ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: teareborn ที่ มิถุนายน 09, 2017, 04:59:45 pm



หัวข้อ: สรรพคุณกับสิ่งดีๆต่อร่างกายของ"กระเทียม"
เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ มิถุนายน 09, 2017, 04:59:45 pm
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1495529547368.jpg)
สรรพคุณของกระเทียม
ตำรายาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจายโลหิต  ขับปัสสาวะ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง น้ำตาไหล  ตาฟาง เยียวยาโรคลักปิดลักเปิด  เยียวยามะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดเบา รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้หืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตระดู  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำ   แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสมหะ ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก เยียวยาแผลเรื้อรัง รักษากลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอก บรรเทาอาการปวดบวมตามข้อเพราะเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร(แก้ท้องเสีย), ยาประสะไพล(ขับน้ำคาวปลา ในผู้หญิง หลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ทุบชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)

  • ท้องเสียเนื่องจากกินอาหารทะเล : ใช้กระเทียมต้มน้ำ ดื่ม
  • เลือดกำเดาออกไม่หยุด : กระเทียม 1 หัว แกะเปลือกออก ตำให้ละเอียด ทำเป็นแผ่นกลมใหญ่และหนา ขนาดเหรียญหนึ่งบาท ถ้าเลือดกำเดาออกทางรูจมูกซ้าย ให้แปะบริเวณกลางฝ่าเท้าซ้าย ถ้าเลือดกำเดาออกทางรูจมูกขวา ให้แปะบริเวณกลางฝ่าเท้าขวา ถ้าออกทั้ง 2 รู ก็ให้แปะทั้งสองข้าง
  • ตะขาบต่อย : ใช้กระเทียมหัวโทน ตำให้แหลกพอกบริเวณที่ถูกกัด
  • กลาก, เกลื้อน : ใช้ไม้ไผ่บางๆ หรือมีดที่สะอาดขูดผิวหนังบริเวณที่เป็น แล้วใช้กระเทียมทา
  • ต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดกระเทียมและสารประกอบใน กลุ่มออร์แกโนซัลเฟอร์ สามารถกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยต้านอนุมูล อิสระในตับ เช่น กลูทาไธโอนเปอร์-ออกซิเดส (Glutathione Peroxidase) คะตาเลส (Catalase)ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส (Superoxide Dismutase) ซึ่งผลจากการ ลองทำในสัตว์พบว่า กระเทียม สามารถลดอาการข้างเคียงของยาไซโคลสปอริน ที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ และทำให้เกิดพิษต่อไตและตับ
  • ป้องกันไข้หวัด กระเทียมช่วยป้องกันการเกิดไข้หวัดและ ช่วยลดอาการของไข้หวัด จากการ ศึกษาเปรียบเทียบพบว่า ผู้ ทานกระเทียมที่มี สารอัลลิซิน 180 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลานาน 12 สัปดาห์ จะมีคุณภาพวันที่เป็นไข้ น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ รับประทานกระเทียม แต่จำนวนวันที่หายขาดจากอาการไข้หวัดนั้น ไม่แตกต่างกัน
  • การเทียมกับโรคเบาหวาน กระเทียมรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำมันกระเทียม สกัดผงแห้ง และกระเทียมสด ต่างก็มีผลต่อการลดระดับน้ำตาลกลูโคส ในเลือด เนื่องจากสาร เอส-อัลลิล-แอล-ซีสเทอีน ในกระเทียมจะช่วยกระตุ้นการหลั่ง ฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความ อาจในการควบคุม ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ดียิ่งขึ้น
  • แก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย กระเทียมกระตุ้นให้ระบบไหล เวียนโลหิตเพิ่มการขนส่งสารอาหารสู่อวัยวะต่างๆ ที่ทำงานหนักและอ่อนล้า โดย เฉพาะสมอง ปอด กล้ามเนื้อ และหัวใจ โดยกระเทียมช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อขจัดของ เสียที่เกิดขึ้นจากใช้งานหนักเป็นเวลานาน ช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้ร่างกาย รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายเมื่อเกิดอาการอ่อนล้า
  • ลดความดันโลหิต จากการรวบรวมงาย ศึกษาพบว่า เมื่อผู้ ป่วยโรคความดันโลหิตสูง กินกระเทียมทั้งในรูปสารสกัดผงแห้ง และน้ำมัน กระเทียม ขนาดตั้งแต่ 600-2,400 มก.ต่อวัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 12 สัปดาห์ พบ ว่ามีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure) ลดลงเฉลี่ย 8.6 มิลลิเมตร- ปรอท และค่าความดันไดแอสโตลิก (Diatolic Blood Pressure) ลดลงเฉลี่ย 7.3 มิลลิเมตรปรอท เมื่อเทียบกับผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้ กิน กระเทียม
  • ลดระดับไขมันในเลือด จากการ ค้นหาพบว่า การ รับประทานกระเทียมติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและ ไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อย่างไรก็ตาม เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างมี ประสิทธิภาพจำเป็นต้องควบคุมอาหารและการออกกำลังกายร่วมกันเป็นประจำ
  • ป้องกันการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด เอนไซม์ไซโคล ออกซีจีเนส (Cyclooxygenase) ในกระเทียม ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทใน การสังคราะห์พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) จะทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการ เกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด
  • กระเทียมกับโฮโมซีสเทอีน หากร่างกายมีระดับโฮโมซี สเทอีน (Homocysteine) ในเลือดที่สูงเกินไปจะเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดได้รับ ความเสียหายและเกิดก้อนเลือดอุดตันในหลอดเลือด เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะ หลอดเลือดในสมองแตก (Brain Stroke) ทั้งนี้การ รับประทานกระเทียมจะช่วยลด ระดับโฮโมซีสเทอีนในเลือดได้ในภาวะการขาดโฟลิก หาก ทานกระเทียมเป็น ประจำช่วยชะลอการเกิดภาวะแคลเซียมสะสมในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งภาวะนี้เป็นปัจจัย หนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดแดงหัวใจแข็ง
รูปแบบ/วิธีการใช้ของกระเทียม
จำนวนการรับประทานกระเทียมที่เหมาะสมต่อวัน ผู้ใหญ่ควร กินกระเทียมสด 4 กรัมต่อวัน หากเป็นผงกระเทียมแห้งหรือแบบสกัด ควร รับประทานประมาณ 300 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2-3 ครั้งต่อวัน
ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)
การใช้กระเทียม รับประทานอาการแน่นจุกเสียด

