ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: jackbaristaa ที่ เมษายน 28, 2017, 02:35:41 pm



หัวข้อ: ขายดีเยี่ยมเป็นกระแสในการช่วยเหลือเกื้อกูลผิวของคุณให้มีผิวขาวงามปรับสภาพผิวของค
เริ่มหัวข้อโดย: jackbaristaa ที่ เมษายน 28, 2017, 02:35:41 pm
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการดูแลและรักษาความชื้นให้ผิว ถึงผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองแต่ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวพรรณมากกมายที่มีส่วนประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอแล้วก็ผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดน้อยลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงองค์ประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความจำเป็นแบบเดียวกัน บางบุคคลหน้ามันแล้วกลัวว่าถ้าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะก่อให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เพราะเหตุว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลากหลายชนิดสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับภาวะผิวได้

ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

ผิวหนังชั้นนอกสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่เรามองดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนเราส่งกระจก ผิวเราจะดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม ขึ้นตรงต่อความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากได้ให้ผิวดูงามในสายตาคนดู ก็จำเป็นต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

ศัพท์ที่จะเจอในบทความนี้

Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นผิวหนังชั้นนอกมี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นหนังกำพร้า
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆคร่าวๆ 25-30 ชั้น บางแบบเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงหน้าเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เนื่องจากว่าเซลล์ผิวในชั้นผิวหนังชั้นนอกจะมี keratinเป็นองค์ประกอบภายใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งปวง
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ข้างในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำและก็รักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteทำหน้าที่คุ้มครองปกป้องไม่ให้ NMFs ภายในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาด้านนอก บางหนังสือเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงแสดงว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำมากไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงหน้าของเซลล์corneocyte อย่างเป็นระเบียบเป็นชั้นๆราว25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวผสานล้อม หนังสือเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickหมายความว่าอิฐ Motarแสดงว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวผสานซึ่งมีลักษณะเสมือนการเรียงตัวของก้อนอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model ก้อนอิฐแต่ละก้อน เทียบได้กับเซลล์ corneocyte

ด้านในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำด้านในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA รวมถึงน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นผิวหนังชั้นนอกสามารถทำขึ้นได้เองเวลาที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีต้นเหตุใดไปรบกวนการเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะก่อให้ NMFs ถูกทำต่ำลง และจากนั้นก็ส่งผลถึงความชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนผสาน เทียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนารวมทั้งเป็นระเบียบ
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารประเภทไขมันอาทิเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วก็ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
ต้องการให้ผิวมองสวย น่าจะหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs และก็intercellular lipids ให้บริบูรณ์สูงที่สุด
การที่ระดับความชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยปรับให้

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังควานได้ยาก
เสริมหลักการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ หากผิวขาดความชุ่มชื้นที่พอเหมาะพอเจาะเอนไซม์กลุ่มนี้จะปฏิบัติการไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
เกื้อหนุนจุนเจือให้องค์ประกอบมีความแข็งแรงแล้วก็ปฏิบัติภารกิจกรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวล้ำหน้ารวมทั้งบริบูรณ์ ถ้าหากผิวขาดความชุ่มชื้นที่สมควรเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงหน้าไม่เรียบร้อยกำเนิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งปลอมปนจากภายนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค อื่นๆอีกมากมาย
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยทำให้ปรับNMFs ถูกทำก้าวหน้า
สิวขึ้นน้อยลง : ผิวที่ขาดความชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงตัวไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกแตกต่างจากปกติรวมทั้งไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกไม่ได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเปียกชื้น การผลัดเซลล์กลับมาปกติ การอุดตันกำเนิดลดลง สิวลดน้อยลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่ชื้นแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มและก็ขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองละเอียดขึ้น ฉะนั้นในคนที่ผิวแห้งมากไม่น้อยเลยทีเดียวๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองไม่สุภาพแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบผิวหนังปกติและผิวหนังที่แห้งผิวปกติ :เซลล์เรียงหน้าชิดกัน เป็นระเบียบ
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวด้านบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่พอเพียง
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงตัวของเซลล์ผิวหละหลวม ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งปลอมปนไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองรวมทั้งอักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้นเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง?
ผิวแห้งรวมทั้งผิวขาดความชื้นคล้ายคลึงกันแต่แตกต่างคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งแยกภาวะผิวที่ประจำตัวมา ดังเช่นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่สร้างขึ้นมาจากต่อมไขมันเป็นตัวจำแนกแยกแยะ


ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเนื่องจากมีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อจำนวนน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย เพราะฉะนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix รวมทั้งมีน้ำใต้ผิวที่พอเพียง ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)เป็นผิวที่มีต่อมไขมันจำนวนมากทั่วทั้งหน้ารวมถึงผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยมองดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณt-zoneล้นหลาม, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะรอบๆt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% ต้นเหตุอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้สินค้าผลัดเซลล์มากจนเกินความจำเป็น : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าธรรมดา ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถที่จะสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการรักษาน้ำให้ดำรงอยู่ในผิวหนัง
การใช้สินค้าชำระล้างที่มีคุณสมบัติกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินไปครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV จำนวนมากต่อเนื่องกัน ไม่ทาโลชั่นกันแสงแดด รังสี UV จะรบกวนการผลิต NMFs
ความชื้นกลางอากาศ : ความชื้นในอากาศต่ำกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ข้างนอก เพราะฉะนั้นในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดระยะเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุครั้งเยอะขึ้น การผลิต NMFs และก็ sebum ลดลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำยิ่งกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคพวกนี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าธรรมดาหลายเท่า รวมถึงขับมาที่เปลือกอย่างเร็วอย่างเช่น 4 วัน (ปกติใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามธรรมดา เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย เหมือนเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความร้ายแรง

รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่ถ้าเกิดมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันมากไม่น้อยเลยทีเดียว ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเหมือนกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันรวมทั้งกำเนิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การดูแลและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจึงควรทำทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการกินน้ำให้พอเพียง แล้วก็เลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์ชนิด humectant
กีดกันความชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์ประเภทocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยสินค้าที่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และก็ Intercellular lipids
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : สร้างเสริมเกราะคุ้มครองผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองต่ำลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมปริมาณน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อมแซม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำแล้วก็รักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2พวกเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณลักษณะในการจับกับน้ำ (water binding)ดังเช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA และhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารจำพวกglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้พบแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่เมื่อวัยสูงขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะต่ำลงทั้งสมรรถนะรวมทั้งจำนวน ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเพราะเหตุว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มเปียกชื้นโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กรุ๊ป Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อคุ้มครองปกป้องการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)ผลิตภัณฑ์ผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกลุ่ม เป็น




คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ครีม V2 ดีไหม

ขอบคุณบทความจาก : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีม v2,ครีม V2 ดีไหม
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