หัวข้อ: สมุนไพรอันน่า"ทึ่ง"ของสรรพคุณโกฐน้ำเต้า เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ พฤษภาคม 31, 2017, 03:03:10 pm (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1495549172927.jpg)
ถิ่นกำเนิดของโกฐน้ำเต้า เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบยุโรป และเอเชีย ในประเทศอินเดีย จีน ทิเบต รัสเซีย สถานที่พบในประเทศจีน 青海、四川、陕西、甘肃、云南、西藏、宁夏、贵 州、湖北 Qīnɡhǎi、Sìchuān、Shǎnxī、Gānsù、Yúnnán、Xīzànɡ、Nínɡxià、 Guìzhōu、Húběi ชิงไห่ เสฉวน ส่านซี กานซู่ ยูนนาน ทิเบต หนิงเซี่ย กุ้ยโจว หูเป่ย ลักษณะทั่วไปของโกฐน้ำเต้า โกฐน้ำเต้าเป็นเหง้าและรากแห้งของพืช ประเภท ใด ประเภท หนึ่งใน 3 ชนิด ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rheum officinal Baill., R.palmatum L. และ R.tanguticum (Maxim. Ex Regel) Maxim.ex Balf. ในวงค์ Polygonaceae หรือ เหง้าและรากแห้งของพืช 2 หรือ 3 ลักษณะข้างต้นปนกัน โดยจัดเป็นพรรณไม้พุ่มที่มีความสูงของต้นประมาณ 2 เมตร ต้นแตกกิ่งก้านสาขามากและมีใบเป็นพุ่ม เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวเรียบมัน มีลายเล็กน้อยและไม่มีขนปกคลุม มีเหง้าอยู่ใต้ดินขนาดป้อมและใหญ่ เนื้อนิ่ม ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นโพรงกลวงและมียางสีเหลือง ใบโกฐน้ำเต้า[/i] ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ชนิดของใบเป็นรูปไข่ เป็นแฉกคล้ายนิ้วมือ มีประมาณ 3-7 แฉก มีขนาดกว้างและยาวใกล้เคียงกัน ใบมีขนาดประมาณ 35-40 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเป็นหยักแบบฟันเลื่อยเล็กน้อย หน้าใบและหลังใบมีขนขึ้นปกคลุม ก้านใบมีขนาดใหญ่และยาว ตรงบริเวณก้านใบมีขนสีขาวปกคลุมอยู่ ดอกโกฐน้ำเต้า ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่งก้าน ดอกเป็นข้อ ๆ ในก้านช่อกิ่งหนึ่งจะมีประมาณ 7-10 ช่อ ก้านดอกมีความยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ดอกย่อยจะแยกออกเป็นแฉก 6 แฉก ดอกมีความยาวประมาณ 1.5 มม.ส่วนกลีบดอกเรียงซ้อนกันเป็นชั้น 2 ชั้น ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 9 อัน ผลโกฐน้ำเต้า ผลมี ลักษณะ เป็นรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม บริเวณเหลี่ยมจะมีเยื่อบาง ๆ หุ้มอยู่ ผลเป็นสีน้ำตาลเข้ม ผลมีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มม.และยาวประมาณ 9-10มม.โดยผลจะแก่ในช่วงเดือนสิงหาคม การขยายพันธุ์ของโกฐน้ำเต้า ปัจจุบัน โกฐน้ำเต้านิยมขยายพันธุ์กันมากในประเทศจีน เพราะประเภทอากาศ และดินเหมาะสมกับพืชชนิดนี้ เพาะด้วยวิธีการแยกลำต้น และวิธีการขยายพันธุ์เมล็ด การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวราก และเหง้าปลายฤดูใบไม้ร่วงเมื่อลำต้น และใบเหี่ยวหรือเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิถัดไปก่อนแตกหน่อ แยกรากฝอยและเปลือกนอกทิ้ง นำสมุนไพรมาหั่นเป็นแว่นหรือเป็นท่อน ๆ ตากแดดให้แห้ง เก็บเยียวยาไว้ในสถานที่มีอากาศเย็นและแห้ง มีการระบายอากาศดี องค์ประกอบทางเคมี โกฐน้ำเต้ามีสารสำคัญกลุ่ม anthraquinones ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสาร hydroxyanthracene แบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มย่อย free anthraquinones เช่น chrysophanol , emodin, rhein, alo-emodin, physcion กลุ่มย่อย anthraquinone glycosides เช่น rheinoside A-D, chrysophanein, glucoemodin, palmatin และกลุ่มย่อย biathrones เช่น sennoside A-F, rheidin A-C นอกจากนั้นในโกฐน้ำเต้ายังมีสารกลุ่ม tannins ด้วย คุณค่าทางโภชนาการของโกฐน้ำเต้าดิบ(ไม่ระบุว่าส่วนใด แต่เข้าใจว่าคือส่วนของก้านใบ)ต่อ 100 กรัม
% ร้อยละของจำนวนแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ สรรพคุณของโกฐน้ำเต้า สรรพคุณตามตำราการแพทย์แผนจีน โกฐน้ำเต้า มีฤทธิ์ระบาย ขับของเสียตกค้าง ประโยชน์แก้ของเสียตกค้างภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ (ท้องผูกจากภาวะร้อน ตัวร้อนจัด) หยางของระบบม้ามไม่เพียงพอ มีของเสียและความเย็นตกค้าง ทำให้ท้องผูก อาหารตกค้าง ปวดท้องน้อย ถ่ายไม่สะดวก และมีฤทธิ์ระบายความร้อน ขับพิษร้อน ขับพิษ ใช้ในผู้ป่วยที่มีระบบโลหิตร้อน (อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดา ตาแดง คอบวม เหงือกบวม) ขับพิษร้อน แผลฝีหนองบวม นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยให้เลือดหมุนเวียน กระจายเลือดคั่ง ใช้แก้สตรีประจำเดือนไม่มาเนื่องจากมีเลือดคั่ง แก้ฟกช้ำ ช้ำใน เลือดคั่ง ปวด บวม เป็นต้น
ในประเทศไทย โกฐน้ำเต้าถูกใช้ในตำราแพทย์แผนไทยหลายตำรับด้วยกัน โดยถูกจัดอยู่ใน “พิกัดโกฐพิเศษ” ซึ่งประกอบไปด้วยโกศ 3 ชนิดร่วมกับโกฐกะกลิ้งและโกฐกักกรา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ พ.ศ.2556 มีการนำโกฐน้ำเต้ามาใช้เป็นตัวยาตรงในกลุ่มยาถ่ายหรือยาระบาย และเป็นตัวยาช่วยในอีกหลายตำรบ เช่น ยาตรีหอม ยาหอมอินทจักร ยาธรณีสันฑะฆาต เป็นต้น
|