หัวข้อ: แม้นับย้อนถอยหลังไปเมื่อสักเกือบ 10 ปีที่แล้ว หากจะให้เอ่ยชื่อยอดกุนซือที่ประสบผ เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ เมษายน 18, 2017, 04:42:31 am ถ้าหากนับย้อนถอยหลังไปเมื่อสักแทบ 10 ปีที่ผ่านมา หากต้องการให้เอ่ยชื่อยอดที่ปรึกษาที่บรรลุผลสำเร็จและก็มีคนให้ความเคารพสูงที่สุดสักคน แน่ๆว่าชื่อของอาร์แซน เวนเกอร์จำเป็นต้องถูกหยิบเอาขึ้นมาเป็นแน่แท้
นับจากปี 1996 ที่เจ้าตัวเข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาใหญ่ของทีม เวนเกอร์ก็เปลี่ยนแปลงให้อาร์เซนอล กลายมาเป็นพี่บิ๊กประจำเกมลูกหนังเมืองผู้ดี ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับบรรดากลุ่มอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในสมัยที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยังทำทีมอยู่อย่างเดียวกัน แชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 สมัยและก็เอฟเอ คัพอีก 6 สมัยเป็นสิ่งรับรองได้อย่างดีถึงการบรรลุเป้าหมายที่ที่ปรึกษาเมืองน้ำหอมมีในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม ถ้าแต่ว่านั่นเป็นเพียง 6 ถ้วยรางวัลที่เกิดขึ้นตลอดการคุมกลุ่ม 21 ปีแล้วก็แชมป์ระดับเมเจอร์หนสุดท้ายก็จำต้องย้อนยาวกลับไปตั้งแต่เมื่อ 12 ปีก่อนกับการคว้าถ้วยพรีเมียร์ ลีกโน่นเลย อดีตกาลอันหอมขจรกระจายเชิญชวนฝันของเวนเกอรกับ “ปืนใหญ่” เกิดขึ้นในช่วง 1998 ถึง 2004 ต่อจากนั้นพวกเขาก็กระท่อนกระแท่นในประเด็นการไล่ล่าแชมป์ตลอดมา ถึงแม้ว่าจะรักษาการติดอันดับท็อปโฟร์มาได้อย่างช้านานจนแปลงเป็น “สิกข์เนเจอร์” ของที่ปรึกษาหน้าเหี่ยวเฉาไปแล้วว่า ถึงไม่แชมป์แม้กระนั้นก็รับรองการได้ไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีก สถานการณ์ไม่มีแชมป์ถ้วยใบใหญ่ว่าห่วยแตกแล้ว แต่ภาพสะท้อนของทีมและแนวคิดของ เวนเกอร์ ในตอนหลายปีข้างหลังมานี่สิที่ห่วยกว่า ! สัญลักษณ์ที่รู้กันของนักฟุตบอลอาร์เซนอลในยุคนี้คือการที่มักจะ “ท่าดี คราวเหลว” เริ่มฤดูด้วยการเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ ฟอร์มร้อนแรงรวมทั้งชอบดร็อปลงไปดื้อๆหลังล่วงเลยปีใหม่ นักเตะเล่นเหมือนไม่มีแรงกระตุ้น จังหวะที่เรียกว่า “ต้องเอา” กลับทำมิได้ เมื่อจะโทษนักเตะก็อย่างไรอยู่ ด้วยเหตุว่ายาวนานหลายปีล่วงเลย มีนักเตะเดินเข้าและออกประตูรั้วของสมาพันธ์มาล้นหลามผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย แม้กระนั้นภาพที่ออกมากลับอยู่ในกรอบเดียวกัน ฉะนั้นแล้วคนใดก็จะต้องเบนเป้าไปที่หัวเรือใหญ่กันทั้งนั้น เวนเกอร์คือผู้ที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะที่ปรึกษาของทีม แต่ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลที่สะท้อนออกมาให้พวกเราได้ทราบกันเพียงแค่นั้น ตัวกุนซือหน้าเฉาเองก็โดนวิจารณ์โดยตรงเช่นเดียวกันกับเรื่องของ ความรั้น ที่พยายามยึดติดอยู่กับสูตรการเล่นแบบเดิม และก็นักเตะที่ขอนิยามว่าเป็น “ลูกรัก” ซึ่งชอบได้ลงไปในสนามและก็ถูกมอบโอกาสอยู่เสมอ ส่วนบรรดานักเตะที่ว่านั้นเป็นคนไหนบ้าง เชื่อว่าทุกคนอาจรู้หรือไม่ก็หาข้อมูลกันได้เอง ผมอาจไม่พูดว่านักฟุตบอลอย่างธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอร์เลน, อารอน แรมซี่ย์หรือโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์เนี่ยอยู่ในข่ายหรอกนะ อุ้บส์ ! 555 ความสวยสดงดงามในการทำเกมที่น่าดู แม้กระนั้นไม่มีคุณภาพในการหวังผลระยะยาวเป็นสูตรสำเร็จของ “ปืนใหญ่” ในยุค(ข้างหลัง)ที่ เวนเกอร์ จับบังเหียน จนมีหลายทีหลายคราที่แฟนบอลอยากได้ให้กำเนิดความเปลี่ยนแปลง แม้กระนั้นจนแล้วจนรอดกุนซือวัย 67 ปีก็ยังคงรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้ได้อย่างหนักแน่น แว่วว่าเพราะนอกเหนือจากเรื่องเชิงแท็คติกแล้ว เวนเกอร์ยังมีส่วนร่วมอย่างมากในการบริหารทีมกระทั่งทำให้มีเม็ดเงินเข้าขั้นผลกำไร ภายหลังจำต้องเป็นหนี้เป็นสินเพราะย้ายสนามจากไฮบิวปรี่ มาเป็นเอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม บรรดาผู้บริหารเลยยิ้มกริ่มไปตามๆกัน กระทั่งมาถึงฤดูกาลนี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่างอาร์เซนอลรวมทั้งเวนเกอร์จริงๆเสียเชิง เพราะหลังจากหมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกไปเรียบร้อย พร้อมร่วงไปอยู่ชั้น 6 บนตาราง ด้วยเหตุว่าแข่ง 5 เกมข้างหลัง ดันแพ้ไปซะ 4 พวกเขายังกรเด็นตกรอบแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของบาเยิร์น มิวนิคที่ยิงระเบิดไปคาดลอยด้วยสกอร์วมถึง 10-2 ในเวลานี้แฟนบอลส่วนหนึ่งออกมาเฉดหัวไล่ที่ปรึกษาชาวประเทศฝรั่งเศสแบบเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการชูป้าย ด่าว่าและยังรวมไปถึงจ้างเครื่องบินเพื่อแสดงเนื้อความให้มีการปลดเขาจากตำแหน่งไปซะ เช่นเดียวกันกับทางฝ่ายผู้ที่ได้การสนับสนุนที่ใช่กระบวนการเหมือนกัน ท่ามกลางการศึกการเผชิญหน้าความเลื่อมใสและเลื่อมใสของแฟนบอลที่แตกออกเป็นสองฝั่ง เวนเกอร์กลับตีมึนเรื่องอนาคตของตัวเองว่าจะอยู่ทำทีมถัดไปหรือเปล่าหลังจากจบฤดูนี้ซะแบบงั้น บอกตามตรงมาถึงจุดนี้ผมเองก็ “มึน” ไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ว่าเพราะอะไรนอกเหนือจากการออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องผลงานของทีมแล้วนั้น เวนเกอร์กลับไม่แสดงท่าทีอะไรต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่เลย อย่าลืมครับผมว่าขณะนี้อาร์เซนอลไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้นำที่จึงควรรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้หรือกำลังติดลมบนไปได้สวยไม่ได้อยากต้องการที่จะมีผลให้เสียสมาธิจากเรื่องนอกสนาม มิหนำซ้ำพวเขายังต้องการ “จุดเปลี่ยนแปลง” ที่เข้าไปกระตุ้นเพื่อทำผลงานให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ อย่างต่ำๆก็เพื่อจะให้กลับไปติดอันดับ 1 ใน 4 ให้ได้ เว้นเสียแต่ตัว เวนเกอร์ เองก็ยังไม่แน่ใจว่า อนาคตของตนจะสามารถสร้างอิมแพ็คให้กับทีมได้เหมือนอย่างที่เคยไหม เนื่องจากแม้แต่กลุ่มคำที่ว่า “In Arsene, We Trust” ซึ่งเอาไว้โน้มน้าวและกระตุ้นแฟนบอลให้ล่วงเลยช่วงเวลาที่ยากลำเค็ญไปให้ได้แล้วนั้น ก็แทบไม่มีใครใช้กันแล้ว วงในเปิดเผยว่าปัจจุบันนี้ที่ปรึกษาเลือดน้ำหอมได้สูญเสียความมั่นใจในห้องแต่งตัวที่นักเตะมีให้เขาไปแล้ว จากปัญหาต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้วตามข้างต้น จริงอยู่ที่ ระยะเวลาการควบคุมกลุ่มอันช้านานกระทั่งถูกบันทึกเข้าไปในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์บอลอาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าก็อย่าลืมว่า ถ้าหากมันเป็นเพียงช่วงเวลาอันนานที่ไม่มีการบรรลุผลอันน่าพึงพอใจ มันก็เป็นเพียงแต่การนับรอบของเข็มนาฬิกาที่หมุนไปเพียงแค่นั้น เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วนั้น ถ้า เวนเกอร์ เลือกที่จะจบบทบทการเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มอาร์เซนอล เขาควรจะตัดสินใจให้เด็ดขาด ทุ่มทั้งสิ้นที่ตัวเองมี เพื่อให้ทีมอยู่ในอันดับที่เยี่ยมที่สุด ส่งไม้ต่อให้กับคนที่จะเข้ามาสานงานได้อย่างไม่มีติดขัด พร้อมยอมรับผลสรุปที่บางทีอาจจะไม่สวยงามเท่าใดนักในฐานะที่ปรึกษาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ หรือถ้าเกิดต่อสัญญาออกไป เขาควรรู้ว่าจำเป็นต้องทำเช่นไรถึงจะพากลุ่มพุ่งชนการบรรลุผลให้ได้ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้นที่สุด เพื่อจะจบสิ้นทางของตนเองกับกลุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากว่าไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะเข้าสู่วังวนเดิมๆที่เคยผ่านมา กับสร้างรอยด้างด่างให้กับตนเองและชมรมถัดไป จนถึงแยกทางกันแบบบอบช้ำๆนั่นแหละครับผม เครดิต : http://negoumelgolaf.com/2017/04/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5/ Tags : อาเซน่อล,ปืนใหญ่
|