หัวข้อ: ประวัติศาสตร์สิ่งน่าทึ่งสิ่งของหลอดไฟ เริ่มหัวข้อโดย: Bigbombboomz ที่ พฤษภาคม 30, 2017, 12:20:38 pm (http://www.gmwebsite.com/upload/ledthai.net/file/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9F%20LED.jpg)
ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงช่วงปัจจุบันเจ้าหลอดใสๆ ก็ให้ภาสแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ล้วนแล้ว เริ่มออกจากเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการดำรงชีวิตของเรา พร้อมด้วยใช้ต่อเนื่องมาถึงสมัยนี้ มีการปฏิรูปต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน กับมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีทางการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันเชื่อค่ะ มาเริ่มห้ามในยุคแต่ก่อนเลยค่ะ เป็น ยุคหลอดไส้ หรือไม่ชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า หลอด Incandescent ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พบหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่รอบรู้ทำได้จริง ตราบจน โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำความเห็นที่ว่านี้ มาขยายต่อจนประสบความมีชัย และในภายต่อมา เขาก็เชี่ยวชาญค้นพบวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก เพราะว่าเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับสมัยนิยมไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้นานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะทำเอามีระยะการใช้งานที่นมนานกาเลขึ้น ด้วยกันในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส ทำให้ใช้งานได้นานสองนานขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม. ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคใจกลาง (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ) หลอดก๊าซปรอทใช่ไหมเรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน หรือว่าหลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซเพราะว่าบรรจุก๊าซไว้ข้างใน แนวง่าย ๆ ของหลอดพวกนี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการเลื่อนไหลและอนุญาตพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนกับแสงสว่าง แต่เนื่องมาจากแสงที่ได้ยังเป็นรุนแรงต่อการแลเห็นของมนุช จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดภายใน เพราะว่าให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงยุคปัจจุบัน จะมีมากหลายขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 ด้วยกันปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว ** คำว่า T10 หมายความว่าขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือเป็นขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงปัจจุบันนี้ ศักยภาพการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ ปานกลาง แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ พร้อมกับบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W ยุคสมัยนี้ ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ของหมู่แสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามาปรวนแปรระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการวิวัฒน์จากแง่มุมของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด ด้วยกันหลอดไฟ LED มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดกลับเป็นหลอดไฟที่เขียมไฟ และอัจฉริยะ อาจทำงานได้ต่างๆนาๆฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังปลอดภัย ไร้การปล่อยความร้อน และแสง UV ให้กำเนิดมาอีกด้วย ในประจุบันหลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 ในที่ 5 เทคโนโลยีที่เด่นยอดของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมาแปรผันหมู่ไฟฟ้าของโลกา ข้างในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถเป็นเหตุให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่แท้ รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะปฏิรูปไปได้ห่างแค่ไหน ^^ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หลอด led เครดิตบทความจาก : http://pdr2013.com/index.php?topic=126492.new#new Tags : ไฟ led
|