ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Saichonka ที่ กรกฎาคม 06, 2017, 01:42:40 am



หัวข้อ: ท้องผูก (Constipation) ขี้ไม่ได้ ถ่ายไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: Saichonka ที่ กรกฎาคม 06, 2017, 01:42:40 am
     

  ท้องผูก (
Constipation) เป็นอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายอุจจาระไม่ออกเป็นเวลานานซึ่งพฤติกรรมและความถี่ในการถ่ายอุจจาระปกติของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกัน
แต่ในทางการแพทย์มักหมายถึงการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์


(https://s13.postimg.org/ad1jv7lkn/image.jpg)อาการของท้องผูก-ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น-อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็งเป็นเม็ดเล็ก ๆ-รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออกหรือถ่ายได้ไม่สุด-ถ่ายอุจจาระออกได้ยากต้องใช้แรงเบ่งมากหรือใช้มือช่วยล้วง อาจมีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระร่วมด้วย-ท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งบริเวณหน้าท้อง           ผู้ที่มีอาการในข้างต้น 2-3 ข้อ เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือนอาการท้องผูกธรรมดาหรือที่เรียกว่าท้องผูกฉับพลันอาจพัฒนากลายเป็นท้องผูกเรื้อรังที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากพบความผิดปกติในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยหาสาเหตุไม่ได้
แม้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตแล้ว
แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
น้ำหนักลดลง ถ่ายมีเลือดปน ควรไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่อาจซ่อนความผิดปกติไว้   สาเหตุของอาการท้องผูก       ท้องผูกเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่อลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าในระหว่างการย่อยอาหารทำให้ไม่สามารถกำจัดอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหารได้อย่างปกติ
จึงเกิดการตกค้างในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานานจนมีการดูดน้ำในอุจจาระกลับ
อุจจาระจึงมีลักษณะแห้ง แข็ง และมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ถ่ายออกได้ลำบากซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกอาจมาได้จากหลายสาเหตุ เช่นการใช้ยา การรับประทานยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการท้องผูกขึ้นได้เช่น ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของสารประกอบอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ ยารักษาอาการซึมเศร้า
ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาอาการชัก อาหารเสริมกลุ่มแคลเซียมและธาตุเหล็ก
ยาระงับปวดชนิดโอปิออยด์ ยาขับปัสสาวะสภาวะทางร่างกายที่ส่งผลต่อฮอร์โมน ฮอร์โมนช่วยให้ของเหลวและการทำงานภายในร่างกายเกิดความสมดุลดังนั้นการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสภาวะบางอย่างที่ทำให้ฮอร์โมนเกิดความผิดปกติขึ้น
ซึ่งอาจทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุลในการทำงาน สามารถนำไปสู่อาการท้องผูกได้ เช่น
โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ โรคลำไส้แปรปรวนโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ความผิดปกติจากโรคทางด้านระบบประสาทสามารถส่งผลต่อการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่และทวารหนักจึงอาจส่งผลให้เกิดการตกค้างของอุจจาระภายในระบบทางเดินอาหารและอาจนำไปสู่อาการท้องผูกได้
เช่น เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวานโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอมเอส โรคพาร์กินสัน เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ
โรคหลอดเลือดในสมองการอุดตันภายในลำไส้ สภาวะบางอย่างที่ก่อให้เกิดการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือบริเวณทวารหนักอาจทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวออกจากระบบทางเดินอาหารได้ลำบากหรือติดค้างอยู่ภายในลำไส้เช่น  แผลปริขอบทวารหนัก ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน        นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างหรือปัจจัยบางประการอาจเอื้อต่อการเกิดอาการท้องผูกได้ง่ายมากขึ้น
เช่น
-การอั้นอุจจาระ-รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย-มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย-น้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป-ดื่มน้ำน้อย-ความเครียดหรือความกดดัน-ปัญหาทางด้านจิตใจ-มีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่-อยู่ในวัยผู้สูงอายุ-การวินิจฉัยอาการท้องผูก


