ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Narongrit999 ที่ สิงหาคม 06, 2017, 03:46:55 pm



หัวข้อ: สายกีต้าร์ นำเข้า เราขายของแท้เท่านั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Narongrit999 ที่ สิงหาคม 06, 2017, 03:46:55 pm
สายกีต้าร์.com ขาย สายกีต้าร์ ยี่ห้อไหนดี ขายของแท้เท่านั้น
โปรโมชั่นพิเศษ ช่วงเปิดร้านใหม่

แถมฟรี Tuner แบบ Clip On มูลค่า 380 บาท
เพียงสั่งสาย Cleartone + สายยี่ห้อใดก็ได้อีก 1 ชุด
(ของแถมมีจำนวนจำกัด)
(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/8r/7y/hc.jpg)
 
ชนิดของกีตาร์
จากที่พวกเราๆท่านๆนั้น จะรู้กันอยู่แล้วว่ากีตาร์โน่นก็มีอยู่สองแบบคือ กีตาร์โปร่ง กับกีตาร์กระแสไฟฟ้า แต่เราลองรู้จักกีตาร์ในแต่ละจำพวกกันให้มากกว่านี้ดีมากยิ่งกว่า
1. กีตาร์โปร่ง หรือ อาคูสติเตียนกกีตาร์ นั่นเอง ก็คือกีตาร์ที่มีลำตัวโปร่งไม่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าสำหรับในการเล่น ที่สามารถที่จะนำพาไปเล่นได้ในทุกๆที่ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ไม้สอยอะไรให้วุ่นวาย สามารถแบ่งได้ดังต่อไปนี้
กีตาร์คลาสสิก (Classic Guitar) ซึ่งนับได้ว่าเป็นต้นแบบของกีตาร์ในยุคปัจจุบันนั่นเองซึ่งมีลักษณะเด่นก็คือมีลูกบิดและก็แกนพันสายเป็นพลาสติก มีคอหรือฟิงเกอร์กระดานที่ใหญ่เป็นโดยประมาณ 2 นิ้วลักษณะแบนราบ และก็ใช้สายเอ็นหรือไนล่อน ส่วน 3 สายบน(สายเบส) จะทำด้วยไนล่อนหรือใยไหมแล้วพันด้วยเส้นโลหะเป็นต้นว่าเส้นทองแดงหรือบรอนซ์ ซึ่งทำให้มีความนิ่มมือเวลาเล่นไม่เจ็บราวกับ สายโลหะ ก็เลยเหมาะสมกับผู้ที่อยากฝึกกีตาร์แม้กระนั้นกลัวเจ็บนิ้ว
กีตาร์อีกอย่างที่ต้องการกล่าวถึงในหัวข้อกีตาร์คลาสสิกคือ กีตาร์ ฟลาเมนโก (flamenco) ซึ่งมีโครงสร้างเกือบจะเหมือนกับกีตาร์คลาสสิกทุกสิ่งทุกอย่างเหตุเพราะได้มีการพัฒนามาจากกีตาร์คลาสสิกนั่นเอง จะไม่เหมือนกันก็ที่ลำตัวจะบางมากยิ่งกว่า แล้วก็มีปิคการ์ดด้านบนล่างของโพรงเสียง รวมทั้งสไตล์การเล่นนั่นเองที่จะเป็นแบบสแปนนิสหรือแบบลาตินซึ่งจะมีจังหวะที่ค่อนข้างจะกระชับรวมทั้งสนุก
เนื่องจากใช้สายไนล่อนนั่นเองทำให้กีตาร์คลาสิกมีเสียงที่เพราะนุ่มนวลรวมทั้งคอที่กว้างทำให้ระยะระหว่างสายก็มากขึ้นไปด้วย ซึ่งทำให้การเล่นกีตาร์คลาสสิคนั้นจะสามารถเล่นได้ทั้งการ solo เล่น chord แล่ bass ได้ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการใช้วิธีลูกเล่นต่างๆอีกเพียบเลย ทำให้การเล่นกีตาร์คลาสสิกนั้นมีความเพราะเยอะขึ้น แต่ว่าก็ไม่ง่ายนักนะครับกว่าจะเล่นได้อย่างที่ว่า นอกเหนือจากที่จะได้ไปเรียนเป็นล่ำเป็นสันกับสถานที่เรียนดนตรี
