ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Posthizzt555 ที่ กรกฎาคม 19, 2017, 04:58:59 pm



หัวข้อ: ขายดีเลิศเป็นกระแสในการช่วยเหลือผิวของคุณให้มีผิวขาวสวยปรับสภาพผิวของคุณแบบมืออา
เริ่มหัวข้อโดย: Posthizzt555 ที่ กรกฎาคม 19, 2017, 04:58:59 pm
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการรักษาความชื้นให้ผิว ถึงแม้ว่าผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองถึงแม้เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงรักษาผิวพรรณมากมายก่ายกองกมายที่มีองค์ประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอแล้วก็ผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ต่ำลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงส่วนประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความสำคัญแบบเดียวกัน บางบุคคลหน้ามันแล้วกลัวว่าหากว่าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะทำให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ผิดนัก เพราะว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลากหลายชนิดสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับสภาวะผิวได้

อยากมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน

หนังกำพร้าสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่เราดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนรอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวเราจะมองแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม สังกัดความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากได้ให้ผิวดูงามในสายตาผู้ชม ก็ต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ

คำศัพท์ที่จะพบในบทความนี้

Epidermis : หนังกำพร้าสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นหนังกำพร้ามี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นหนังกำพร้า
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆโดยประมาณ 25-30 ชั้น บางแบบเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เพราะเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้าจะมี keratinเป็นองค์ประกอบด้านใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งนั้น
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ภายในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำแล้วหลังจากนั้นก็รักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองไม่ให้ NMFs ภายในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาข้างนอก บางหนังสือเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ปฏิบัติภารกิจผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss คือการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงแปลว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำจำนวนมาก

องค์ประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงหน้าของเซลล์corneocyte อย่างเป็นระเบียบเป็นชั้นๆประมาณ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวผสานล้อม ตำราเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงหน้าแบบงี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงหน้าของอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickหมายความว่าอิฐ Motarมีความหมายว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวประสานซึ่งมีลักษณะราวกับการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model อิฐแต่ละก้อน เปรียบเทียบได้กับเซลล์ corneocyte

ภายในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ปฏิบัติภารกิจรักษาระดับน้ำด้านในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA รวมทั้งน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นผิวหนังชั้นนอกสามารถทำขึ้นได้เองในช่วงเวลาที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีสาเหตุใดไปรบกวนการเจริญเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะทำให้ NMFs ถูกทำต่ำลง และจากนั้นก็ส่งผลถึงความชุ่มชื้นของชั้น stratumcorneum

ปูนผสาน เปรียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนาและเรียบร้อย
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารชนิดไขมันเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วหลังจากนั้นก็ cholesterol esters 18 %

ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
อยากได้ให้ผิวดูสวย น่าจะหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs แล้วก็intercellular lipids ให้บริบูรณ์มากที่สุด
การที่ระดับความชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยทำให้ปรับ

เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกรังแกได้ยาก
เสริมแนวทางการทำงานขอวเอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ถ้าเกิดผิวขาดความชื้นที่เหมาะเจาะเอนไซม์กลุ่มนี้จะดำเนินงานไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
สนับสนุนให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรงและปฏิบัติหน้าที่กรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวเจริญรุ่งเรืองและบริบูรณ์ ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นที่สมควรเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงหน้าไม่เรียบร้อยเกิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค อื่นๆอีกมากมาย
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยทำให้NMFs ถูกผลิตรุ่งเรือง
สิวขึ้นลดลง : ผิวที่ขาดความชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงตัวไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกไม่ดีเหมือนปกติและก็ไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกไม่ได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเฉอะแฉะ การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันกำเนิดลดลง สิวลดน้อยลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่ชื้นแฉะเหมาะสม เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มแล้วก็ขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยมองดูละเอียดขึ้น โดยเหตุนี้ในคนที่ผิวแห้งล้นหลามๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเปรียบเทียบผิวหนังธรรมดารวมทั้งผิวหนังที่แห้งผิวธรรมดา :เซลล์เรียงตัวชิดกัน เป็นระเบียบเรียบร้อย
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวข้างบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่พอเพียง
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงหน้าของเซลล์ผิวไม่รอบคอบ ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งแปลกปลอมไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองและก็อักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้นเหมือนหรือไม่เหมือนกันอย่างไร?
ผิวแห้งและผิวขาดความชุ่มชื้นคล้ายกันแม้กระนั้นไม่เหมือนกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งภาวะผิวที่ประจำตัวมา ดังเช่นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่สร้างจากต่อมไขมันเป็นตัวแบ่งประเภท


ผิวแห้ง(dry skin)หมายถึงผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเนื่องจากมีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย ด้วยเหตุนี้คนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix และก็มีน้ำใต้ผิวที่พอเพียง ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันมากมายก่ายกองทั่วทั้งหน้าแล้วก็ผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวด้านนอกก็เลยดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin)หมายถึงผิวที่มีต่อมไขมันรอบๆt-zoneมากไม่น้อยเลยทีเดียว, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะบริเวณt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง

ส่วน ผิวขาดความชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% ปัจจัยอาจเป็นเพราะเนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน

1.ปัจจัยภายนอก

การใช้สินค้าผลัดเซลล์มากเกินไป : ทำให้ผิวหนังชั้นนอกมีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถที่จะสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการรักษาน้ำให้ยังอยู่ในผิวหนัง
การใช้สินค้าชำระล้างที่มีคุณลักษณะกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินความจำเป็นครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV เยอะๆต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมที่มีไว้กันแสงแดด รังสี UV จะก่อกวนการผลิต NMFs
ความชื้นกลางอากาศ : ความชุ่มชื้นในอากาศต่ำลงยิ่งกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ข้างนอก ด้วยเหตุผลดังกล่าวในห้องปรับอากาศในฤดูหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดระยะเวลา

2. ปัจจัยภายใน

อายุ : อายุครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ การสร้าง NMFs และ sebum น้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคเหล่านี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าธรรมดาหลายเท่า แล้วก็ขับเคลื่อนมาที่เปลือกอย่างเร็วดังเช่นว่า 4 วัน (ปกติใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามธรรมดา เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย เสมือนเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความรุนแรง

ลักษณะของผิวหนังที่ขาดความชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่ถ้าหากมีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันมากไม่น้อยเลยทีเดียว ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเช่นเดียวกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันแล้วหลังจากนั้นก็กำเนิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การดูแลและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจำเป็นจะต้องทำทั้งเพิ่มความชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการกินน้ำให้พอเพียง และก็เลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวก humectant
กัดกันความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวกocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับ NMFs และ Intercellular lipids
เลือกมอยพบร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : สร้างเสริมเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองลดน้อยลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมจำนวนน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อมแซม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำและก็รักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2จำพวกเป็น

1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณลักษณะในการจับกับน้ำ (water binding)ตัวอย่างเช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea

ทั้ง Sodium-PCA และก็hyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารชนิดglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้เจอแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่เมื่อวัยสูงมากขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะต่ำลงทั้งคุณภาพรวมทั้งปริมาณ ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเนื่องจากว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มเฉอะแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง รวมทั้งผิวแพ้ง่าย

2. สารเพื่อคุ้มครองปกป้องการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)สินค้าผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกลุ่ม เป็น




คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ครีม V2 ดีไหม

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://sites.google.com/site/v2centerthailand/

Tags : ครีม v2,ครีมวีทู
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