หัวข้อ: ต้นตอของความรักระหว่างผู้หญิงสวยกับหนุ่มออฟฟิศที่ทำให้เธอไม่มีวันลืม เริ่มหัวข้อโดย: Kittipong99010 ที่ พฤษภาคม 26, 2017, 02:43:44 am (https://c1.staticflickr.com/5/4267/34716514842_1cd1064f69.jpg)
“ตรงนี้มันคือที่ไหน!!!” กรรณิการ์งึมงำกับตนเอง ดวงตากวาดดูไปรอบๆก็เจอแม้กระนั้นความว่างเปล่าอันไมีมีที่จบ แต่ว่าตัวเธอคิดว่าที่นี่มันมีบางสิ่งแปลกๆถึงแม้มันจะมืดมากแต่ก็ให้ความรู้ความเข้าใจสึกที่สบายอย่างบอกไม่ถูก ดวงดาวนับล้านที่อยู่รายล้อม ทำใหรู้สึกอย่างกับตัวคุณ อยู่ท่ามกลางอวกาศอันกว้าง กณิการ์กำลังเพลินกับกลุ่มดาวระยิบระยับระยัง ก็พลันตกใจเมื่อจู่ๆก็มีเสียงกล่าวดังออกมา ควรหลับตาและบากบั่นสัมผัสพลังธาตุซะ เป็นเสียงชายแก่ๆที่พูดออกมาจากความว่างเปล่า “เดี๋ยวนะ คุณเป็นคนไหนกันคะ” กณิการ์ตะโกนถามออกไป คุณร้องถามไปอีกหลายประโยค ก็ไม่มีเสียงตอบกลับถึงถอนใจออกมากับนั่ง บอกให้สัมผัส แล้วมันทำยังไงก็ไม่บอก!! กรณิการ์ฟึดฟัดอย่างเสียอารมณ์ เอาวะเป็นไงเป็นกัน นั่งหลับตาตั้งใจมันเนี่ยล่ะจบ จากนั้นกรณิการ์ก็นั่งสมาธิตามหลักชาวพุทธ นั้นเป็นแนวทางการทำจิตใจให้สงบ รวมทั้งกำหนดลมหายใจให้เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ใช้เวลาเพียงแต่ไม่นานกณิการ์ก็รู้สึกเหมือนมองเห็นแสง สีเขียว รวมทั้งสีแดงไกลๆ เทพ อู่ถงแล้วก็องค์เง็กเซียนที่นั่งดูอยู่กะรู้สึกตกตะลึงไม่น้อยที่สตรีนางนี้ สามารถสัมผัสพลังธาตุ ได้อย่างเร็ว องค์เง็กเซียนตอนต้นที่ได้รับทราบรายงานข้อผิดพลาดของเทพอู่ถึง ก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย เนื่องจากว่าถ้ามนุษย์มีพลังธาตุครบทั้งสิ้น คงได้เกิดเรื่องวุ่นวายอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นองค์เง็กเซียนก็เลยได้ลบสี ฟ้า กับสีน้ำตาลออก เนื่องจากสีแดง สีเขียว สีดำนั้นมันได้ฝังเข้ากับวิญญาณไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะเหลือเพียงแค่สองธาตุแม้กระนั้นก็เป็น ธาตุบริสุทธิ์ ทั้งสองธาตุเช่นเดียวกัน เมื่อตัวขององค์เง็กเชียนได้เปิดมองประวัติความเป็นมาของดวงวิญญาณ ที่ผ่านผ่านมิติมา ก็รู้สึกสนพระทัยอยู่ไม่ใช่น้อย จึงได้เสกตำรามาหนึ่งเล่ม ก่อนจะทำให้มันหายไป แล้วปรากฎอยู่ข้างหน้าก็หญิงสาวที่กำลังนั่งตั้งใจ "ท่านทรงทำอะไรหรือพะยะจ้ะ" เทพอู่ถงถามองค์เง็กเซียนด้วยความข้องใจ "เราเพียงแค่มีความเห็นว่าสตรีผู้นั้นดูน่าสนใจ อีกอย่างนี่ถือเป็นการทดแทนให้แม่หนูนั้น ที่ดินพวกเราได้กระทำผิดพลาด " "แม้กระนั้นโน่นมันหนังสือเรียนของเทพยารักษาโรคเลยนะพะยะจ้ะ" องค์ เง็กเซียนชูยิ้มขึ้นมานิดหน่อย แต่สายตาไม่ได้ละจากภาพของหญิงสาว "ตาชราเทวดายารักษาโรค ควรจะที่จะมีอะไรใหม่ๆทำบ้าง ไม่ใช่แต่ว่าหมกตัวอยู่ข้างในห้องปรุงยา" เทพ อู่ถงที่ได้ยินคำบอกขององค์เง็กเซียนส่ายศีรษะด้วยความอ่อนเพลียจิตใจ ส่วนทางด้านเทวดายาที่กำลังรื้อถอนค้นข้างในเรือน เพื่อหาตำราเรียนสุดรักสุดหวงอยู่นานหลายเลวทรามยาม จนนึกออกว่าตนเองสามารถใช้กระแสจิตเพื่อตามหาหนังสือเรียนเล่มนั้นได้ จึงปฏิบัติมันทันที เมื่อรู้ที่อยู่ของตำราเรียนไม่รอคอยช้าเทพยาก็เลยล่องหนไปจากรอบๆนั้นทันที กลับ มาทางด้านหญิงสาว กรรณิการ์ไม่ทราบว่าพลังธาตุที่ตัวคุณครองอยู่นั้นเป็นธาตุบริสุทธิ์ แค่เพียงรับทราบได้ว่าตัวคุณไม่ได้ เป็นขยะ ไร้ค่า เหมือนที่โดนดูถูกดูแคลน ก็ยิ่งฮึกเหิมเป็นอย่างมาก กรรณิการ์นั่งสัมผัสกำลังภายในมิติของเทวดาอู่ถงเป็นเวลายาวนาน เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกระพริบตาก่อนที่จะลืมตาขึ้นเช่นเช่นธรรมดา เบื้องหน้าปรากฎหนังสือเล่มดก ค่อนข้างจะเก่าพอสมควรที่วางอยู่เล่มหนึ่ง กรณิการ์เอื้อมมือไปถือมาดู ปกที่ไม่มีพูดว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร เมื่อเปิดอ่านหน้าแรกแววตาสั่นระริกด้วยความดีอกดีใจ เนื่องจากว่ามันเป็นแบบเรียนเกี่ยวกับสมุนไพรเยอะมาก ขั้นต่ำสิ่งนี้ก็ยังพอเพียงมีประโยชน์ให้กับคุณได้บ้าง มือบางพลิกเปิดอ่านอย่างไม่คอยช้า ชื่อแล้วก็สรรพคุณของสมุนไพรนับหมื่นประเภท ถูกจดจำอยู่ภายในหัว พร้อมกับแนวทางปรุงมันขึ้นมา กระดาษแผ่นท้ายที่สุดถูกอ่านจนกระทั่งจบ ก็ปรากฎร่างของชายชราที่แต่งกายด้วยชุดสีขาว ผมสีขาวที่ยาวถึงกลางหลัง รวมไปถึงเคราสีขาวที่ยาวมาจนถึงตอนอก “คุณเป็นคนไหนขา” กรรณิการ์เอ่ยถาม “เราก็คือผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้” ชายชรากล่าวขึ้นพร้อมด้วยชี้ไปยังหนังสือที่ เธอกอดไว้แนบอก “อุ้ย..