กีตาร์โฟล์ค ถือได้ว่าที่นิยมแล้วก็รู้จักกันเยอะที่สุดเพราะว่าหาซื้อง่ายราคาไม่แพงจนกระทั่งเหลือเกิน(ที่แพงๆก็มีนะครับ) สามารถฝึกฝนได้ง่ายไม่ต้องทราบถึงทฤษฎีดนตรีเท่าไรนัก ใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถเล่นเพลงง่ายๆฟังกันในหมู่เพื่อนฝูงได้สุดแต่จริงๆกีตาร์โฟล์คมันมีอะไรมากยิ่งกว่านั้น ลักษณะทั่วๆไปคือแกนหมุนแล้วก็ลูกบิดมักเป็นโลหะ คอหรือฟิงเกอร์บอร์ดเล็กมากยิ่งกว่ากีตาร์คลาสสิกมีลักษณะโค้งบางส่วนรับกับนิ้วมือ แต่มีลำตัว (body) ที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากว่ากีตาร์คลาสสิก ใช้สายที่ทำจากโลหะ เพราะว่าคอกีตาร์ที่เล็กและก็สายที่เป็นโลหะกีตาร์ประเภทนี้จึงเหมาะกับการเล่นด้วยปิค (flat pick) หรือการเกา (finger picking) ซึ่งเสียงที่ได้จะดังกระจ่างแจ้ง ผ่องใสกว่ากีตาร์คลาสสิก จึงเหมาะสมกับการเล่นกับดนตรีปกติ ซึ่งอาจเล่นเดี่ยวหรือเล่นเป็นวงก็ได้
กีตาร์โฟล์คนั้นมีขนาดแล้วก็รูปร่างต่างๆกันไปบ้างตามแต่ละความอยากใช้ประโยชน์ หรือตามแต่ละผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็จะแบ่งได้ standard folk กีตาร์, jumbo folk กีตาร์ flat top folk กีตาร์ นอกจากนี้ยังมีแบบพิเศษอีกจำพวกเป็น กีตาร์ 12 สาย(แถวบนขวาสุด) ซึ่งจะมีสายแบ่งเป็น 6 คู่ซึ่งเวลาเล่นก็เล่นเสมือนกีตาร์ธรรมดา เพียงแค่จะได้เสียงที่กังวานและก็แน่นขึ้น (และก็ยังมีกีตาร์เบสโปร่งซึ่งมี 4 สายที่อยู่รูปล่างซ้ายสุด 2 ตัว ใช้เล่นเบสแม้กระนั้นผมไม่ค่อยเห็นคนเล่นเยอะแค่ไหนนะครับสำหรับเบสโปร่งชนิดนี้) อ้อมีอีกแบบหนึ่งมีรูปร่างคล้ายกีตาร์คลาสสิก แต่ใช้สายโลหะซึ่งเป็นกีตาร์ฝึกราคาค่อนข้างจะถูกเหมาะกับคนที่อยากเล่นกีตาร์แต่ว่าไม่แน่ใจว่าจะเอาจริงเอาจังหรือเปล่าก็ลองซื้อมาฝึกหัดเล่นดูว่าไหวมั้ย
2. Arch top กีตาร์ เป็นกีตาร์อีชนิดหนึ่งบ้านเราอาจจะไม่ค่อยเห็นคนเล่นมากนักลักษณะธรรมดา จะคล้ายกับกีตาร์โฟล์ค แม้กระนั้นข้างหน้าจะโค้ง(arch แสดงว่าโค้ง) ซึ่งกีตาร์โฟล์คจะแบนราบ และก็โพรงเสียงจะไม่เป็นแบบช่องกลม แม้กระนั้นจะเป็นรูปตัว f (เพียงแค่เหมือนตัว f ที่เป็นตัวเขียนไม่ใช่ตัวพิมนะนะครับ) อยู่ 2 ช่องบนข้างหน้าของลำตัว ส่วนสะพานยึดสายข้างล่างมักเป็นแบบหางปลา (tail piece) โดยมากจะใช้เล่นในดนตรีแจ๊ส

