|
หัวข้อ: สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ พฤศจิกายน 20, 2017, 05:57:39 pm (http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2.png)
หมีที่พบในประเทศไทย[/b] ๑. หมีควาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos thibetanus (G. Cuvier) มีชื่อพ้อง Ursus thibetanus G. Cuvier ชื่อสามัญว่า Asiatic black bear ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ ซม. น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กิโล หัวค่อนข้างแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีหมา ขนรอบจมูก คาง และรอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ หน้าอกมีขนสีขาวรูปตัววี (V) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ หมีควายถูกใจออกหากินเพียงลำพังในตอนค่ำ เว้นเสียแต่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ช่วงเวลากลางวันมักหลบซ่อนอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาหากินผลไม้สุกหรือรังผึ้งในตอนกลางวัน ปีนต้นไม้เก่ง เดินด้วยขาทั้ง ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาข้างหลังทั้งสองขา แล้วใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะครุบศัตรู ของกินที่รับประทานคือผลไม้ น้ำผึ้ง[/b] กวาง[/b] เก้ง หมูป่า ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี มีท้องนาน ๗-๘ เดือน ออกลูกทีละ ๑-๒ ตัว คลอดในถ้ำ หรือในโพรงไม้ อายุยืนราว ๓๐ ปี พบในทุกภาคของไทย ในต่างถิ่นเจอที่เขมร เวียดนาม ประเทศปากีสถาน อินเดีย เนปาล ประเทศทิเบต เกาหลี จีน ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ๒. หมีหมา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos malayanus (Raffles) มีชื่อพ้อง Ursus malayanus Raffles ชื่อสามัญว่า Malayan sun bear หมีคน ก็เรียกเป็นหมีจำพวกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร หางยาว ๓-๕ ซม. น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กก. หัวกลม ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ ทรวงอกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้ารอบๆหน้าอกและหน้าท้อง หมีสุนัขถูกใจออกหากินเป็นคู่ในตอนค่ำ ลางครั้งเจอในตอนกลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้แคล่วคล่องว่องไว สร้างรังนอนโดยดึงก้านไม้ เปลือกไม้ มาวางไว้ใต้ท้อง แล้วปล่อยขาห้อยคร่อมก้านไม้ไว้ โดยเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้ ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยเฉพาะเมื่ออยากได้ดูในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้ารังควานจะส่งเสียงร้องราวกับหมา อาหารที่กินเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีหมาโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี ตั้งท้องนานราว ๙๕ วัน คลอดลูกทีละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี พบในทุกภาคของไทย แต่มักพบมากทางภาคใต้ ในเมืองนอกเจอที่ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า บังกลาเทศ จีน มาเลเชีย และอินโดนีเชีย ดีหมีในยาจีน ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน มีราคาแพงมากมายแล้วก็หายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel Ursi มีชื่อสามัญว่า bear gall จีนเรียก สงต่าน (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos thibetanus (G. Cuvier) และก็หมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus arctos Linnaeus) สกุล Ursidae ชนิดหลังไม่เจอในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากมณฑลยูนนาน ส่วนมากเป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม ในทางการค้า เรียก อวิ๋นต่าน (ดีจากยูนนาน) แต่ดีหมีที่มีขายในท้องตลาดมักมากจากหมีที่พบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยเฉพาะบริเวณเฮย์หลงเจียงและเขตจี๋หลิน ส่วนใหญ่ได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางกิจการค้าเรียก ตงต่าน (ดีจากภาคทิศตะวันออก) ซึ่งมีจำนวนมากกว่า รูปแบบของดีหมี ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่ ส่วนบนเรียวรวมทั้งกลวง ส่วนล่างเป็นถุงใหญ่ ยาว ๑๐-๒๐ เซนติเมตร กว้าง ๕-๑๐ เซนติเมตร (ข้างล่าง) เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล วาวนิดหน่อย ส่วนบนใส มองได้แทบทะลุผิวบางและร่น เมื่อฉีกให้ขาดจะมองเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด บางทีก็เป็นผุยผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทองคำ เป็นมันเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคำคล้ายสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ เป็นมันเงา มักเรียก ดีหมีสีทอง หรือ ดีหมีสีทองแดง ประเภททีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนจำพวกที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกลอง ดีหมีมีรสขมก่อน ต่อมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมสดชื่นเย็นๆหรือ คาวนิดหน่อย อมในปากจะละลายกระทั่งหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรจะมีรสขม เย็น ไม่ติดฟัน ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองคำเป็นมันเงา รสขมช่วงแรก แล้วหวานตามหลัง ของจริงหรือของที่เป็นของปลอม