ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Saiswatka ที่ กรกฎาคม 03, 2017, 10:59:09 pm



หัวข้อ: ขายดีเยี่ยมเป็นกระแสในการช่วยเหลือผิวของคุณให้มีผิวขาวสวยปรับสภาพผิวของคุณแบบมือ
เริ่มหัวข้อโดย: Saiswatka ที่ กรกฎาคม 03, 2017, 10:59:09 pm
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการดูแลและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว แม้ผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองแม้ว่าในช่วงเวลานี้มีผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลรักษาผิวพรรณเยอะมากกมายที่มีส่วนประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอและผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดน้อยลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงส่วนประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความสำคัญเช่นกัน บางบุคคลหน้ามันแล้วกลัวว่าหากใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะก่อให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เพราะเหตุว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภทสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับสภาวะผิวได้

ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

ผิวหนังชั้นนอกสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่เรามองดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนเราส่งกระจก ผิวพวกเราจะดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรือสวย ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก ต้องการให้ผิวดูงามในสายตาคนดู ก็จำต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

ศัพท์ที่จะพบในเนื้อหานี้

Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นหนังกำพร้ามี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นผิวหนังชั้นนอก
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงตัวเป็นชั้นๆคร่าวๆ 25-30 ชั้น บางแบบเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เนื่องจากเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้าจะมี keratinเป็นส่วนประกอบข้างใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งหมด
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ข้างในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำและจากนั้นก็รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติภารกิจป้องกันไม่ให้ NMFs ด้านในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาภายนอก บางแบบเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ปฏิบัติหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงแปลว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำมากมาย

ส่วนประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงตัวของเซลล์corneocyte อย่างเรียบร้อยเป็นชั้นๆราว25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวประสานล้อม หนังสือเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงหน้าแบบงี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickมีความหมายว่าอิฐ Motarแสดงว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวประสานซึ่งมีลักษณะราวกับการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model อิฐแต่ละก้อน เปรียบเทียบได้กับเซลล์ corneocyte

ข้างในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำภายในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA และน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นผิวหนังชั้นนอกสามารถผลิตขึ้นได้เองในช่วงเวลาที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีต้นเหตุใดไปรบกวนการเจริญเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะก่อให้ NMFs ถูกทำน้อยลง และก็มีผลถึงความชุ่มชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนประสาน เปรียบเทียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนารวมทั้งเป็นระเบียบ
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารประเภทไขมันอย่างเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วก็ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
ต้องการให้ผิวมองดูงาม ควรจะหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs และintercellular lipids ให้บริบูรณ์มากที่สุด
การที่ระดับความชุ่มชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยปรับ

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังควานได้ยาก
เสริมแนวทางการทำงานขอวโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยในแนวทางการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ หากผิวขาดความชื้นที่เหมาะเหม็งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีกลุ่มนี้จะดำเนินงานไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
เกื้อหนุนจุนเจือให้องค์ประกอบมีความแข็งแรงและปฏิบัติภารกิจกรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวเจริญรวมทั้งบริบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นที่เหมาะสมเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงตัวไม่เรียบร้อยเกิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งปลอมปนจากภายนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค ฯลฯ
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยปรับNMFs ถูกผลิตเจริญรุ่งเรือง
สิวขึ้นลดน้อยลง : ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงหน้าไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกแตกต่างจากปกติรวมทั้งไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกมิได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเปียกแฉะ การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันกำเนิดลดลง สิวต่ำลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่เปียกแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มและก็ขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองดูละเอียดขึ้น ดังนั้นในคนที่ผิวแห้งล้นหลามๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองไม่สุภาพแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบเคียงผิวหนังปกติและจากนั้นก็ผิวหนังที่แห้งผิวธรรมดา :เซลล์เรียงตัวชิดกัน เป็นระเบียบ
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวข้างบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่เพียงพอ
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงตัวของเซลล์ผิวหละหลวม ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งเจือปนไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองแล้วหลังจากนั้นก็อักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชื้นเหมือนหรือแตกต่างยังไง?
ผิวแห้งแล้วก็ผิวขาดความชุ่มชื้นคล้ายกันแต่ว่าต่างกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งภาวการณ์ผิวที่ประจำตัวมา เป็นต้นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่ผลิตจากต่อมไขมันเป็นตัวจัดประเภท


ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเพราะมีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย ฉะนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix รวมทั้งมีน้ำใต้ผิวที่พอเพียง ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันเยอะแยะทั่วทั้งหน้ารวมทั้งผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวด้านนอกก็เลยดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin) คือ ผิวที่มีต่อมไขมันรอบๆt-zoneมาก, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะรอบๆt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% ปัจจัยอาจเป็นเพราะเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้สินค้าผลัดเซลล์มากเกินความจำเป็น : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าธรรมดา ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถสร้าง NMFsและก็ intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการดูแลและรักษาน้ำให้ยังอยู่ในผิวหนัง
การใช้สินค้าชำระล้างที่มีคุณลักษณะกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินความจำเป็นครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV เยอะๆต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมสำหรับกันแดด รังสี UV จะรบกวนการผลิต NMFs
ความชื้นกลางอากาศ : ความชื้นกลางอากาศต่ำกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ภายนอก ด้วยเหตุผลดังกล่าวในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุทีมากยิ่งขึ้น การผลิต NMFs และก็ sebum น้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีปริมาณ NMFs ต่ำยิ่งกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคพวกนี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าธรรมดาหลายเท่า และก็ขับเคลื่อนมาที่เปลือกอย่างรวดเร็วยกตัวอย่างเช่น 4 วัน (ธรรมดาใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามธรรมดา เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย เสมือนเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความรุนแรง

รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แม้กระนั้นถ้ามีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันล้นหลาม ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเช่นกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันและก็เกิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจำเป็นที่จะต้องทำทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการดื่มน้ำให้พอเพียง รวมทั้งเลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์ประเภท humectant
กีดกั้นความชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวกocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และ Intercellular lipids
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองลดลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมจำนวนน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อมแซม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำและรักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2ประเภทเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)เป็นต้นว่า colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA รวมทั้งhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารจำพวกglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้เจอแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่ว่าเมื่อวัยสูงมากขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะต่ำลงทั้งสมรรถนะและปริมาณ ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเนื่องจากว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มเปียกแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง และจากนั้นก็ผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)ผลิตภัณฑ์ผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกรุ๊ป เป็น





เครดิต : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีมวีทู
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