ข้าขออภัยข้าไม่รู้ว่ามันเป็นของท่าน” “ชั่งหัวมันๆทีนี้เจ้าก็เอาหนังสือข้าคืนมาได้แล้ว เจ้าอาจเปิดอ่านคร่าวๆตาบ้างแล้วสินะ” ชายเฒ่าเอ่ยถามพร้อมด้วยเอื้อมมือไปรับหนังสือคืน “ใช้แล้วเจ้าค่ะ ข้าเปิดดูทุกหน้าแล้ว” กรณิการ์เห็นด้วยออกมาตรงๆ เทพ ยารักษาโรคก้มศีรษะพร้อมกับลูบคลำหนวดเคราสีขาวเบาๆ “อืมอย่างไรก็ดีเจ้าก็ ไม่มีทางที่จะจำเนื้อหาในเล่มนี้ได้หมดหรอก สรุปว่าช่างมันเถอะๆ” เทพโอสถกำลังจะจากไป แต่กรณิการ์รั้งไว้ก่อน “คือข้าไม่รู้เรื่องว่าท่านเป็นใคร แต่ว่ารายละเอียดข้างในเล่มนั้น ข้าอ่านมันทั้งปวงแล้ว” เทพยาหันตัวกลับมา “เจ้ากล่าวว่าเจ้าอ่านทั้งผองแล้ว??” “ใช่เจ้าค่ะ” กรรณิการ์ผงกศีรษะตอบ “ฮ่าๆๆเจ้าล้อข้าเล่นแน่นอน” เทพยาหัวพวกเราดังกระหึ่ม เขาเป็นไปไม่ได้เชื่อ เนื่องจากว่าในตำราเล่มถึงแม้เขาจะเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเอง แม้กระนั้นก็ต้องใช้เวลานานหลายพันปีเพื่อจดจำสมุนไพรต่างๆแต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เทพยารักษาโรคไม่รู้ว่าในสถานะการณ์นี้ องค์เง็กเซียนได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นก็เลยไม่แปลกที่สตรีข้างหน้าจะจำสมุนไพรภายในเล่มนี้ได้ทั้งผอง แม้จะอ่านเพียงผ่านสายตาเท่านั้น กณิการ์หน้าบึ้งนิดหน่อย “ข้ามิได้พูดปด ชวนท่านลองทดสอบเราได้เลย” เทพ โอสถรับคำท้า เขาได้สุ่มถามชื่อสมุนไพรมากกว่าร้อยประเภท แล้วก็มีหลายสิบจำพวกที่นักปรุงยาบนโลกมนุษย์ ก็เป็นไปไม่ได้รู้จัก แต่ว่าสตรีข้างหน้าสามารถตอบมันได้ทั้งหมดทั้งปวง เทวดายารักษาโรคอยู่ในอาการตกตะลึง ไม่ถูกกับกรณิการ์ที่ยกยิ้มด้วยความชอบใจ “ถึงข้าจะรู้จักสมุนไพรเหล่านั้น แต่ว่าข้าก็ไม่รู้จักแนวทางที่จะปรุงมันขึ้นมาหรอกเจ้าค่ะ” กรรณิการ์เอ่ยตอบเสียงอ่อย “เคารพเราเป็นอาจารย์” อยู่ๆเทพยาก็พูดขึ้น กรรณิการตาเบิกกว้าด้วยความตะลึงงัน ก่อนจะโขกศีรษะให้กับคนข้างหน้า “ลูกศิษย์คารวะท่านอาจารย์” เทพยารักษาโรคยกยิ้มด้วยความพอใจ ข้างหลัง แล้วหลังจากนั้นกรรณิการ์ก็ได้ถูกบังคับการควบคุมเปลวเพลิง มาอย่างมากหน่วง การควบคุมไฟ ช่วงแรกอาจจะทำเป็นไม่ดีนัก แม้กระนั้นด้วยความอุตสาหะรวมทั้งความมุ่งมั่น การบรรลุเป้าหมายก็ปรากฎ เทวดายารักษาโรครู้สึกภาคภูมิใจในศิษย์คนนี้เป็นอย่างยิ่ง นางมีไหวพริบ และเรียนรู้ได้อย่างเร็ว ยามโดนตำหนิก็ไม่มีสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกถึงความอารมณ์เสียเลยแม้แต่น้อย นางค่อยๆปรับปรุงขึ้นเรื่อยจนตอนนี้ นางได้ก้าวขึ้นมาถึงระดับของนักปรุงยาระดับสูงแล้ว กณิการ์หยิดเม็ดยาที่กลั่นรู้เรื่องบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนให้กับคุณครูของ คุณดู “เอา