  • ก.นำกระเทียม 5-7 กลีบ บดให้ละเอียด เติมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและน้ำตาลนิดหน่อย ผสมให้เข้ากัน กรองเอาเฉพาะน้ำดื่ม
  • นำกระเทียมมาปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบมาซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังอาหารทุกมื้อ แก้ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย
การใช้กระเทียม รับประทานกลาก เกลื้อน

  • นำกระเทียมมาขูดให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้แหลก พอกที่ผิวหนัง แล้วปิดด้วยผ้าพันแผลไว้นานอย่างน้อย 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน
  • ขูดผิวหนังส่วนที่เป็นเกลื้อนให้พอเลือดซึมด้วยใบมีด แล้วใช้กระเทียมสดทา ทำเช่นนี้ทุกวัน 10 วันก็จะหาย
กระเทียมแก้ปวดฟัน

  • นำหัวกระเทียม 1 กลีบ ปอกเปลือกออกแล้วนำมาตำจนละเอียด ขณะที่ตำให้ใส่เหลือไปด้วยสักเล็กน้อย แล้วนำไปพอกหรืออุดไว้บริเวณฟันที่ปวด
บิด

  • นำหัวกระเทียม 12-15 กลีบ ปอกเปลือก กินดิบๆ วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารอาจใช้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลอ้อย ช่วยกลบรสเผ็ดของกระเทียมก็ได้
เยียวยาแผลที่เน่าเปื่อยและเป็นหนอง

  • นำหัวกระเทียม 1 หัว มาปอกเปลือกแล้วตำให้ละเอียด พอกบริเวณที่เป็นแผล โดยพอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที จึงเอาออกแล้วทำความสะอาดแผลหรือจะนำกระเทียมที่ตำแล้วไปแช่ในน้ำอุ่นและปิดฝาทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จึงกรองเอาน้ำมาใช้ล้างแผล ก็ได้ผลดีเช่นกัน

    ลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตหรือเพื่อ เยียวยาโรคเส้นเลือดหัวใจและสมองตีบตัน

  • กินกระเทียมสดครั้งละ 5 กรัม โดยสับหรือบดตวงได้ราว 1 ช้อนชาพูน กินพร้อมอาหารวันละ 3 เวลา อย่ากินกระเทียมตอนท้องว่าง เพราะจะระคายเคืองต่อกระเพาะ ลำไส้
ในกรณีต้องการกินเป็นประจำ เพื่อป้องกันเบาหวาน และขจัดพิษสารตะกั่ว

  • นำกระเทียมกลีบใหญ่ ๆ เพียง 3 กลีบ ทุบให้แตก กลืนกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ทุก ๆ เช้าหลังตื่นนอน น้ำอุ่นจะช่วยไม่ให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะ
ขนาดและวิธีใช้สำหรับแก้ไอ

  • นำกระเทียม และขิงสดอย่างละเท่ากันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง ตำรายาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเติมเกลือใช้จิบหรือกวาดคอ


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยากรกะเทียม
มีหลักฐานการวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับกระเทียมและการป้องกันมะเร็งหรือไม่
มีการ ลองทำอย่างเป็นระบบ 3 การ ค้นพบทำการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการ อุปโภคกระเทียมและความเสี่ยงต่อการป่วยเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร การ ลองแรกเป็นการ วิจัยอย่างเป็นระบบในชาวจีน 5,000 คน ที่เสี่ยงต่อการป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร  ทำ ลองโดยการแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมการ วิจัยเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ รับประทานสารอัลลิทริดินสังเคราะห์ (synthetic allitridin) ซึ่ง เป็นสารสกัดจากกระเทียมที่มีใช้กันมานานในประเทศจีน ปริมาณ 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับ กินซิลิเนียม (selenium)  ปริมาณ 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยคณะผู้วิจัยทำการติดตามผลเป็นเวลา 5 ปี พบว่ากลุ่มที่ได้รับ สารสกัดอัลลิทริดินและซิลิเนียม มีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในกระเพาะอาหารลดลง 33% และมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง หลอดอาหารลดลงถึง 52% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก การ ค้นพบอย่างเป็นระบบอีกการวิจัยหนึ่งแสดงผลการ วิจัยที่ขัดแย้งกัน โดยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากกระเทียม คุณภาพ 800 มก.ร่วมกับน้ำมันกระเทียมเป็นประจำทุกวันไม่ลดความชุกของรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร  (precancerous gastric lesion) และไม่ลดอุบัติการณ์เกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร การวิจัยอย่างเป็นระบบในประเทศญี่ปุ่น เปรียบเทียบผลการ อุปโภคกระเทียมสกัด กินสูง (2.4 มิลลิตร) เทียบกับการบริโภค ใน จำนวนที่น้อยกว่า (0.16 มล.) ในกลุ่มผู้ป่วยเนื้องอกลำไส้ชนิดอดีโนมา (colorectal adenomas) และทำการติดตามผลที่ 6 และ 12 เดือน พบว่ากลุ่มที่ บริโภคกระเทียมเสริม จำนวนสูงมีโอกาสเกิดเนื้องอกใหม่น้อยกว่ากลุ่มที่ บริโภคกระเทียมสกัดใน จำนวนที่น้อยกว่า ได้แก่ 47 และ 67% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีผลการ ค้นพบพบว่าการใช้สารสกัดกระเทียมทามะเร็งผิวหนังชนิดเบซัล (basal cell carcinoma) พบว่าผู้ป่วย 21 รายที่เข้าร่วมการ ค้นหามีก้อนมะเร็งยุบลงหลังทากระเทียมสกัด