Semi Acoustic กีตาร์ เป็นกีตาร์ที่มีลักษณะครึ่งๆหรือลูกผสมระหว่างกีตาร์โปร่งกับกีตาร์ไฟฟ้า แต่ว่าไม่ใช่กีตาร์ดปร่งไฟฟ้านะครับ กีตาร์โปร่งไฟฟ้าก็คือกีตาร์โปร่งที่ได้มีการประกอบเอา pick up (ที่เราเรียกกันว่าคอนแทคนั่นแหละนะครับ) ประกอบเข้าไปกับตัวกีตาร์โปร่งทำให้สามารถต่อสายจากกีตาร์เข้าเครื่องขยายได้โดยตรง ไม่ต้องเอาไมค์มาจ่อที่กีตาร์หรือไม่ต้องไปซื้อ pick up มาต่อต่างหาก แต่ Semi Acoustic กีตาร์จะมีลำตัวโปร่ง และก็แบนราบ แต่จะมี pick up ติดอยู่บนลำตัว แล้วก็ชอบมีช่องเสียงเป็นรูปตัว f เหมือนกับแบบ arch top ซึ่งทำให้กีตาร์ประเภทนี้มีคุณสมบัติของกีตาร์โปร่งเป็นเล่นแบบไม่ต่อเครื่องขยายก็ได้หรือจะต่อเครื่องขยายก็สามารถเล่นได้เหมือนกันกับกีตาร์กระแสไฟฟ้า โดยมากกีตาร์ประเภทนี้ชอบพบว่าใช้ในดนตรีบลูส์ หรือดนตรีแจ๊สเป็นส่วนมาก
Solid Body Electric กีตาร์ ซึ่งหมายถึงกีตาร์กระแสไฟฟ้าที่เราๆท่านๆรู้จักกันดีอยู่แล้วซึ่งมีอยู่เยอะแยะหลายแบบแต่ว่าจุดแข็งก็คือลำตัวจะเป็นแบบตัน และประกอบด้วย pick up ซึ่งเป็นหัวใจของกีตาร์ไฟฟ้าอีก 2 หรือ 3 ชุด ไว้บนลำตัวกีตาร์สำหรับแปลงสัณญาณเสียงเป็นไฟฟ้าเข้าไปยังเครื่องขยายอีกที กีตาร์ชนิดนี้ควรจะมีเครื่องขยาย(แอมป์นั่นแหละนะครับ)มิฉะนั้นเวลาเล่นต้องเอาหูไปแนบใกล้ๆตัวกีตาร์ถึงจะได้ยินเสียง แม้กระนั้นจุดเด่นคือพวกเราสามารถที่จะปรับแก้เสียงของมันได้อย่างอิสระด้วยการ control ปุ่ม volume หรือ tone และก็ยังคงใช้ร่วมกับ effect ต่างๆซึ่งตอนนี้มีการผลิตมาเยอะมากหลายแบบอย่างมาก ดังเช่น distortion ,overdrive, flanger ฯลฯ ทำให้สามารถปรับแต่งสำเนียงกีตาร์จากที่พวกเราอยากได้ได้
นอกจากนั้น pick up ที่ใช้ยังมีแบบ single coil และก็แบบ double coil (humbacking) ซึ่งต่างรูปแบบของการพันขดลวดรอบแกนแม่เหล็กรวมทั้งทำให้เสียงที่ได้ออกมานั้นแตกต่างอีกด้วย การต่อว่าดตั้ง pick up ไว้ในตำแหน่งที่แตกต่างกันก็จะให้เสียงที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ได้แก่ การตำหนิด pick up ใกล้กับปลายสุดของฟิงเกอร์บอร์ดจะให้เสียงที่ทุ้ม หรือ pick up ที่ติดกับสะพานสาย (bridge) จะให้เสียงที่แหลมกว่าใช้สำหรับในการ solo เป็นต้น รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือพิเศษอีกอย่างที่สามารถทำให้เสียงกีตาร์แปลกออกไปก็คือคันบังคับ (tremolo bar) อย่างเช่นชุดก้านยาวๆที่ติดอยู่ที่สะพานสายนั่นเองใช้กดขึ้นลงเพื่อเปลี่ยนแปลงความตึงของสายกีตาร์ทำให้ระดับเสียงที่ออกมานั้นไม่เหมือนกันกับปกติ สำหรับกีตาร์กระแสไฟฟ้าเดี๋ยวนี้เป็นที่ชื่นชอบกันมากในวงการดนตรี pop rock เนื่องจากว่ามีเสียงหนักแน่นเล่นได้ทั้งแบบ rhythm หรือการ solo (หรือเล่น lead กีตาร์) โชว์สำเนียงของกีตาร์รวมทั้งสไตล์ของแต่ละคนซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นมาก
Resonator กีตาร์ หรือ Resophonic กีตาร์ เป็นกีตาร์อีกประเภทที่เราไม่ค่อยมองเห็นหลายครั้งนัก บางครั้งก็เรียกว่า dobro มีลักษณะเด่นเป็นอาศัย resonatorซึ่งจะมีผลให้กำเนิดเสียง resonance หรือขยายเสียงให้ดังโดยทำให้กำเนิด resonance มีแบบ tri-plate resonator เป็นมีเจ้า resonator 3 แผ่น และก็แบบ single-resonator เป็นมี resonator แผ่นเดียวนั่นเอง ส่วนประกอบโดยส่วนใหญ่จะทำด้วยโลหะ หากสนใจเนื้อหามากมายว่านี้ไปดูที่ประวัติความเป็นมาของมันก็คลิ๊กเลยขอรับ สำหรับกีตาร์ชนิดนี้ชอบเล่นกับเพลงบลูส์ที่ใช้สไลด์ยกตัวอย่างเช่นพวกเดลต้าบลูส์ หรือชนิดบลูกลาส ( bluegrass ) โดยใช้ไสลด์กีตาร์ หรือเล่นกับเพลงแบบฮาวาย
กีตาร์ steel หรือ pedal steel guitar หลายท่านบางทีอาจไม่คุ้นเคยกับเจ้ากีตาร์อย่างนี้เท่าไรนัก ผมเพิ่งจะได้จริงๆก็ตอนดู v.d.o. คอนเสิร์ทของ The Eagles ซึ่งมีการใช้เจ้ากีตาร์จำพวกนี้อยู่ด้วยในบางเพลงเล่นโดย don felder ถ้าเกิดพึงพอใจเนื้อหาของ กีตาร์ steel เชิญชวนคลิ๊กไปดูได้ขอรับส่วนมากกีตาร์แบบงี้จะเล่นในเพลงจำพวกเพลง country แล้วก็แบบ ฮาวาย เป็นส่วนมากเวลาเล่นจะเล่นด้วยสไลด์
กีตาร์แบบอื่นๆเว้นแต่กีตาร์ชนิดต่างๆที่กล่าวมาด้านบนแล้ว ยังมีกีตาร์แบบพิเศษอื่นๆซึ่งบางครั้งก็อาจจะสร้างขึ้นมาเพื่อผลดีเฉพาะประเภท หรือเล่นเป็นพิเศษกับเพลงนี้โดยเฉพาะ เราจะไม่ค่อยมองเห็นมากเท่าไรนักเป็นต้นว่ากีตาร์ที่มีจำนวนสายแปลกๆมีรูปร่างแปลกๆเช่นกีตาร์ 7 สาย กีตาร์ Harmony Sovereigh แบบ 9 สาย กีตาร์ที่ใช้สายของกีตาร์เบสประกอบด้วย กีตาร์ 2 คอ กีตาร์ 2 คอรูปตัว V หรือ 4 คอ รูปตัว X เป็นต้น


