ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: jackbaristaa ที่ พฤษภาคม 09, 2017, 11:03:15 am



หัวข้อ: ขายดีเยี่ยมเป็นกระแสในการเกื้อกูลผิวของคุณให้มีผิวขาวสวยปรับสภาพผิวของคุณแบบมืออ
เริ่มหัวข้อโดย: jackbaristaa ที่ พฤษภาคม 09, 2017, 11:03:15 am
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความจำเป็นในการดูแลและรักษาความชื้นให้ผิว ถึงแม้ผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองถึงแม้ว่าขณะนี้มีผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงรักษาผิวพรรณเยอะแยะกมายที่มีองค์ประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอรวมทั้งผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดน้อยลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงส่วนประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความจำเป็นแบบเดียวกัน บางคนหน้ามันแล้วกลัวว่าหากว่าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะก่อให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เนื่องจากมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภทสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับสภาวะผิวได้

ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

หนังกำพร้าสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่เรามองเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวพวกเราจะดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม สังกัดความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากได้ให้ผิวมองดูงามในสายตาคนดู ก็ต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

ศัพท์ที่จะพบในเนื้อหานี้

Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นผิวหนังชั้นนอกมี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นผิวหนังชั้นนอก
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆโดยประมาณ 25-30 ชั้น บางหนังสือเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เนื่องจากเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้าจะมี keratinเป็นส่วนประกอบข้างใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งนั้น
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ด้านในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำแล้วหลังจากนั้นก็รักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองไม่ให้ NMFs ด้านในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาข้างนอก บางตำราเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ปฏิบัติหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงแสดงว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำจำนวนมาก

ส่วนประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงหน้าของเซลล์corneocyte อย่างเป็นระเบียบเป็นชั้นๆราวๆ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวผสานล้อม หนังสือเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงหน้าของอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickแปลว่าก้อนอิฐ Motarแสดงว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวผสานซึ่งมีลักษณะเหมือนการเรียงหน้าของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model อิฐแต่ละก้อน เทียบเคียงได้กับเซลล์ corneocyte

ข้างในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำข้างในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA รวมถึงน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นหนังกำพร้าสามารถผลิตขึ้นได้เองขณะที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีมูลเหตุใดไปรบกวนการเจริญเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะทำให้ NMFs ถูกทำน้อยลง และก็ส่งผลถึงความชุ่มชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนประสาน เทียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนาแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารชนิดไขมันอย่างเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % และ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
ต้องการให้ผิวมองดูงาม ควรหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs และก็intercellular lipids ให้บริบูรณ์เยอะที่สุด
การที่ระดับความชื้นในผิวเพียงพอจะช่วยทำให้

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังควานได้ยาก
เสริมแนวทางการทำงานขอวโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยในขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นที่ประจวบเหมาะเอนไซม์กลุ่มนี้จะปฏิบัติงานไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
เกื้อหนุนให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรงรวมทั้งทำหน้าที่กรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวล้ำหน้ารวมทั้งบริบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชื้นที่สมควรเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงตัวไม่เรียบร้อยกำเนิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค อื่นๆอีกมากมาย
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวสมควร จะช่วยปรับNMFs ถูกทำก้าวหน้า
สิวขึ้นลดน้อยลง : ผิวที่ขาดความชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงหน้าไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกไม่ปกติและก็ไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกมิได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเฉอะแฉะ การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันเกิดลดน้อยลง สิวลดน้อยลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่เปียกชื้นสมควร เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มและขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองดูละเอียดขึ้น ดังนั้นในคนที่ผิวแห้งมากๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองดูหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบเคียงผิวหนังธรรมดาและจากนั้นก็ผิวหนังที่แห้งผิวธรรมดา :เซลล์เรียงตัวชิดกัน เรียบร้อย
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวด้านบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่เพียงพอ
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงหน้าของเซลล์ผิวสะเพร่า ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งแปลกปลอมไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองรวมทั้งอักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้นเสมือนหรือต่างกันยังไง?
ผิวแห้งแล้วก็ผิวขาดความชื้นคล้ายกันแต่ว่าไม่เหมือนกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งแยกภาวะผิวที่ประจำตัวมา ตัวอย่างเช่น คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่ผลิตขึ้นจากต่อมไขมันเป็นตัวจัดหมวดหมู่


ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเพราะว่ามีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย ดังนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix และมีน้ำใต้ผิวที่พอเพียง ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)เป็นผิวที่มีต่อมไขมันมากมายก่ายกองทั่วทั้งหน้าและผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยมองมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin) คือ ผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณt-zoneเยอะมาก, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะรอบๆt-zoneส่วน u-zone ปกติหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชุ่มชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% เหตุอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์มากจนเกินไป : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าธรรมดา ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถที่จะสร้าง NMFsและก็ intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการดูแลและรักษาน้ำให้ดำรงอยู่ในผิวหนัง
การใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างที่มีคุณลักษณะกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินความจำเป็นครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV ไม่น้อยเลยทีเดียวต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมที่เอาไว้สำหรับกันแสงแดด รังสี UV จะก่อกวนการสร้าง NMFs
ความชุ่มชื้นกลางอากาศ : ความชื้นในอากาศต่ำยิ่งกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ด้านนอก เพราะฉะนั้นในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุคราวมากเพิ่มขึ้น การสร้าง NMFs รวมทั้ง sebum น้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำลงมากยิ่งกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคเหล่านี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าปกติหลายเท่า รวมถึงขับมาที่เปลือกอย่างรวดเร็วเป็นต้นว่า 4 วัน (ธรรมดาใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามธรรมดา เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย เหมือนเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความรุนแรง

รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่หากมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันล้นหลาม ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเหมือนกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันแล้วหลังจากนั้นก็กำเนิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การดูแลรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจะต้องทำทั้งเพิ่มความชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการกินน้ำให้เพียงพอ และก็เลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวก humectant
กีดกันความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์ชนิดocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยสินค้าที่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และก็ Intercellular lipids
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : สร้างเสริมเกราะคุ้มครองผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองลดลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมปริมาณน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำแล้วหลังจากนั้นก็รักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2พวกเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)เป็นต้นว่า colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA และhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารประเภทglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้เจอแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่เมื่อวัยสูงมากขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะลดน้อยลงทั้งความสามารถรวมทั้งจำนวน ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลด้วยเหตุว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มเฉอะแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง แล้วหลังจากนั้นก็ผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)สินค้าผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกลุ่ม เป็น




คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ครีมวีทู

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีม v2,ครีมวีทู
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