หัวข้อ: ขายดีเลิศเป็นกระแสในการช่วยเหลือเกื้อกูลผิวของคุณให้มีผิวขาวสวยปรับสภาพผิวของคุณ เริ่มหัวข้อโดย: Petchchacha ที่ กรกฎาคม 07, 2017, 05:57:51 pm ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการดูแลรักษาความชื้นให้ผิว แม้ว่าผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองถึงแม้ในเวลานี้มีสินค้าเพื่อการบำรุงผิวพรรณเยอะแยะกมายที่มีส่วนประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอและผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงองค์ประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความสำคัญแบบเดียวกัน บางบุคคลหน้ามันแล้วกลัวว่าถ้าเกิดใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะมีผลให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เพราะมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภทสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับสภาวะผิวได้
ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน หนังกำพร้าสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่พวกเราดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนรอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวเราจะดูแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม สังกัดความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากให้ผิวมองงามในสายตาคนดู ก็จำต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ คำศัพท์ที่จะพบในเนื้อหานี้ Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นหนังกำพร้ามี 5 ชั้นย่อย stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นผิวหนังชั้นนอก Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆคร่าวๆ 25-30 ชั้น บางหนังสือเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เพราะว่าเซลล์ผิวในชั้นผิวหนังชั้นนอกจะมี keratinเป็นส่วนประกอบข้างใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งมวล NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ภายในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำรวมทั้งรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ" Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติภารกิจคุ้มครองไม่ให้ NMFs ข้างในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาข้างนอก บางหนังสือเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ปฏิบัติหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงแสดงว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำมากไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum) ชั้น stratum corneum มีการเรียงหน้าของเซลล์corneocyte อย่างเรียบร้อยเป็นชั้นๆราวๆ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวประสานล้อม แบบเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model Brickหมายความว่าก้อนอิฐ Motarหมายความว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวผสานซึ่งมีลักษณะเหมือนการเรียงหน้าของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model ก้อนอิฐแต่ละก้อน เทียบได้กับเซลล์ corneocyte ข้างในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำด้านในเซลล์ NMFs ที่สำคัญๆเป็นAmino acids, PCA และก็น้ำตาลGlucose NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นหนังกำพร้าสามารถทำขึ้นได้เองในช่วงเวลาที่มีการเจริญเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation) แม้มีสาเหตุใดไปรบกวนการเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะมีผลให้ NMFs ถูกทำต่ำลง รวมทั้งส่งผลถึงความชื้นของชั้น stratumcorneum ปูนประสาน เปรียบได้กับIntercellular lipids เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนารวมทั้งเป็นระเบียบ Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารจำพวกไขมันได้แก่ ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วหลังจากนั้นก็ cholesterol esters 18 % ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum ต้องการให้ผิวมองสวย ควรหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs และก็intercellular lipids ให้บริบูรณ์สูงที่สุด การที่ระดับความชุ่มชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยปรับ เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกทำร้ายได้ยาก เสริมการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชื้นที่พอเหมาะพอเจาะเอนไซม์กลุ่มนี้จะดำเนินงานไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว เกื้อหนุนให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรงรวมทั้งปฏิบัติภารกิจกรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวรุ่งเรืองรวมทั้งบริบูรณ์ ถ้าเกิดผิวขาดความชุ่มชื้นที่เหมาะสมเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงตัวไม่เรียบร้อยเกิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งปลอมปนจากด้านนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค ฯลฯ รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยปรับให้NMFs ถูกสร้างก้าวหน้า สิวขึ้นน้อยลง : ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงตัวไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกผิดปกติและก็ไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกมิได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเปียกชื้น การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันเกิดลดน้อยลง สิวลดลง รูขุมขนกระชับ : ผิวที่เฉอะแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มรวมทั้งขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยดูละเอียดขึ้น ฉะนั้นในคนที่ผิวแห้งจำนวนมากๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองดูหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบเคียงผิวหนังปกติและก็ผิวหนังที่แห้งผิวธรรมดา :เซลล์เรียงตัวชิดกัน เป็นระเบียบ inter cellular matrix บริบูรณ์ เหนือผิวด้านบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่เพียงพอ น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงหน้าของเซลล์ผิวหละหลวม ไม่มีระเบียบ intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งเจือปนไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองแล้วหลังจากนั้นก็อักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชื้นเสมอเหมือนหรือแตกต่างยังไง? ผิวแห้งแล้วก็ผิวขาดความชื้นคล้ายคลึงกันแต่ต่างกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งแยกภาวการณ์ผิวที่ประจำตัวมา อาทิเช่น คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้ปริมาณน้ำมันที่สร้างจากต่อมไขมันเป็นตัวจัดประเภท ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวข้างบนเพราะว่ามีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย ฉะนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix รวมทั้งมีน้ำใต้ผิวที่เพียงพอ ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว ผิวมัน (oily skin) คือ ผิวที่มีต่อมไขมันมากมายทั่วทั้งหน้าและผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย ผิวผสม (mix skin)เป็นผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณt-zoneเยอะมาก, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะบริเวณt-zoneส่วน u-zone ปกติหรือแห้ง ส่วน ผิวขาดความชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% เหตุอาจเป็นเพราะเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน 1.ปัจจัยภายนอก การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์มากเกินไป : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าธรรมดา ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการรักษาน้ำให้ยังอยู่ในผิวหนัง การใช้สินค้าชำระล้างที่มีคุณสมบัติกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินไปครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย รังสี UV : ได้รับรังสี UV จำนวนมากต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมที่เอาไว้ป้องกันแสงแดด รังสี UV จะรบกวนการผลิต NMFs ความชื้นกลางอากาศ : ความชื้นในอากาศต่ำลงมากยิ่งกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ด้านนอก ฉะนั้นในห้องปรับอากาศในหน้าหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดเวลา 2. ปัจจัยภายใน อายุ : อายุหนมากยิ่งขึ้น การผลิต NMFs แล้วก็ sebum น้อยลง เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำกว่าเชื้อชาติอื่น โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคพวกนี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าธรรมดาหลายเท่า และขับเคลื่อนมาที่เปลือกนอกอย่างรวดเร็วยกตัวอย่างเช่น 4 วัน (ธรรมดาใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามปกติ เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย ราวกับเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นอยู่กับความร้ายแรง รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชื้น(dehydrated skin) - ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แม้กระนั้นถ้าเกิดมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันมากมาย ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดด้วยเหมือนกัน)ครีม v2 - แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะใต้ตา มุมปาก - ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก - คันและก็เกิดผิวหนังอักสบ - ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2 การดูแลรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยควรต้องทำทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการกินน้ำให้เพียงพอ รวมทั้งเลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์ชนิด humectant กีดกันความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์ชนิดocclusive เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และก็ Intercellular lipids เลือกมอยพบร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองต่ำลง ไม่แพ้ง่าย Increasing water content : เพิมปริมาณน้ำใต้ผิว Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อมแซม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำแล้วก็รักษาสมดุลน้ำใต้ผิว สารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2จำพวกเป็น 1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)ยกตัวอย่างเช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea ทั้ง Sodium-PCA และก็hyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารประเภทglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้เจอแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แม้กระนั้นเมื่อวัยสูงขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะลดน้อยลงทั้งความสามารถและก็ปริมาณ ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเพราะเหตุว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มชื้นแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง แล้วก็ผิวแพ้ง่าย 2. สารเพื่อคุ้มครองการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)สินค้าผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะลดลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกรุ๊ป เป็น เครดิตบทความจาก : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/ Tags : ครีมวีทู
|