(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/jw/he/mw.jpg)



จากรูปจะเห็นได้ว่า สาย Elixir Polyweb (รูปขวา) ให้เสียงที่ครึ้มที่สุด ส่วน Elixir Nanoweb (รูปกลาง) ให้เสียงที่ใสจัดจ้านมากที่สุด รวมทั้ง Elixir Nanoweb Phosphor Bronze (รูปซ้าย) ให้เสียงที่ใสแบบพอดิบพอดีๆครับ
Elixir Polyweb (รูปขวา) เป็นตัวที่ลูกค้าจำนวนมากงงเยอะที่สุดนะครับ เนื่องจากโดยมากรู้เรื่องว่าสายจำพวก 80/20 Brenze จะให้เสียงที่ใสกว่าสาย Phosphor Bronze เสมอ ซึ่งถ้าตามธรรมดาก็จะเป็นแบบนั้นขอรับ แต่สำหรับรุ่น Polyweb นั้นเคลือบหนามาก ถึงจะเป็น 80/20 Bronze ก็จริง แต่ว่าด้วยความที่เคลือบหนามาก ก็เลยทำให้เสียงที่ได้นั้นหนากว่ารุ่น Phosphor Bronze ของแบรนด์ทั่วๆไปเสียอีก ถ้าหากถูกใจเสียงดก ฉาบหนา สัมผัสนุ่มลื่น ทนสูงสุด สั่งรุ่นนี้ได้เลยนะครับ
Elixir Nanoweb (รูปกึ่งกลาง) สำหรับรุ่น Nanoweb จะเป็นรุ่นที่ฉาบบางมากยิ่งกว่ารุ่น Polyweb นะครับ แม้กระนั้นก็ยังจัดว่าฉาบดกกว่ายี่ห้ออื่นอยู่ดี รุ่นนี้เป็นสายชนิด 80/20 Bronze อยู่แล้ว ก็เลยทำให้เสียงที่ได้นั้นมีความใสจัดจ้านมากๆถ้าชอบเสียงที่ใสจัดๆสัมผัสลื่นพอประมาณ แข็งแรงมากมาย สั่งรุ่นนี้ได้เลยนะครับ
Elixir Nanoweb Phosphor Bronze (รูปซ้าย) ตามปกติสาย Phosphor Bronze ส่วนใหญ่จะให้เสียงที่ค่อนข้างอุ่นหนา แม้กระนั้นหากขึ้นชื่อว่าเป็น Elixir ถึงจะเป็น Phosphor Bronze ก็ยังจัดว่าใสอยู่ครับ แต่ว่าเป็นใสแบบพอดีๆไม่ใสจัดจ้านมากจนเกินความจำเป็น หากถูกใจเสียงที่ใสแบบพอดีๆสัมผัสลื่นพอสมควร คงทนมากมาย สั่งรุ่นนี้ได้เลยครับผม
จัดจำหน่ายสายกีต้าร์"ของแท้"คุณภาพสูงจากอเมริกา แบบเดียวกับของบริษัทตัวแทนจำหน่าย โดยผลิตภัณฑ์โดยมากในร้านจะเป็นสายเคลือบ ซึ่งเป็นสายกีต้าร์รุ่นท็อปที่แก่การใช้แรงงานสูงขึ้นยิ่งกว่าสายกีต้าร์ทั่วไปขอรับ

วิธีดูสาย D'Addario ปลอม
สวัสดีครับ วันนี้เอาวิธีดูสาย D'Addario ปลอม มาฝากกันครับ สำหรับวิธีดูสาย D'Addario ปลอม ได้มีผู้รู้เขียนบอกเอาไว้มากมายหลายวิธีด้วยกัน ทั้งดูตำหนิตามจุดต่างๆ ทั้งดูรายละเอียดของตัวพิมพ์ที่ซอง แต่ในช่วงหลังๆพี่จีนเริ่มเนียนขึ้นเรื่อยๆครับ ดังนั้นผมคิดว่าวิธีที่เชื่อถือได้ และ สะดวกที่สุด คือการเช็ค Serial Number ในเว็บไซต์ของ D'Addario เองครับ