ฤทธิ์ต้านจุลชีพ : กระเทียมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพหลาย ลักษณะ ทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ได้แก่ เชื้อที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย Shigella sonnei , Escherichia coli , Bacillus sp. , Staphylococus aureus , Streptococcus faecalis , Pseudomonas aeruginosa เป็นต้น เชื้อวัณโรค Mycobacterium tuberculosis และเชื้อรา Candida spp. , Aspergillus niger และTrichosporon pullulans เป็นต้น สารสำคัญที่ออกฤทธิ์คือ allicin , ajoene , และ diallyl trisulfide
ฤทธิ์ต้านไวรัส : สารสกัดหัวกระเทียมความเข้มข้น 0.15 มก./ มิลลิตร ต้านเชื้อไวรัส Influenza B (LEE) อย่างมีนัยสำคัญ P<0.001 แต่ในความเข้มข้น 1.5 มิลลิกรัม/ มิลลิตร ไม่ต้านเชื้อไวรัส Coxsackie B1 เมื่อกรอกสารสกัดน้ำผสมแอลกอฮอล์จาก aged bulb เข้ากระเพาะอาหารหนูถีบจักร ขนาด 0.1 มิลลิตร /ตัว พบว่าสามารถต้านเชื้อไวรัส Influenza ในเลือดของหนู และมีการทดสอบเนื้อกระเทียมขนาด 1,000 มก./ มิลลิตร ในจานเพาะเชื้อ แสดงฤทธิ์อย่างอ่อนต่อเชื้อ Parainfluenza type 3
ฤทธิ์ต้านการบีบเกร็ง : สารสกัดน้ำ หรือสารสกัดเอทานอล หรือน้ำคั้น มีฤทธิ์ต้านการบีบเกร็งในหนูขาวและหนูตะเภา
ฤทธิ์ลดระดับไขมัน : กระเทียมในรูปสด สารสกัด น้ำมันหอมระเหย และน้ำคั้น มีฤทธิ์ลดไขมันได้เฉพาะคอเลสเตอรอล ทั้งในการศึกษาในสัตว์และหลอดทดลอง พบว่าสาร allicin และ ajoene มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างคอเลสเตอรอล และมีฤทธิ์ต้านการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด
ฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด : สารสกัดน้ำ สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัดเมทานอล และน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือดทั้งการค้นพบในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง สารสำคัญคือ adenosine , alliin , allicin , ajoenes , vinyldithiinsและมีฤทธิ์ดีกว่าสาร allicin 10 เท่า
ฤทธิ์กระตุ้นการทำลาย fibrin (fibrinolysis) :  กระเทียมแห้ง สารสกัดน้ำ สารสกัดแอลกอฮอล์ และน้ำมันกระเทียม มีฤทธิ์กระตุ้นการสลายตัวของ fibrin (fibrinolysis)
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด : สารสกัดน้ำ สารสกัดเอทานอล สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ สารสกัดคลอโรฟอร์มและน้ำมันหอมระเหย สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดหนูและกระต่าย สารสำคัญคือ allicin
ฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน : สารกลุ่ม thiosulfiates มีฤทธิ์ต้านออกซิดัน โดยยับยั้ง lipid peroxidation
ฤทธิ์ลดความดันโลหิต : สารสกัดน้ำ และสาร ajoene สารกลุ่ม ?-glutamylpeptides , scordinins , steroids , triterpenoids , flavovoids มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต
ฤทธิ์ลดการอักเสบ :  สารสกัดกระเทียมด้วยน้ำ 2 ก/นน.ตัว 1 กก. มีฤทธิ์ลดการอักเสบอย่างอ่อนๆ ในหนูขาวที่ทำให้อุ้งเท้าบวมโดยใช้ formalin มีผู้พบว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วย น้ำ : แอลกอฮอล์ 1:1 แก่หนูขาวทางช่องท้อง พบว่าลดการอักเสบที่เกิดจากคาราจีแนนและเมื่อให้สารสกัดเอทานอลทางสายยางเข้ากระเพาะอาหารหนูขาวเพศผู้ขนาด 100 มก./กก. พบว่าอาจลดอาการอักเสบอุ้งเท้าที่ถูกทำให้อักเสบด้วยคาราจีแนนได้ 23% เมื่อทาสารสกัดเอทิลแอลกอฮอล์     เฮกเซนและเมทานอจากหัวกระเทียมให้หนูถีบจักร ขนาด 20 มคล./ตัว ในการรักษาหูที่อักเสบ ผลไม่แน่นอน