ล่ะ เจ้าควรจดจำไว้นักปรุงยาในสถานที่ที่เจ้าอยู่นั้น ลำดับสูงสุดพวกเขาสามารถกลั่นเม็ดยาได้บริสุทธิ์เพียงแค่เจ็ดส่วนแค่นั้น อย่าได้เปิดเผยฝีมือให้คนไหนเห็นกล้วยๆ” “เราทราบแล้วท่านอาจารย์” “เมื่อ กลับไป อย่าลืมหมั่นทวนความสามารถและวิชาความรู้ ประเด็นการดึงพลังธาตุเจ้าจำต้องหมั่นฝึกซ้อมรู้เรื่องหรือเปล่า แม้ในขณะนี้ธาตุไฟของเจ้าจะโดดเด่น แม้กระนั้นธาตุไม้ของเจ้ายังไม่มีการพัฒนา แม้เจ้าต้องการปรุงยาที่มีสรรพคุณที่สูงกว่านี้ ทั้งสองธาตุของเจ้าควรมีความใกล้เคียงกัน ไม่อย่างนั้นถึงแม่จะมีสมุนไพรที่มีค่ามากแค่ไหน ก็ไม่อาจจะดึงประโยช์จากมันมาใช้ได้อย่างสูงสุด หากแม้ปัจจุบันนี้ตัวเจ้าจะสามารถหลอมเม็ดยาได้แล้ว ควรอย่าหลงระเริง เนื่องจากว่านี่เป็นเพียงแค่เม็ดยาระดับที่ถือว่าต่ำแค่นั้น ต้องหมั่นฝึกฝน พัฒนาตนเองอยู่เป็นประจำ ส่วนเรื่องแนวทางการบ่มเพาะพลังธาตุนั้น เจ้าต้องหาทางเล่าเรียนเอาเอง” “ศิษย์เข้าใจแล้วท่านคุณครู” "เช่น นั้นเจ้าก็ควรกลับไปได้แล้ว และอย่าเอ่ยเล่าเรื่องที่เผชิญข้าให้กับใครกันแน่ฟัง จงพยายามเข้าสำนักเซียนโอสถให้ได้ ด้านในห้องทดลองจะมีคนรอคอยเจ้าอยู่" กรณิการ์ ที่กำลังจะเอ่ยถามผู้เป็นคุณครู จู่ๆตัวเธอก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง จนภาพด้านหน้าหายวูบไป ร่างของสตรีที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียง โดยพลันเกิดแสงสีขาวครอบคลุมอีกทั้งร่าง ก่อนที่ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เทพยารักษาโรคมองผลงานของตัวเองด้วยความพึงพอใจ ศิษย์คนแรกของเขาจะต้อง สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะว่าหลังจากนี้เรื่องบนโลกมนุษย์ เทพบนสวรรค์มิบางทีอาจยุ่งเกี่ยวได้อีก แล้วกรณิการ์ก็เบาๆลืมตาขึ้น ดวงตาค่อยๆปรับให้เข้ากับแสงตะวันที่สอดส่องเข้ามา ดวง ตาที่เคยกลมโตแจ่มใสอย่างกับลูกกวาง ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นดูคมขึ้น บริเวณใบหน้าที่มองไม่มีความต่างจากคุณหนูทั่วไป เวลานี้กลับมองสวยงาม ยั่ว มีเสน่ห์เป็นอันมาก ริมฝีปากบางที่ดูอิ่มน้ำ เดี๋ยวนี้ร่างของกณิการ์เช่นเดียวกันกับนางจิ้งจำจองแลงกายเพื่อทำให้ผู้ชายศิโรราบใต้ ฝ่าตีน กณิการ์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่กับร่างกาย ที่ดูราวกับว่าน่าอกจะโตขึ้นนิดนึงมั้งนะ ร่าง บางยืนขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังกระจก เมื่อได้เห็นเงาสะท้อนรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ก็รู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย แม้ว่าจะยังเป็นเค้าเรื่องหน้าเก่า แม้กระนั้นมันรู้สึกอย่างกับมีมนต์เสน่ห์บางอย่าง ผมที่ยาวถึงกึ่งกลางหลังเวลานี้ยาวลงมาถึงบั้นเอว ซื่อซินที่ถืออ่างน้ำมาเพื่อจะกระทำเช็ดตัวให้ท่านหนูของตนเองที่จู่ก็หลับไป อย่างไม่มีมูลเหตุถึงสี่วัน เดินตรงเข้ามาข้างในเรือนนอน เมื่อสายตาเห็นคนที่ต้องนอนอยู่บนเตียง แต่ในตอนนี้กลับยืนขึ้นมาและกำลังหมุนตัวอยู่ข้างหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ความรู้สึกพอใจก็พุ่งออกมาจนกระทั่งรู้สึกมือไม้อ่อนฮวบ เคร้ง!!! เสียง ของอ่างน้ำที่ตกลงสู่พื้น ซื่อสินไม่สนใจอ่างน้ำทองสัมฤทธิ์ที่หล่นไปกองกับพื้น นางรีบวิ่งเข้ามาหาคุณหนู ด้วยความยินดี “คุณหนู..” กณิการ์ หันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะคลี่ยิ้มที่พาให้ลากหัวใจของผู้ที่ได้เจอ “มองไม่เห็นจำต้องทำหน้าสะดุ้งขนาดนั้นก็ได้ซื่อสิน” กรรณิการ์เอ่ยล้อเลียนหญิงรับใช้ที่ทำหน้าอย่างกับมองเห็นผียามกลางวันแสกๆ ซื่อ ซินคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับจับข้อเท้าของคุณหนูไว้แน่น ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมา “ฮึก..หนูน้อย..จู่ๆหนูน้อยก็หลับไปไม่ได้สติ ไม่ว่าบ่าวจะปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น” กรณิการ์ย่อตัวลงมาแล้วดันไหล่ของคนที่หลับหูหลับตาร้องไห้ให้ยืดตัวขึ้น “ข้าก็ตื่นมาแล้วนี่ยังไง ขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เป็นห่วง” ซื่อ สินเช็ดน้ำตาก่อนจะแหงนหน้ามองดูคุณหนูของตัวเอง “หนูน้อยแปรไปมากเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวออกมาตามที่มองเห็น ในเวลานี้หนูน้อยของนางดูมีเสน่ห์เหลือล้น ขนาดนางเป็นสตรียังรู้สึกเอียงอาย เมื่อได้สบกับสายตาของหนูน้อย “แหะๆเราก็คิดเช่นนั้น ถ้าข้าออกไปในสภาพนี้ผู้คนอาจจะเอาไปนินทาแน่นอน เจ้าช่วยหาผ้าบางสีขาวมาให้เราปิดบังบริเวณใบหน้าได้ไหม ถ้าเกิดมีผู้ใดกันแน่ถามก็บอกไปว่าตัวข้าเกิดอุบัติเหตุทำให้ใบหน้ามีรอยแผล ก็เลยได้ปกปิดไว้” “เพราะเหตุใดเล่าเจ้าค่ะ ช่วงนี้ใบหน้าของคุณหนูสวยมากกว่าเดิมเสียอีก” “เอา เถอะ ไว้ข้าจะบอกเจ้าทีหลัง แต่ตอนนี้ข้าต้องการอาบน้ำแล้ว” กรณิการ์ลูบตัว