มาเริ่มกันเลยครับ ก่อนอื่นต้องแกะซองกระดาษที่หุ้มด้านนอกของสายกีต้าร์ออกก่อน แล้วดูที่ด้านหลังของซองที่ซีลปิดด้านใน จะเห็น Serial Number เป็นตัวเลขผสมตัวอักษรเป็นชุดๆต่อกันดังรูปนะครับ จากรูปผมใช้สายกีต้าร์คลาสสิค D'Addario EJ46 ที่เก็บไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ใช้ มาทำการทดสอบนะครับ

(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/xu/9b/3q.jpg)


ต่อไปให้เข้าไปที่เว็บเช็คสายของ D'Addario ตามลิงก์นี้ครับ
http://www.daddario.com/PlayReal.Page
เมื่อเข้าไปแล้วจะเห็นหน้าตาเว็บเป็นแบบในรูปนะครับ ให้เราใส่อีเมลล์ในช่องที่กำหนด และ ติ๊กเลือกว่าเราเป็น User จากนั้นคลิกปุ่ม Continue ครับ

(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/a1/oq/h8.jpg)


ขั้นต่อไปจะเป็นการให้ใส่ Serial Number นะครับ ให้นำ Serial Number แต่ละชุดมาใส่ให้ตรงกับช่องดังรูปนะครับ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue (Serial Number ของ D'Addario จะไม่มีการใช้ตัวอักษร O นะครับ จะใช้แต่เลข 0 เท่านั้น)

(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/qr/om/b1.jpg)



ขั้นสุดท้ายถ้าเป็นสายแท้ เว็บไซต์จะแสดงผลว่า สายที่เราซื้อมานั้นเป็นรุ่นอะไร ในที่นี้ผมใช้สายกีต้าร์คลาสสิค D'Addario EJ46 ในการทดสอบ ซึ่งผลก็ออกมาตรงตามรุ่น เป็นของแท้แน่นอนครับ

(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/l3/w1/65.jpg)



แต่ถ้าเว็บหา Serial Number ไม่เจอ จะขึ้นเป็น Invalid Serial Number ดังรูปครับ ซึ่งก็มีอยู่ 2 สาเหตุ คือ ใส่ผิด หรือ เจอสายปลอม ในกรณีที่แน่ใจว่าเจอสายปลอมเข้าแล้ว เราสามารถทำการ Report แจ้งชื่อ ที่อยู่ ของร้านค้าที่ขายสายปลอม ให้กับทาง D'Addario ได้โดยตรง โดยการคลิกที่ปุ่ม Report Counterfeit ครับ

(http://fm.lnwfile.com/_/fm/_raw/p7/5a/q2.jpg)


จบแล้วครับ สำหรับวิธีดูสาย D'Addario ปลอม โดยการเช็ค Serial Number หวังว่าจะได้ประโยชน์กัน ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณมากครับ
 
อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับกีตาร์
1. ปิคกีตาร์ ก็คือวัสดุที่ใช้ดีดลงบนสายกีตาร์แทนนิ้วหรือเล็บเรา ซึ่งจะเหมาะสำหรับการเล่น strum (การตีคอร์ด) หรือการเล่นโซโลของกีตาร์ไฟฟ้า เป็นต้น ปิคทำมาจากวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้ กระดูกสัตว์ งาช้าง(สมัยโบราณนะครับเดี๋ยวนี้คงไม่มีแล้ว) แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคงเป็นแบบที่ทำมาจากพลาสติก เพราะหาง่ายและราคาค่อนข้างจะถูก โดยทั่วไปปิคกีตาร์จะแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
ปิคนิ้ว (finger pick) เป็นปิคที่ใช้สวมนิ้วเพื่อใช้กับการเล่นแบบ finger picking style (การเกากีตาร์) ซึ่งจะให้เสียงที่คมชัดกว่าใช้เล็บหรือปลายนิ้ว แต่ก็ขึ้นกับความถนัดหรือความชอบของแต่ละคนอีกแหละครับบางคนก็ชอบใช้ บางคนก็ไม่ชอบใช้สไตล์ใครสไตล์มันครับ สำหรับปิคประเภทนี้มีอยู่ 2 แบบได้แก่
ปิคสำหรับสวมนิ้วโป้ง (thumb pick)เพื่อใช้ในการเล่นสายเบส
ปิคสำหรับนิ้วชี้, นิ้วกลาง และนิ้วนาง เพื่อใช้ในการเล่นสามสายล่าง
2. คาโป้ (capo) คำว่า capo มาจากคำว่า capotasto ในภาษาสเปนแปลว่าทาบ (bar)หน้าที่ขของมันคือใช้คาดหรือรัดบนคอกีตาร์เพื่อเปลื่อนคีหรือระดับเสียงของกีตาร์แล้วผมจะอธิบายรายละเอียดในเรื่องการเล่นกีตาร์เบื้องต้นอีกครั้งครับ สำหรับคาโป้ยังสามารถแบ่งได้อีกหลายประเภทได้แก่
-แบบยึดด้วยสกรู (attached from the side with screw)
- แบบเป็นยางยืดรัด(elastic strap) มีทางแบบผ้ายืด และแบบสปริง

3. สไลด์กีตาร์ (guitar slide) หรือบางครั้งก็เรียกว่า bottle neck ที่หมายถึงคอขวดนั่นเองเอยากทราบที่มาคลิ๊กเข้าไปดูได้ครับ สำหรับเจ้าตัวสไลด์นี้เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เราคงเคยเห็นนักดนตรีบางคนเล่นมาแล้วโดยใช้เจ้าสไลด์นี้สวมนิ้วแล้วเลื่อนไปตามคอกีตาร์ ซึ่งมันช่วยทำให้เราได้สำเนียงกีตาร์ในอีกรูปแบบหนึ่งออกมาส่วนมากมักเป็นเพลงประเภทเพลงบลูส์ วัสดุที่ใช้ทำมักจะมี 2 ชนิดคือ
-สไลด์โลหะ จะให้เสียงที่ใสกว่า

4. ปิคอัฟ (pick up) หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า คอนแทค นั่นแหละครับ ตอนผมเล่นกีตาร์ใหม่ ๆ ผมก็เรียกอย่างนี้เหมือนกันแต่ว่าชื่อที่ถูกต้องจริง ๆ คือ pick up ผมไม่แน่ใจว่าคำว่าคอนแทคมาจากไหนเหมือนกันอาจจะมาจากการที่เจ้าตัวนี้มันติดอยู่บนด้านหน้าของกีตาร์กระมังเพราะคำาว่าคอนแทค(contact)แปลว่าสัมผัส หรือติดต่อ คราวนี้เราจะมาพูดกันถึงประเภทของมันบ้างผมอยากจะแบ่งตามการใช้งานนะครับซึ่งน่าจะแบ่งได้ 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
-ปิคอัฟสำหรับกีตาร์ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของกีตาร์ไฟฟ้าก็ว่าได้จะมีอยู่ 2 แบบใหญ ๆ คือ แบบ single coin และแบบ humbacking หมายถึงเป็นแบบที่ใช้เส้นลวดพันรอบแกนแม่เหล็กแกนเดียว และแบบ 2 แกนคู่กัน ตามลำดับ ซึ่งจะให้เสียงที่ออกมาต่างกันด้วย
5. เอฟเฟ็ค (effect) แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่ชอบเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ว่าไม่ต้องการเจ้าสิ่งนี้เพราะมันสามารถทำให้เราปรับแต่งเสียงกีตาร์ของเราได้อย่างอิสระ เช่นต้องการเสียงที่แตกมาก ๆ ต้องการเสียงลากยาว ๆ อะไรประมาณนี้ (จริง ๆ ผมไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องเอฟเฟ็คมากนักแค่พอรู้น่ะครับ ) เอฟเฟ็คในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อและอีกหลากหลายประเภทตามจุดประสงค์การใช้งานเท่าที่ผมเห็นก็น่าจะมีอยู่ 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
-ประเภท foot control หรือที่เราเห็นกันอยู่ทั่ว ๆ ไป ที่นักดนตรีเขาใช้เท้าเหยียบ ๆ นั่นแหละครับ(บางคนเรียกว่าเอฟเฟ็คแบบก้อน)ซึ่งยังแบ่งได้อีก 2 ประเภทคือตัวเดียวก็เป็นเอฟเฟ็คอย่างเดียวเลยเช่น distortion ก็จะทำหน้าที่เป็น distortion อย่างเดียวเลย ในขณะที่อีกประเภทจะเป็นเอฟเฟ็ครวม มีเอฟเฟ็คหลาย ๆ ประเภทอยู่ในตัวเดียวกัน ซึ่งแล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน แต่นักดนตรีหลายคนยังชอบแบบแรกมากกว่าเพราะมีความคลาสสิกกว่าและเสียงที่ได้มามันสะใจกว่าอีกแบบ