(https://s13.postimg.org/fwoq91suf/image.jpg)ภาวะแทรกซ้อนของอาการท้องผูกอาการท้องผูกโดยทั่วไปไม่ค่อยก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงผู้ป่วยอาจมีอาการปวดในขณะขับถ่าย
แต่หากเกิดอาการท้องผูกบ่อยมากขึ้นอาจส่งผลให้อุจจาระตกค้างอยู่ภายในลำไส้จนแห้งและแข็ง
ทำให้ถ่ายออกได้ลำบากหรือไปเสียดกับผนังลำไส้และทวารหนักขณะถ่าย
จึงอาจทำให้ถ่ายเป็นเลือด ในบางรายอาจพัฒนาเป็นแผลแตกรอบ ๆ ทวารหนักหรือโรคริดสีดวงทวารขึ้นได้เนื่องจากต้องใช้แรงเบ่งในการขับอุจจาระการป้องกันอาการท้องผูกอาการท้องผูกป้องกันได้โดยดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอและป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ
ยกเว้นในบางกรณีที่การดื่มน้ำมีผลต่อสภาวะของร่างกายหรือโรคที่เป็นในขณะนั้น
รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมมากเกินไป
เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้นการรับประทานอาหารควรเลือกอาหารประเภทที่มีกากใยมากขึ้น (ประมาณ 30 กรัมต่อวัน) โดยเฉพาะผักและผลไม้ โดยค่อย ๆเพิ่มปริมาณการรับประทานขึ้นทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ท้องอืด
และในบางรายอาจเกิดปัญหาท้องผูกจากการรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม
จึงควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณน้อยนอกจากนี้ควรมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอประมาณ 30 นาทีต่อวัน หรือพยายามเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันบ่อย ๆจะเป็นการช่วยบริหารกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงปรับพฤติกรรมการขับถ่ายให้ตรงเวลา
ไม่อั้นอุจจาระเมื่อเกิดอาการปวดโดยไม่จำเป็น และหากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์
ซึ่งจะป้องกันไม่ให้อาการท้องผูกกลายเป็นอาการเรื้อรังหรือรุนแรงมากขึ้นหรือการเลือกผลิตภัณฑ์ดีท๊อกซ์ดื่มอย่างน้อยอาทิตย์ล่ะ2ครั้งประโยชน์และผลดีของการทำดีท็อกซ์
1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ อุจจาระ แบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่างๆจะถูกชะล้างออกไปลดการสะสมสารพิษเหล่านี้เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปลำไส้จะ สามารถทำงานได้ตามปกติ
2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อน แอลงและทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่การ
ล้างลำไส้จึงเป็นการช่วยส่งเสริม กล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น
โดยปกติลำไส้มีหน้าที่กำจัดของเสียก็อาจเป็นไปโดยไม่สมบูรณ์
กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรงและทำงานได้
อย่างเป็นจังหวะจะช่วยทำให้การผลักดันของเสียเช่น กากอาหารและ
อุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น และไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติจะส่งผลให้โครงสร้างและขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา
การสวนล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลด
อาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้ อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตัน บริเวณนั้น
ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ ซึ่งการรักษาทางยา ทานอาหารบางอย่างเฉพาะ
บางรายท้องเดินระยะหนึ่งแล้วจะมีอาการท้องผูก
อุจจาระแข็งหรือการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียง
ระยะสั้นเท่านั้น
4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่ง อวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง
การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกาย โดยรวม เช่น
ตับ ถุงน้ำดีตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลืองและการหมุนเวียน ของเลือด เป็นต้น
5. ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 60-70%การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำ เกลือแร่ ร่างกายโดยรวมจะสามารถดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ เพื่อให้เซลล์เหล่านั้น
ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับละลายและเจือจาง
เมือกที่สะสมอยู่ในผนังลำไส้ให้ขับออกได้สะดวกขึ้นดีท็อกซ์เซเว่นดีรักสุขภาพรักตัวเองดื่มดีท็อกซ์เซเว่นดี



[video]hjwG7GLOng4[/video]

https://www.youtube.com/watch?v=hjwG7GLOng4
ป้องกันซะตั้งแต่วันนี้ ....


ดีท็อกซ์เซเว่นดี สุขภาพดีที่คุณอยากได้

https://www.facebook.com/SevendThailand/



ท้องผูกเรื้อรังท้องผูก pantipแก้ท้องผูกเร่งด่วนท้องผูกเรื้อรังมะเร็งอาการท้องผูกในคนท้องอาการท้องผูกเป็นอย่างไรยาแก้ท้องผูกเซเว่นท้องผูกภาษาอังกฤษอุจจาระแข็ง เบ่งไม่ออกอุจจาระไม่ออก 1 อาทิตย์ไม่อุจจาระหลายวันเบ่งอุจจาระไม่ออกไม่ อุจจาระ หลาย วัน น้ำหนัก ขึ้นปวดท้องเหมือนท้องเสีย แต่ไม่ออกอุจจาระไม่สุดไม่ปวดอุจจาระ
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