หัวข้อ: สารออกฤทธิ์ในดีปลีและงานวิจัยที่น่าทึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: parple1199 ที่ พฤษภาคม 21, 2017, 10:39:04 am
(http://www.disthai.com/images/content/original-1494404672593.jpg)งานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับดีปลี - คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการ ค้นคว้าผลดีปลี พบว่า สาร piperlonguminine ในผลสดของดีปลี สามารถต้านการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานินในผิวหนังได้ และยังพบว่า สารสกัดจากผลดีปลี สามารถออกฤทธิ์ลดอาการระคายเคืองของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระเพาะอาหารได้
- ในประเทศอินเดีย มีรายงานว่ามีการใช้ดีปลีในการนำมาปรุงอาหาร เพราะดีปลีมี ชนิดช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และยังแนะนำว่า ผลดีปลีแห้งควรนำมาใช้ทันที และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 ปี เพราะหากเก็บไว้นานกว่านี้ ประโยชน์ และฤทธิ์ทางยาจะน้อยลง
- จากการ ศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าดีปลีมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ของเซลล์ได้ จึงนิยมใช้ผลดีปลีเป็นส่วนประกอบของยาต้านเซลล์มะเร็ง และ เยียวยาโรคมะเร็ง
- การ ทดสอบสารสกัดจากผลดีปลี พบสารหลาย ชนิด และนำสารต่างๆมาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าแมลง พบว่า guineensine และ piperine อาจฆ่าหนอนกระทู้ผักได้
การศึกษาทางพิษวิทยาของดีปลี - มีการ ค้นหาพิษเฉียบพลัน (acute toxicity test) ในหนูถีบจักรโดยใช้สารสกัดอัลกอฮอล์ (50%) จากสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ กรอกเข้าทางปากหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แล้วดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสัตว์ ทดสอบในระยะ 3 ชม.แรกอย่างใกล้ชิด ต่อจากนั้นคือ ในระยะ 12, 24 และ 72 ชม. หลังให้สารสกัดจะทำการตรวจสอบจำนวนสัตว์ทดลองที่ตาย เนื่องจากพิษของสารสกัดซึ่งในการ วิจัยนี้มีการ วิจัยสารสกัดจากดอกดีปลี พบว่า สารสกัดขนาด 10 ก./ กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ 250 เท่าของขนาด เยียวยาในคน พบว่าสารสกัดขนาดดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดพิษในหนูถีบจักร
- การ ทดลองฉีดสารสกัดเอทานอล (90%) จากผลแห้งเข้าทางช่องท้องหนูถีบจักร พบว่า LD50 เท่ากับ 500 มก./กก.
- การ ลองให้สารสกัดเอทานอล (95%) จากผลแห้งทางกระเพาะอาหารหนูถีบจักร พบว่า LD50 เท่ากับ 87.4 ก./กก.
ข้อแนะนำ / ข้อควรระวังของดีปลี - ไม่ควร กินดีปลีใน จำนวนที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้กระเพาะอักเสบ แสบทวารเวลาขับถ่ายได้
- สำหรับผู้ที่เป็นไข้ ไม่ควร รับประทานดีปลี เพราะจะทำให้เป็นร้อนในด้วย
- เกิดการอักเสบของเยื่อบุในระบบทางเดินอาหารจนเกิดเลือดออกได้
- สตรีตั้งครรภ์ ห้ามอุปโภคดีปลีเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แท้งบุตรได้
รูปแบบ / วิธีการใช้/ปริมาณที่ใช้ของดีปลี- อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง และแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากธาตุ ผิดปกติ โดยใช้ผลดีปลีแก่แห้ง 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ผล) ต้มเอาน้ำ กิน ถ้าไม่มีผลใช้เถาต้มแทนได้
- อาการไอ และขับเสมหะ ใช้ผลแห้งแก่ ประมาณครึ่งผล ฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือเล็กน้อย กวาดคอ หรือจิบบ่อยๆ
- ผลดีปลีแห้งใช้เป็นเครื่องเทศ ประกอบอาหาร มีรสเผ็ดร้อน ขม
- ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้ดอกดีปลี 10 ดอก หัวแห้วหมู 10 หัว พริกไทย 10 เม็ด นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ ใช้ อุปโภคก่อนนอนทุกคืน (ดอก)
- ช่วยแก้ไข้เรื้อรังหรืออาการไข้ที่มักเป็น ๆ หาย ๆ ด้วยการใช้ดอกดีปลีล้างสะอาด นำมาบดหรือตำพอหยาบ ๆ ประมาณครึ่งแก้ว นำมาต้มกับน้ำ 4 แก้ว จนเหลือ 1 แก้ว แล้วกรองเอาแต่น้ำมา กินขณะท้องว่างวันละ 2 ครั้ง และสูตรนี้ยังช่วยลดอาการม้ามโตได้อีกด้วย (ดอก)
- ช่วยแก้อาการเจ็บในลำคอ ด้วยการใช้ดอกดีปลี 3 ดอก ผิวมะนาว 1 ลูก หัวกระเทียม 3 กลีบ และพริกไทยล่อน 3 เม็ด นำทั้งหมดมาตำให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำมะนาวและคลุกให้เข้ากัน นำมาปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วใช้อมบ่อย ๆ (ดอก)
- ช่วยบรรเทาอาการเสียงแหบแห้งได้ ด้วยการใช้ผงดีปลีผสมกับสมอไทยอย่างละ 5 กรัมจนเข้ากัน แล้วผสมกับน้ำอุ่นไว้ กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง (ผล)
- ช่วยแก้ริดสีดวงทวารหนัก โดยใช้ดอกดีปลี 10 ดอก เมล็ดงาดำดิบ 20 กรัม นำมาบดให้ละเอียดผสมกับนม ดื่มวันละ 1 แก้ว ติดต่อกัน 15 วัน (ผล, ดอก, เถา)
ฤทธิ์ทางเภสัของดีปลี สารสำคัญ ในผลดีปลี คือ piperine เป็นสารที่มีผลต่อ TRPV1 ซึ่งมีผลต่อการปวด๔ นอกจากนี้จากการ ศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ชั้นเอทธานอลของดีปลียังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) ทั้งฤทธิ์ต้านการอักเสบเฉียบพลัน และฤทธิ์ต้านการ อักเสบกึ่งเรื้อรัง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ต้านการเกิดแผลที่กระเพาะอาหาร ต้านออกซิเดชั่น กดประสาทส่วนกลาง เสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ลดไขมันในเลือด ลดน้ำตาลในเลือด ต้านพิษต่อตับ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว
ฐานข้อมูลผิดพลาด |
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
|
|