ทำท่าทางประกอบ เพื่อรับรองว่าในขณะนี้ตัวคุณรู้สึกเหนียวตัวมากจริงๆซื่อซินที่มองเห็นเพราะฉะนั้นก็ไม่รอคอยช้ารีบไปจัดแจงน้ำใส่ถังใบใหญ่ พร้อมกับเตรียมพร้อมเสื้อผ้า พร้อมกับผ้าสีขาวผืนบางเพื่อปิดปังหน้าตาที่สวยสดงดงามราวกับนางฟ้า ตามคำสั่งของหนูน้อยโดยทันที ระหว่าง รอคอยกรณิการ์ ได้กลับไปนั่งที่เตียงพร้อมทั้งหลับตาเพื่อสัมผัสพลังงาน ธรรมชาติ แม้กระนั้นก็รู้สึกได้ว่าพลังงานมันช่างเบาบางมากมายจริงๆซื่อซินรู้สึกตกใจที่พบว่าคุณหนูนั้นมีพลังธาตุแล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้แผดเสียงรบกวนหนูน้อยของตนเองอะไร เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ กรณิการ์ก็เลยได้ลืมตาขึ้น “เตรียมน้ำอาบเสร็จแล้วอย่างงั้นหรือ?” “บ่าว จัดเตรียมเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ซื่อซินเอ่ยตอบ กณิการ์สังเกตุเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แม้กระนั้นคนตรงหน้าไม่เอ่ยถามออกมา “เจ้าคงสงสัยใช่หรือเปล่า” ซื่อ ซินก้มหน้างุด ด้วยเหตุว่ารู้ตัวว่าตนเองทำกิริยาอันไม่ควร ที่ต้องการรู้เรื่องของเจ้านาย “อย่างที่เจ้าสงสัย ตอนนี้ตัวข้าสามารถสัมผัสพลังธาตุได้แล้ว แต่เจ้าควรปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าได้เอ่ยปากบอกผู้ใดกันเด็ดขาด รอท่านบิดากับท่านพี่กลับมาเราจะเป็นคนบอกทั้งคู่คนเอง” “บ่าวรู้แล้วเจ้าค่ะ!!” ซื่อสินตอบเสียงหนักแน่น กรรณิการ์ ที่ปัจจุบันนี้กำลังแช่ตัวในถังสำหรับใส่น้ำ ในช่วงเวลานี้คุณรู้แนวทางการสกัดเม็ดยาที่เรียกได้ว่าเกือบจะเชียวชาญเนื่องจากว่ามีคุณครู รอสอน แต่ว่าถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้คุณจะสัมผัสพลังธาตุได้ แม้กระนั้นไม่รู้เรื่องแนวทางการซึมซับที่ถูกต้อง จึงทำให้มันไม่ดีขึ้นอย่างความคาดหวังเอาไว้ เอาเถอะเริ่มต้นได้ขนาดนี้ก็นับว่าบรรเจิดแล้ว จากนี้ก็เบาๆพัฒนารอคอยพ่อกับพี่ชายกลับมาจากชายแดน คงจะได้รู้อะไรเยอะขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายของเธอปัจจุบันนี้เป็นประพฤติตามข้อแนะนำของอาจารย์เพื่อเข้าสำนักเซียน ยารักษาโรค หลัง จากอาบน้ำเสร็จกณิการ์ก็ได้ซื่อสินรอช่วยแต่งตัว ก่อนที่จะเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ระหว่างทางเดินก็ได้ เนื้อหาจาก https://goo.gl/QDqo8b Tags : สาวออฟฟิศ,ผู้หญิง
|