|
หัวข้อ: ขอเล่นด้วยคน/พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์...14ปีกระทรวงกีฬา เริ่มหัวข้อโดย: itopinter_111 ที่ พฤศจิกายน 12, 2017, 03:34:14 pm เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมมที่ผ่านมา เป็นวันสถาปนาครบรอบ14ปีการก่อตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ในการปฏิรูประบบราชการ สมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การก่อตั้งกระทรวงขึ้นมารับผิดชอบงานด้านกีฬาของรัฐบาลสมัยยุคนั้น ถือเป็นการจุดประกายความหวังวงการกีฬาชาติจะได้รับการขับเคลื่อนไปทัดเทียมนานาประเทศ จากโครงสร้างเดิมอยู่ภายใต้การเดิมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นเสาหลัก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการยกระดับกระทรวงขึ้นมารองรับ ทว่าคนวงการกีฬาหลายฝ่ายมองว่าการเอากีฬาไปผูกติดกับด้านท่องเที่ยวอาจไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างแท้จริงตามที่มุ่งหวัง อยากให้แยกเป็นกระทรวงกีฬาอย่างเดียว เพื่อประสิทธิภาพที่ได้ผลมากกว่า แต่รัฐบาลสมัยนั้นก็ไม่ฟังเสียงคัดค้าน ต่อมารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีความพยายามจะแยกกีฬาออกมาเป็นกระทรวงเดี่ยวๆ แต่ด้วยความที่มีข้อติดขัดหลายด้าน อีกทั้งมีความสำคัญอย่างอื่นที่รัฐบาลต้องทำก่อน รวมทั้งการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงหลายขั้วอำนาจ จึงทำให้ ไม่สามารถผลักดันกันเป็นผลสำเร็จมากระทั่งทุกวันนี้ กระนั้นก็ตาม เสียงเรียกร้องและความพยายามการแยกกระทรวงกีฬายังคงเกิดขึ้นไม่ขาด จากข้อมูลการจัดสัมนาของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการกีฬาในสภาปฏิรูปแห่งชาติทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ระบุชัดเจนประชาชนร้อยละ90 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้มีการแยกกระทรวงกีฬา อย่างไรก็ดี รัฐบาลชุดปัจจุบันก็พร้อมสนับสนุนการแยกกระทรวงกีฬาออกมาเดี่ยวๆ แต่ควรดำเนินการองค์ประกอบให้เกิดความพร้อมมากกว่านี้ โดยให้มุ่งการตั้งมหาวิทยลัยกีฬา สภากีฬา และ วิทยาศาสตร์การกีฬา ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังมีการดำเนินการกันอยู่ขณะนี้ 14ปีของการยกระดับเป็นกระทรวงฯขับเคลื่อนกีฬาที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่กระทรวงกีฬาเดี่ยว แต่ก็ต้องยอมรับว่า วงการกีฬาชาติเจริญก้าวหน้าไปมากกว่าอดีตพอสมควร ณ วันนี้ต้องยอมรับว่าวงการกีฬาชาติกำลังเดินไปอย่างมั่นคง หากวันใดเติมเต็มรูปแบบเป็นกระทรวงกีฬาเดี่ยว คงมีผลงานยิ่งใหญ่สร้างเกียรติภูมิให้ชาติโด่งดังไปทั่วโลกกว่านี้แน่ สปอร์ตไคลแม็กซ์...“บิ๊กต๊อด”สั่งลุย... ล่าฝัน “สเก็ตบอร์ด”อลป.อชก. ต้องไม่ปฎิเสธว่ากีฬา “เอ็กซ์ตรีม”เป็นกีฬาที่มาแรงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่วัยโจ๋ วัยจ๊าบ ทุกชาติทุกชนชั้น จากความนิยมดังกล่าว ทำให้คณะกกรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี มีมติบรรจุ “สเก็ตบอร์ด”เข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพจัดในอีก 4 ปีข้างหน้า โธมัส บัค ประธานไอโอซี บอกถึงจุดมุ่งหมายสำคัญการบรรจุกีฬาชนิดนี้เข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬายิ่งใหญ่ในครั้งนี้ว่า “การเสนอกีฬาใหม่นี้เป็นความก้าวหน้าอย่างมากของโอลิมปิกที่จะฟังเสียงและตอบสนองความต้องการของเยาวชนในกีฬาที่ชื่นชอบ เราไม่สามารถหวังให้เยาวชนของเราเข้ามาหาโอลิมปิก เราต้องพาโอลิมปิกไปหาเยาวชนของเรา” ขณะที่ นายโยชิโร ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 กล่าวว่า เป็นสิ่งยอดเยี่ยมมาก เป็นการเปิดโอกาสให้กับเยาวชนทำความฝันให้เป็นจริง ในการมีโอกาสการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง โอลิมปิกเกมส์ อีกทั้งยังจะเป็นการจุดประกายให้เยาวชนของเรามีพลังมีความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศทั้งทางด้านการกีฬาและชีวิตมากขึ้น ไม่เพียงแต่โอลิมปิกเกมส์เท่านั้น ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซียในปี 2561 สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียก็บรรจุ “สเก็ตบอร์ด”เข้าแข่งขันไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อสอดรับวงการกีฬาทวีปเอเชีย ในการเตรียมส่งเสริมพัฒนานักกีฬาไปแข่งขันในระดับโอลิมปิกเกมส์ ต่อไป สำหรับเมืองไทยกีฬาชนิดนี้ ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายพอสมควร โดยอยู่ภายใต้การส่งเสริมพัฒนาของ “บิ๊กต๊อด”ปิติ ภิรมย์ภักดี ทายาท “สิงห์”ในฐานะนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย “บิ๊กต๊อด”นั่งเป็นประมุขสมาคมเอ็กซ์ตรีมในเวลานี้เป็นสมัยที่ 3 แล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการส่งเสริมพัฒนาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง นักกีฬาไทยสามารถสร้างผลงานในการแข่งขันในมหกรรมกีฬา ระดับโลก และ นานาชาติ ไม่น้อยหน้าใครในโลกนี้ การบรรจุสเก็ตบอร์ดเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬายิ่งใหญ่2รายการนี้จึงเป็นภาระกิจของ “บิ๊กต๊อด”ที่จะสานฝันนักกีฬาไทยไปไล่ล่าเกียรติยศมาสู่ประเทศชาติ “ถือเป็นข่าวดีของวงการกีฬาเอ๊กซ์ตรีมทั้งเมืองไทย ที่กีฬาสเก็ตบอร์ดได้รับการบรรจุเข้าสู่การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อย่างโอลิมปิกเกมส์ในปี 2020และเอเชียนเกมส์” “แน่นอนว่า หลังจากนี้ทางสมาคมเอ็กซ์ตรีมฯ เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีข้างหน้าเพื่อผลักดันกีฬาสเก็ตบอร์ดให้มีการพัฒนา และแพร่หลายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องรายการแข่งขันกระจายไปสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติต่างๆของสหพันธ์เพื่อพัฒนานักกีฬาของเราไปสู่โอลิมปิกเกมส์ และ เอเชียนเกมส์ต่อไป” นี่คือการลั่นกลองรบแผนการขับเคลื่อนของ “บิ๊กต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี ในการนำพาเอ็กซ์ตรีมสู่ฝัน2มหกรรมกีฬายิ่งใหญ่ของโลก ที่ท้ายยิ่งนัก
|