ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Navaphon11991 ที่ มิถุนายน 05, 2017, 05:24:13 pm



หัวข้อ: ขายดีมากเป็นกระแสในการเกื้อกูลผิวของคุณให้มีผิวขาวสวยปรับสภาพผิวของคุณแบบมืออาชื
เริ่มหัวข้อโดย: Navaphon11991 ที่ มิถุนายน 05, 2017, 05:24:13 pm
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการดูแลรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว แม้ว่าผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองถึงแม้ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิวมากมายก่ายกองกมายที่มีส่วนประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอและก็ผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงองค์ประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความสำคัญเช่นกัน บางคนหน้ามันแล้วกลัวว่าหากว่าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะมีผลให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก ด้วยเหตุว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลากหลายชนิดสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับภาวการณ์ผิวได้

อยากได้มีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

ผิวหนังชั้นนอกสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่พวกเรามองดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวพวกเราจะมองดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม ขึ้นตรงต่อความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากให้ผิวมองงามในสายตาผู้ชม ก็ต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

ศัพท์ที่จะพบในบทความนี้

Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นหนังกำพร้ามี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นหนังกำพร้า
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงตัวเป็นชั้นๆคร่าวๆ 25-30 ชั้น บางตำราเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งมวลของชั้นepidermis เนื่องจากเซลล์ผิวในชั้นผิวหนังชั้นนอกจะมี keratinเป็นองค์ประกอบข้างใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งปวง
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ภายในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำและก็รักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองป้องกันไม่ให้ NMFs ด้านในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาด้านนอก บางตำราเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงหมายความว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำมาก

ส่วนประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงตัวของเซลล์corneocyte อย่างเป็นระเบียบเป็นชั้นๆราวๆ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวประสานล้อม หนังสือเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงหน้าอย่างนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงหน้าของก้อนอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickแปลว่าก้อนอิฐ Motarมีความหมายว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวประสานซึ่งมีลักษณะราวกับการเรียงหน้าของก้อนอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model ก้อนอิฐแต่ละก้อน เปรียบเทียบได้กับเซลล์ corneocyte

ภายในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ปฏิบัติภารกิจรักษาระดับน้ำภายในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA รวมถึงน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นหนังกำพร้าสามารถทำขึ้นได้เองในขณะมีการเจริญเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีสาเหตุใดไปรบกวนการเจริญเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะมีผลให้ NMFs ถูกทำลดลง รวมทั้งมีผลถึงความชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนผสาน เปรียบเทียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนาและก็เป็นระเบียบ
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารชนิดไขมันอาทิเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วหลังจากนั้นก็ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
อยากให้ผิวดูงาม น่าจะหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs รวมถึงintercellular lipids ให้บริบูรณ์เยอะที่สุด
การที่ระดับความชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยปรับ

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังแกได้ยาก
เสริมการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าเกิดผิวขาดความชุ่มชื้นที่พอเหมาะพอเจาะโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีกลุ่มนี้จะปฏิบัติการไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
สนับสนุนให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรงแล้วก็ปฏิบัติหน้าที่กรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวล้ำหน้าและบริบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นที่เหมาะสมเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงหน้าไม่เรียบร้อยกำเนิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งปลอมปนจากด้านนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค ฯลฯ
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวสมควร จะช่วยทำให้NMFs ถูกสร้างรุ่งโรจน์
สิวขึ้นลดน้อยลง : ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงหน้าไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกไม่ดีเหมือนปกติรวมถึงไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกไม่ได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเปียกชื้น การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันเกิดลดน้อยลง สิวลดน้อยลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่ชื้นแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มรวมทั้งขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองดูละเอียดขึ้น ด้วยเหตุนั้นในคนที่ผิวแห้งมากไม่น้อยเลยทีเดียวๆเว้นเสียแต่ผิวจะดูหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเปรียบเทียบผิวหนังปกติและก็ผิวหนังที่แห้งผิวปกติ :เซลล์เรียงหน้าชิดกัน เป็นระเบียบเรียบร้อย
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวด้านบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่พอเพียง
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงตัวของเซลล์ผิวไม่รัดกุม ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งเจือปนไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองแล้วหลังจากนั้นก็อักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชื้นเปรียบเสมือนหรือแตกต่างยังไง?
ผิวแห้งแล้วหลังจากนั้นก็ผิวขาดความชื้นคล้ายคลึงกันแต่ว่าต่างกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แยกสภาวะผิวที่ประจำตัวมา ดังเช่นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้ปริมาณน้ำมันที่สร้างขึ้นจากต่อมไขมันเป็นตัวแยกเป็นชนิดและประเภท


ผิวแห้ง(dry skin)เป็นผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเพราะมีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย เพราะฉะนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix รวมทั้งมีน้ำใต้ผิวที่เพียงพอ ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันเยอะแยะทั่วทั้งหน้าและผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณt-zoneมากมายก่ายกอง, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะบริเวณt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชุ่มชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% เหตุอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้สินค้าผลัดเซลล์มากเกินความจำเป็น : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถที่จะสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการดูแลและรักษาน้ำให้ดำรงอยู่ในผิวหนัง
การใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างที่มีคุณลักษณะกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากจนเกินไปครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV เป็นจำนวนมากต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมกันแสงแดด รังสี UV จะก่อกวนการผลิต NMFs
ความชื้นกลางอากาศ : ความชื้นในอากาศต่ำกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ภายนอก เพราะฉะนั้นในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุหนมากขึ้น การสร้าง NMFs และ sebum น้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคพวกนี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าธรรมดาหลายเท่า รวมถึงขับมาที่เปลือกนอกอย่างเร็วยกตัวอย่างเช่น 4 วัน (ปกติใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามปกติ เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย ราวกับเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความร้ายแรง

รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่หากมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันมาก ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเช่นกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันและก็กำเนิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การดูแลรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจำเป็นต้องทำทั้งเพิ่มความชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการดื่มน้ำให้พอเพียง และเลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวก humectant
กีดกั้นความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยสินค้าที่มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และก็ Intercellular lipids
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองต่ำลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมปริมาณน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำรวมทั้งรักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2ชนิดเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)ยกตัวอย่างเช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA รวมทั้งhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารชนิดglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้พบแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แม้กระนั้นเมื่อวัยสูงมากขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะลดน้อยลงทั้งความสามารถและก็ปริมาณ ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเนื่องจากว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มชื้นแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง รวมทั้งผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อปกป้องการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)สินค้าผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะลดน้อยลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกลุ่ม เป็น





เครดิตบทความจาก : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีม v2,ครีม V2 ดีไหม
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