ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: xcepter2016 ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2017, 09:59:33 pm



หัวข้อ: Jazzy Frank กับดนตรีแจ๊สที่ไร้กำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: xcepter2016 ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2017, 09:59:33 pm
คำว่า ‘ดนตรี’ นั้น นอกจากจะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราผ่อนคลายด้วยท่วงทำนองและคำร้องแล้ว หากแบ่งแยกเป็นประเภทก็แบ่งออกมาได้อีกหลายแนว ตามรสนิยมของคนฟังที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ร็อก, ป๊อป, คลาสสิก, เรกเก้, ฮิปฮอป และแนวอื่นๆ อีกมากมาย

            ถ้าหากพูดถึง ‘ดนตรีแจ๊ส’ สำหรับในเมืองไทย ดูเหมือนว่าจะเป็นแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมน้อยอยู่สักหน่อย ไม่เพียงแต่ในบ้านเราเท่านั้น นักฟังเพลงทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจในดนตรีแนวนี้ลดน้อยลงกว่าเดิมมาก

            แต่ยังมีนักดนตรีชาวไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินแจ๊สที่มีฝีมือเพียงไม่กี่คนในเมืองไทย ตั้งใจทำอัลบั้มเพลงแจ๊สของตัวเองออกมาเพื่ออยากให้เพลงแจ๊สเข้าถึงกลุ่มคนฟังใหม่ๆ มากขึ้น เขามีชื่อว่า Jazzy Frank

            TK park Music Education 2014 ณ ห้อง Learning Auditorium อุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2557 เป็นคิวของกิจกรรมที่ชื่อว่า “Jazzy Frank เพลงบรรเลงบอกเล่าชีวิต” คอนเสิร์ตโชว์เพลงแจ๊สแบบสดๆ และการเสวนาที่เล่าเรื่องราวชีวิตบนเส้นทางสายดนตรีของนักกีตาร์แจ๊สรุ่นใหม่ชาวไทย ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางดนตรีอันเข้มข้นจากอเมริกา มาสร้างสรรค์เป็นอัลบั้มเดี่ยวของตนเองที่ชื่อว่า Sundance

Jazzy Frank เปิดเวทีด้วยเพลงบรรเลงในอัลบั้ม ‘Sundance’ ถึง 2 เพลง เรียกได้ว่าเป็นแนว Contemporary Jazz หรือแจ๊สร่วมสมัย ที่ผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นร็อกที่ฟังได้ง่ายและมีความไพเราะเป็นอย่างมาก ต่อด้วยการพูดคุยถึงเส้นทางกว่าที่จะมาเป็นนักดนตรีแจ๊สได้อย่างทุกวันนี้

            “ถ้าถามผมว่าดนตรีแจ๊สคืออะไร อาจจะตอบยากเหมือนกัน เหมือนเป็นวิวัฒนาการของดนตรีอย่างหนึ่ง ซึ่งเครื่องดนตรีทุกอย่างเป็นแจ๊สได้หมด ไม่จำเป็นต้องมีแซกโซโฟนเท่านั้น เรียกว่าเป็นวิธีของการเล่น โทนเสียง และกลุ่มของเสียง ซึ่งบอกได้ว่าเป็นดนตรีแจ๊ส ต้องขอบอกว่าดนตรีแจ๊สเป็นดนตรีที่ไม่ง่าย นักดนตรีแจ๊สบางท่านบอกว่าเหมือนวิทยาศาสตร์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความซับซ้อนเหมือนกัน” Jazzy Frank เริ่มต้นเล่าถึงนิยามของดนตรีแจ๊สที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักมาก่อน

            Jazzy Frank เริ่มต้นเล่นดนตรีตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ขวบเท่านั้น เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เขาทำความรู้จักคือเปียโน โดยได้รับการสอนจากพ่อของเขาเอง ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ให้กับโรงเรียนดนตรีมาก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มสนใจเครื่องดนตรีอย่าง Melodeon และ Trumpet เพื่อเล่นให้กับวงดนตรีของโรงเรียน จนเมื่ออายุได้ 12 ปี จึงมีโอกาสได้จับกีตาร์และค้นพบว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ชอบและถนัดที่สุด

            ช่วงมัธยมปลายเขาได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านดนตรีโดยตรงที่ Oneida Baptist Institute รัฐ Kentucky สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาทฤษฎีดนตรีและเป็นนักดนตรีแสดงในงานของโรงเรียน ก่อนจะเข้าศึกษาดนตรีในระดับมหาวิทยาลัยที่ Musician Institute เมือง Los Angeles ในสาขา Guitar (GIT)

            ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาด้านดนตรีมา เขาสนใจดนตรีแนวร็อกมาตลอด จนกระทั่งมีโอกาสได้ฟังเพลง Blue in Green ของศิลปินแจ๊สชื่อดัง Miles Davis ซึ่งเป็นเพลงแจ๊สที่ฟังง่ายและไพเราะมาก ทำให้เขาหลงเสน่ห์ของเพลงแจ๊ส จึงเริ่มต้นแกะเพลงและหัดเล่น

            “ตอนนั้นผมสงสัยว่า แจ๊สคืออะไร พอถามอาจารย์ เขาก็บอกว่าคุณต้องลองเล่นดู หลายต่อหลายเพลงไปเรื่อยๆ” เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจดนตรีแจ๊สอย่างจริงจัง และด้วยสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่เพื่อนๆ สนใจแต่เพลงแจ๊ส เลยส่งผลให้เขาต้องฝึกฝนวันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ดนตรีแจ๊สจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาในที่สุด

            ในระหว่างที่เรียน Jazzy Frank มีโอกาสได้ออกไปเล่นดนตรีกลางคืนตามร้านอาหารถึง 3-4 คืนต่อสัปดาห์ใน Los Angeles นับว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาไม่ได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย

            “การไปเล่นดนตรีกลางคืนเหมือนเป็นของแถมในชีวิต เพราะว่าได้ทำงานที่เรารักและได้ฝึกและพัฒนาตัวเองด้วย นอกเหนือจากเงินที่ได้คือประสบการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนที่อยู่ในโรงเรียนดนตรีทำได้เหมือนกันหมด แต่ประสบการณ์ไม่เหมือนกัน ผมได้เรียนรู้เรื่องการเอาตัวรอด ด้วยแนวเพลงแจ๊สทำให้หางานยากมาก เพราะฉะนั้นผมจึงฝึกเล่นดนตรีได้ทุกแนว ไม่จำกัดว่าเป็นแจ๊ส
อย่างเดียว ถ้าเราเปิดกว้างเล่นได้หมดก็จะมีงานเข้ามา ฝรั่งเขาบอกว่าถ้าโทรศัพท์เข้ามา แล้วเราตอบกลับว่าตกลง โทรศัพท์ก็จะดังตลอดเวลา แต่ถ้าไม่ตอบตกลง โทรศัพท์ก็จะไม่เข้ามาอีกเลย”

 นักดนตรีหนุ่มได้เดินทางไปแสดงดนตรีในอีกหลายรัฐ และก่อนจบการศึกษาได้มีโอกาสฝึกงานที่ Moonlight Studio กับสองโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง David Vasquez และ Jeff Lewis ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของ บอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงแนวหน้าของเมืองไทยอีกด้วย

            “สตูดิโอนี้เป็นสตูดิโอที่ใช้ทำงานและเป็นห้องเรียนด้วย เพื่อจะได้ศึกษาว่าการมีห้องอัดเพื่อผลิตเพลงออกไปขายเป็นอย่างไร ผมมีโอกาสได้รู้จักกับ David Vasquez และ Jeff Lewis และได้เจอนักดนตรีที่เก่งมากๆ หลายคน ไม่น่าเชื่อว่าเราเป็นคนไทยจะได้มาเจอคนระดับนี้” เขาเผยถึงความประทับใจ

            หลังจากที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านดนตรีแจ๊สและได้เรียนรู้กับโปรดิวเซอร์ระดับโลกแล้ว ช่วงก่อนที่นักดนตรีหนุ่มจะเดินทางกลับเมืองไทย เขาได้ตัดสินใจทำอัลบั้มของตนเองขึ้นมา

            “หลังจากที่เล่นเพลงของคนอื่นมาเยอะ เราก็อยากเล่นเพลงของเราบ้าง ศิลปินดังๆ ที่เคยทำงานให้คนอื่นมาก่อน พอมีอัลบั้มของตัวเองก็ไม่ต้องทำงานให้คนอื่นแล้ว หันมาทำงานให้ตัวเองกันหมด” Jazzy Frank อธิบายถึงที่มาของอัลบั้ม ‘Sundance’ อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิตของเขา “ผมอยากให้คนฟังได้ไปถึงการฟังที่ลึกขึ้น อย่างผมเพลงแจ๊สเพลงแรกที่ผมฟังก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก ผมคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ฟังแจ๊สหันมาฟัง และทุกวันนี้สื่อต่างๆ เกี่ยวกับแจ๊สก็เริ่มหายไป คลื่นวิทยุที่เปิดเพลงแจ๊สก็ลดน้อยลง ร้านดนตรีที่เล่นเพลงแจ๊สระดับโลกก็ทยอยปิดตัวลง ชัดเจนว่าคนฟังเพลงแจ๊สลดน้อยลงจริงๆ ผมจึงทำอัลบั้มขึ้นมาเพื่อขยายฐานคนฟังให้มากที่สุด” 

