หัวข้อ: เลือกโบรกเกอร์ forex อย่างไรถึงจะดี? เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ มิถุนายน 15, 2017, 03:09:12 pm (https://s9.postimg.org/paxmlsgkf/exness_300x225.jpg)
เลือกโบรกเกอร์ forex[/size] อย่างไรถึงจะดี? การเลือกโบรกเกอร์สำหรับการเทรดในตลาดทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ก็ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราไม่ควรที่จะเลือกโบรกเกอร์แบบสุ่มไม่เช่นนั้นเราอาจจะพลาดตั้งแต่ก้าวแรกๆของการเป็นนักลงทุนเลยก็ว่าได้ มีคำกล่าวภาษาอังกฤษที่ว่า Well begun is half done ซึ่งก็คือ การเริ่มต้นที่ดีถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับการเลือกโบรกเกอร์ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆของการลงทุน ถ้าเราเลือกโบรกเกอร์ที่ดี การลงทุนของเราก็จะราบรื่น ไม่ต้องมาพะวงกับปัญหาขัดข้องที่เกิดจากโบรกเกอร์ ปัญหาการติดต่อสื่อสาร หรือแม้กระทั่งปัญหาการเอารัดเอาเปรียบโดยที่เราไม่รู้ตัวจากทางฝ่ายโบรกเกอร์สำหรับแนวทางการเลือกโบรกเกอร์สำหรับการเทรด Forex นั้นมีหลักการหลักๆดังนี้ 1. บริษัทโบรกเกอร์เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการให้บริการด้านการเทรดใน Forex ข้อนี้ถือเป็นข้อที่สำคัญมากๆ แน่นอนว่าเราคงไม่อยากเทรดกับบริษัทเถื่อนหรือบริษัทไร้คุณภาพที่สวมรอยแอบอ้างว่าเป็นโบรกเกอร์ 2. มีคู่สกุลเงินที่เราต้องการเทรด แต่ละโบรกเกอร์จะให้บริการการเทรดคู่สกุลเงินที่แตกต่างกันไปบ้าง ถ้าไม่ใช่คู่สกุลเงินใหญ่ๆ อย่างเช่น USD/Yen หรือ USD/Euro ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องดูให้ถี่ถ้วนเสียก่อนว่าโบรกเกอร์ที่เราเลือกมีคู่สกุลเงินตามที่เราสนใจหรือไม่ 3. ต้องใช้เงินฝากเริ่มต้นมากน้อยแค่ไหน ยิ่งเงินฝากเริ่มต้นน้อย ก็ยิ่งเป็นการง่ายต่อนักลงทุนมือใหม่ที่จะเข้าไปเทรด 4. มีวงเงิน Leverage ให้ โบรกเกอร์ Forex แทบทุกโบรกเกอร์จะมี Leverage ให้กับนักลงทุน เช่น 50:1 หรือ 2,000:1 ซึ่งก็คือการที่เรามีเงิน 50 บาท Leverage 50:1 จะทำให้เรามีวงเงินอยู่ที่ 2,500 บาท (50 เท่าของทุน) แต่ถ้าเป็น Leverage 2,000:1 จะทำให้เรามีวงเงินสูงถึง 100,000 บาทเลยทีเดียว (2,000 เท่าของเงินทุน) การมี Leverage สูงๆจะทำให้เราทำกำไรได้มากและเร็วขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรที่จะใช้ Leverage ด้วยความระมัดระวัง เพราะการมี Leverage สูงๆก็สามารถทำลายพอร์ตการเทรดของเราได้มากเช่นกัน 5. ค่าคอมมิชชั่นและราคาส่วนต่าง (Spread) ไม่มากเกินไป เราควรที่จะตรวจสอบดูว่า โบรกเกอร์ที่เราจะใช้บริการมีคอมมิชชั่นการซื้อขายหรือไม่ และมี Spread เท่าไร บางโบรกเกอร์บอกว่าตนไม่มีคอมมิชชั่นการซื้อขาย แต่ดันมี Spread ที่กว้าง อย่างเช่น การซื้อขาย USD/JPY อยู่ที่ 121.9512-121.9516 จะเรียกว่า 4 pips (pip คือส่วนต่างในหน่วยที่เล็กที่สุดของราคา ในที่นี้คือทศนิยมตำแหน่งที่สี่ เพราะฉะนั้น 1 pip คือค่าทศนิยมตำแหน่งสุดท้ายที่ต่างกัน 1 หน่วยนั่นเอง) หมายความว่าถ้าเราซื้อที่ 121.9516 เราจะขายได้ทันทีที่ 121.9512 ซึ่งก็คือเราจะขาดทุนทันที 4 pips การเทรดที่มีส่วนต่างของ Spread มากๆจึงสามารถทำกำไรได้ยากกว่าการเทรดที่มี Spread น้อยๆ 6. ฝากถอนเงินได้สะดวก ยิ่งช่องทางการฝากและถอนเงินยิ่งง่ายเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อตัวนักลงทุนมากเท่านั้น ความสะดวกในการฝากถอนเงินจึงเป็นสิ่งที่ห้ามลืมในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ 7. ช่องทางโปรแกรมการเทรดหลากหลาย ตรงตามความต้องการของเรา ในยุคนี้ อินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ IT ต่างๆทำให้เราสามารถเทรดได้ง่าย สามารถทำได้จากแทบทุกที่ทุกเวลา ในการเลือกโบรกเกอร์ แน่นอนว่าเราคงไม่อยากเลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการการเทรดเฉพาะทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นเราคงอยากเผื่อไว้ว่าหากวันไหนเราไม่ได้อยู่บ้านหรือออฟฟิศ เราจะสามารถที่จะเทรดผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือ (https://s12.postimg.org/kyhow59vx/exnesssuperman3.png) โทรเบอร์โทรฟรีของ EXNESS 001800 1562060192 http://www.exnessbroker.com/
|