื่นชีวิต ในราชมังคลากีฬาสถาน คงจะส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจทัพช้างศึกอย่างเต็มเปี่ยมไม่แพ้พวกเขาแน่ๆ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด....และโอกาส ป้องกันแชมป์ของเรา สำหรับผม มันมีมากกว่าที่อินโดนีเซีย จะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกซะอีก หากเราเล่นได้ตามาตรฐาน 1 ประตูที่ตามหลังอยู่นั้น คงไม่ยากจนเกินไป !
|