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการเกิดออกซิเดชัน :            สารสกัดกระเทียมด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ  สารสกัดกระเทียมมีฤทธิ์ลดการออกซิเดชันของไขมัน และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ superoxide dismutase  สาร diallyl sulfide มีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชันโดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ได้แก่ superoxide dismutase, catalase และ glutathione peroxidase ในเนื้อเยื่อปอด และเพิ่มระดับ glutathione ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังอาจกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่ต้านการเกิด oxidative stress ได้แก่ heme oxygenase-1 (HO-1) และ ยับยั้ง CYP2E1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างอนุมูลอิสระ
ฤทธิ์สมานแผล :   เมื่อทาสารสกัดกระเทียมบนผิวหนังไก่ จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น โดยพบว่ามีการสร้างเนื้อเยื่อบุผิวและคอลลาเจนใหม่ มีการเจริญของมัดเส้นใยคอลลาเจน และมีการสร้างเส้นเลือดใหม่
ฤทธิ์ในการยับยั้งฟันกัส (Fun-gus) : สารออกฤทธิ์ในกระเทียมหรือน้ำจากการแช่กระเทียม หรือกระเทียมที่ตำจนแหลกละเอียด จากการลองทำนอกร่างกายพบว่า มีฤทธิ์ยับยั้งและทำลายฟันกัส (fun-gus) หลายจำพวกรวมทั้งแคนตินา อัลบิแคนส์ (Candida albicans)
ฤทธิ์ในการยับยั้งโปรโตซัว (Protozoa) : ผลจากการลองทำนอกร่างกาย น้ำที่ได้จากการแช่กระเทียมมีฤทธิ์ทำลาย Amebic protozoon กระเทียมเปลือกสีม่วงจะมีฤทธิ์แรงกว่ากระเทียมเปลือกขาว หรือเมื่อใช้กับผู้ป่วยที่เป็นบิดจากอะมีบาก็ได้ผลดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อในโรค Trichomonas vaginalis
ฤทธิ์ต่อหลอดเลือดหัวใจ : Ailfid ในกระเทียมมีพิษน้อยมาก จะทำให้การเต้นของหัวใจช้าลง และเพิ่มการบีบและคลายตัวของหัวใจ ขยายหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้ปัสสาวะมากขึ้น และในบางคลินิกได้ผลดีมาก สำหรับผู้ป่วยที่มีความดันสูง และหลอดเลือดแข็งตัว
สำหรับกระต่ายที่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีโคเลสเตอรอลมาก น้ำมันกระเทียม (Garlic oil) อาจยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด
           กระเทียมอาจช่วยลดอาการอักเสบจึงช่วยเยียวยาแผลในกระเพาะอาหาร อันจะเป็นผลช่วยลดการแน่นจุกเสียดในผู้ป่วยที่เป็นแผลในโรคกระเพาะอาหาร โดยต้านการสังเคราะห์ prostaglandinและมีผู้ค้นพบพบว่าสารสกัดกระเทียมมีผลยับยั้งการสร้าง IL-12และเพิ่มการสร้าง IL-10 และtumor necrosis factor(?-INF) , IL-1? , IL-6 ,L-8 และT-cell interferon-gamma (IFN-gamma , IL-2 จึงมีผลช่วยลดอาการอักเสบในผู้ป่วยลำไส้อักเสบ    ได้มีผู้วิจัยพบฤทธิ์ในการต้านโรคไขข้ออักเสบ เมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำในขนาด 100 มก./กิโลกรัมเป็นเวลา 10 วัน และเมื่อกรอกน้ำมันหอมระเหยจากเมล็ด(seed oil)เข้ากระเพาะอาหารหนูขาว ขนาด 0.0025 มิลลิกรัม/กิโลกรัมพบว่า ลดอาการอักเสบจากอาการข้ออักเสบที่เกิดจากฟอร์มาลดีไฮด์ได้
 

Tags : กระเทียม
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