เพราะว่าดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก จึงมีของที่ไม่ใช่ของแท้ขายมากมายในหลายรูปแบบ ดังเช่นว่า ปลอมด้วยดีหมู ดีโค หรือดีแกะ แต่ว่าบางทีอาจตรวจดูดีหมีแท้ได้ด้วยแนวทางดังนี้ ๑. กระบวนการตรวจทางกายภาพ อาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปข้างนอก รวมถึงผิวแล้วก็รูปร่าง ตรวจสอบรูเปิดของถุงน้ำดีและก็รอบๆที่มัด มองจำนวนของน้ำดีแห้ง (ถ้าหากมีมากมายแล้วก็เต็มบางทีอาจเป็นของเลียนแบบ) ตรวจสอบน้ำหนักของดี (ถ้าเกิดมีน้ำหนักมากจนเกินไป บางทีอาจเป็นของปนปลอมด้วยโลหะลางเช่นตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีน้อยวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือ (ถ้าหากเป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมหวนเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม (ถ้าเป็นของเลียนแบบจะเหนียวรวมทั้งแข็ง ไม่เป็นเงา) แต่ วิธีการนี้จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์แล้วก็ความเชี่ยวชาญมากมาย ๒. แนวทางเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีเล็กน้อย เผาไฟ หากเป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง แต่ว่าแม้เป็นของปลอมจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแต่ว่ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ๓. แนวทางตรวจด้วยน้ำ เพิ่มน้ำลงในถ้วยน้ำ ความจุราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีเล็กน้อยใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างรวดเร็วสักครู่ ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยแล้วจมลงในน้ำ ทำให้มองเห็นเป็น “เส้นเหลือง” ลงสู่ก้นแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่นานกว่าจะหายไป ถ้าเกิดที่ผิวน้ำมีฝุ่นผงเล็กน้อยเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ ผงดีหมีจะหมุนอย่างเร็วแล้วก็ผลักฝุ่นผงที่ผิวน้ำให้กระจัดกระจายออก นอกเหนือจากนี้ แนวทางลักษณะนี้ยังคงอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะเกิดเส้นเหลืองให้เห็นเช่นเดียวกัน ๔. วิธีตรวจทางเคมี ทำเป็นโดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่เจอในดีของสัตว์อื่น คือ กรดเอ้อร์โซเดสออกศสิโคลิก (ursodesoxycholic acid) เช่น ด้วยแนวทางรงคเลขผิวบาง (thin-layered chromatography) หรือด้วยแนวทางรงคเลขของเหลวความสามารถสูง (high performance liquid chromatography หรือ HPLC) (http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/240px-Black_bear_large.jpg) คุณประโยชน์แล้วก็ขนาดที่ใช้[/size][/b] ตำราจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารและก็ยาทดแทนน้ำดี เป็นยาช่วยเหลือคนป่วยที่สลบเนื่องด้วยไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่ทำให้มีการเกิดลักษณะของการปวดบวม ใช้กินเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ครั้งละ ๐.๖-๑.๕ กรัม โดยชงน้ำ หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำบางส่วนเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้ คุณประโยชน์ทางยา แพทย์แผนไทยใช้ดีหมีเป็นเครื่องยาแล้วก็กระสายยา แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีคุณประโยชน์ดับพิษร้อนภายใน แก้พิษบ้าคลั่ง สติลอย เหม่อลอย บำรุงน้ำดี ขับขี่รถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเพราะตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งชน ทำให้ฟกช้ำดำเขียว นอกเหนือจากดีหมีแล้ว หมอแผนไทยยังรู้จักใช้ “เขี้ยวหมี” เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน ตัวอย่างเช่น ยาแก้ไขขนานหนึ่งใน พระคู่มือมหาโชตรัต ดังนี้ สิทธิการิยะ หากคนไหนกันแน่เปนไข้แลให้ร้อนภายในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวผู้เจ็บป่วยนั้นให้แข็งกระด้างอย่างกับท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วทั้งยังกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่ากำเนิดรอยแดงด้านในแลให้ปากแห้งคอแห้งฟันแห้งนมหมดหวังให้เปนต่างๆนั้น ท่านว่ากาฬผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น ถ้าหากจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑ จันทน์ ๒ สนเทศ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาศ ๑ รากแตงไม่มีอารยธรรม ๑ รากหมูปล่อย ๑ หัวมหากาฬ ๑ หัวกะเช้าตรู่ผีมด ๑ รากไคร้เครือ ๑ ใบหยุด ๑ ใบภิมเสน ๑ ใบเฉมีดพร้าหอม ๑ ใบทองพันชั่ง ๑ เขากวาง[/color] ๑ งา ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวหมี ๑ เขี้ยวจระเข้ ๑ เขี้ยวหมูป่า ๑ เขี้ยวแรด ๑ ฟันกรามพญางู ๑ เขี้ยวปลาพยูน ๑ เกสรดอกบัวน้ำอีกทั้ง ๗ ผลสมอพิเภก[/color] ๑ เทียนดำ ๑ ใบสเดา ๑ เปลือกไข่เป็ดสด ๑ ผลจันทน์[/b] ๑ ดอกจันทน์[/color] ๑ สมอไทย[/b] ๑ รากมะรุมบ้าน ๑ รวมยาทั้งนี้เอาเท่าเทียม ทำผง แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกไม้ ทั้งรับประทานพ่น แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมานั้น หายแล อนึ่ง “เขี้ยวหมี” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว” หรือ “เนาวเขี้ยว[/b]” เช่น เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรด เขี้ยวหมาป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวตะไข้ เขี้ยวแกงเลียงเขาหิน และก็งาช้าง
|