6. แอมป์์ สำหรับผู้ที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าแล้วมันก็คือสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ แต่ผู้ที่เล่นกีตาร์โปร่งธรรมดาอาจไม่ต้องมีก็ได้ หน้าที่ของมันก็คือการแปลงและขยายสัญญาณไฟฟ้าที่มาตามสายแจ็คจากกีตาร์ให้เป็นเสียงกีตาร์และสามารถปรับแต่งคุณสมบัติของเสียงได้เช่นความดัง-เบา หรือความทุ้ม-แหลมเป็นต้น นอกจากนี้แอมป์บางรุ่นยังมีเอฟเฟ็คบางตัวติดตั้งมาด้วยเช่นมี overdrive เป็นต้น (แบบของผมแหละครับ) แอมป์มีหลายแบบหลายสไตล์ ทั้งแบบ mono , stereo (ถ้าเล่นกีตาร์น่าเป็น mono ก็พอ) นอกจากนี้ยังมี พรีแอมป์อีก แอมป์ที่มีขายนั้นมักจะบอกเป็นวัตถ์ว่าแอมป์ตัวนี้กีวัตถ์ตัวนั้นกี่วัตถ์เป็นต้นกำลังวัตถ์มากกำลังขับก็สูง ราคาก็สูงตามไปด้วย
7. อุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วก็ยังมีอุปกรณเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่นที่น่ารู้ไว้ได้แก่
-สายสะพาย สำหรับท่านที่อาจจะต้องไปยืนเล่นเพื่อเล่นในงานตามวาระต่าง ๆ คงต้องใช้เจ้าสิ่งนี้ครับ หาซื้อไม่ยากนักอีทั้งราคาก็ไม่แพงจนเกินไป มีรูปแบบลวดลายมากมายให้เลือกอีกต่างหาก
อุปกรณ์อื่น อีกเช่นผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาดก็ควรจะเป็นผ้าที่มีคุณภาพดีและใช้เฉพาะเช็ดกีตาร์อย่างเดียว ที่เก็บปิคแบบติดกับตัวกีตาร์ สายแจ็คความยาวขนาดต่างๆ ขาหนีบเม้าออร์แกน(สำหรับผู้ที่ชอบเล่นเม้าออร์แกนและเล่นกีตาร์ไปด้วย) เป็นต้น
ร้าน สายกีต้าร์ ติดต่อ
เบอร์โทร 061-387-8980
line http://line.me/ti/p/~sighguitar
อีเมล sighguitar@gmail.com

Tags : สายกีต้าร์, สายกีต้าร์ ราคา
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