อัลบั้ม ‘Sundance’ เป็นอัลบั้มเพลงบรรเลงที่ Jazzy Frank ลงมือแต่งทุกเพลงในอัลบั้มทั้งหมด โดยมีโปรดิวเซอร์อย่าง Jeff Lewis มามีส่วนร่วมในขั้นตอนการบันทึกเสียง รวมถึงได้ Brian Simpson มือคีย์บอร์ดแจ๊สระดับโลกมา featuring อีกด้วย

            “อัลบั้มนี้เริ่มต้นทำตอนอยู่ที่ LA แต่ผมไม่มีเงินที่จะทำ เลยอาศัยขอทำงานแลกค่าการใช้สตูดิโอ และได้เพื่อนๆ มาช่วยกัน จึงไม่เหมือนการทำอัลบั้มแบบปกติ ที่พอขายได้ค่อยเอาเงินไปคืนเขา” เจ้าของอัลบั้มเผยถึงความยากในการทำอัลบั้มด้วยตนเอง

            นับว่าเป็นที่น่าภูมิใจของศิลปินแจ๊สชาวไทยคนนี้ไม่น้อย เพราะว่าเพลงต่างๆ ในอัลบั้ม ‘Sundance’ มีการปล่อยให้ฟังตามคลื่นวิทยุแจ๊สทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากคลื่นเล็กๆ ก่อน และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคนฟัง จึงได้รับการแนะนำและค่อยๆ ขยายฐานคนฟังไปทั่วโลก ล่าสุด Jazzy Frank ได้ออกซิงเกิลที่มีเนื้อร้อยภาษาไทยชื่อว่า ‘You're The Reason (เธอคือเหตุผล)’ โดยได้ แม็ค ศรัณย์ จากวง Acapella 7 มาช่วยแต่งเนื้อร้องให้

            เมื่อถามถึงมุมมองต่อคนฟังเพลงแจ๊สในเมืองไทยและการที่คนฟังแจ๊สทั่วโลกเริ่มลดน้อยลง เขาให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมไม่เถียงว่าเพลงแจ๊สต้องปีนบันไดฟัง เพราะฉะนั้นคนทำเพลงต้องมองอีกมุมหนึ่งด้วย คนฟังไม่ได้ฟังเพื่อการศึกษาเสมอไป เขาฟังเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งแจ๊สก็มีหลายแขนง มีทั้งแนวเพื่อผ่อนคลายอย่างเดียวและยังมีแนวที่ฟังเพื่อทดลองและพัฒนาดนตรีแจ๊ส เราจึงอยากนำเสนอส่วนที่ผ่อนคลายให้คนฟัง โดยไม่หลุดไปจากสิ่งเดิมที่เขาฟังอยู่แล้ว ซึ่งถ้าย้อนกลับไป ผมเริ่มต้นด้วยการฟังเพลงแจ๊สยากๆ แต่แรก ผมคงไม่อยากฟังอีกเลยก็เป็นได้”

            ถึงแม้ว่าแจ๊สจะเป็นดนตรีแขนงหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่แพ้แนวดนตรีอื่นๆ แต่ในปัจจุบันก็ยังพบเห็นคนฟังที่พยายามแบ่งแยกแนวเพลงที่ฟังกันอยู่ และมีการดูถูกแนวเพลงที่ไม่ถูกรสนิยมของตนเอง “ดนตรีในสมัยก่อน ตั้งแต่ยุคของบีโธเฟ่น จะเรียกดนตรีว่าดนตรี ไม่ได้เรียกว่าเป็นแนวอะไร ซึ่งบางครั้งเราจำกัดความว่า เราเป็นร็อกไม่ฟังแจ๊ส แจ๊สไม่ฟังร็อก กลายเป็นการสร้างกำแพงไม่ให้ออกไปหาเพื่อนใหม่ๆ เราน่าจะอยู่ในสังคมที่ทุกคนเปิดกว้างในการฟังเพลง ไม่ว่าเราจะฟังแจ๊สหรือฟังร็อกก็ยังเป็นเพื่อนกันได้” ศิลปินแจ๊สหนุ่มให้ความเห็นเสนอแนะทางออกที่อยากให้คนฟังดนตรีทุกแนว ไม่แบ่งแยกกัน

เสร็จสิ้นจากการพูดคุย Jazzy Frank ก็ได้นำบทเพลงในอัลบั้ม ‘Sundance’ มาบรรเลงให้ฟังอีกหลายต่อหลายเพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่ไพเราะและฟังง่าย แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำอัลบั้มเพลงแจ๊สที่เข้าถึงคนฟังได้ทุกคน 

            ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแนวไหน ‘ดนตรี’ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

 

วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย

เช็คเรื่องนี้เพิ่มเติมที่ diva-group.org/ และฝากแนะนำ http://diva-group.org/menu/รถยนต์/
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