หัวข้อ: สัตววัตถุ เขาสัตว์อื่นที่ใช้เเทนเขากุยได้ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ พฤศจิกายน 30, 2017, 03:29:04 pm (http://www.คลัง[b][i]สมุนไพร[/i][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C.png)
เขาสัตว์อื่นที่ใช้แทนเขากุยได้[/size][/b] เขาประเภทอื่นที่มีคุณสมบัติละม้ายกับเขากุย ตำราว่าใช้แทนกันได้ ตัวอย่างเช่น ๑.กาเซลคอพอก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gazella gutturosa Pallas มีชื่อสามัญว่า goitred gazelle พบในเอเชียกลาง จากทิศใต้ของทะเลสาบแคสเปียนถึงภาคตะวันตกของจีน โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคเหนือของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่สม่ำเสมอไปจนกระทั่งเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน สัตว์ประเภทนี้เพศผู้มีต่อมใหญ่ขึ้นที่คอหอยคล้ายกับเป็นโรคคอพอก ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงฤดูสืบพันธุ์เพศผู้มีเขายาว ทางช้อนไปข้างหลัง ปลายงอนขึ้น ยาวราว ๒๕ เซนติเมตร ๒.ชิ รูหรือ แอนติโลปประเทศทิเบต มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pantholops hodgsoni Abel มีชื่อสามัญว่า chiru หรือ Tibetan antelope เจอในท้องทุ่งเนินสูงของเขตปกครองตนเองประเทศทิเบต สูงที่ไหล่ยาว ๑ เมตร หนัก ๒๕-๓๕ กิโล มีเขายาวมาก ชอบย้ายถิ่นที่อยู่ ในช่วงฤดูผสมพันธุ์มีฝูงตัวเมียถึง ๒0 ตัว โดยที่ตัวผู้คุมฝูงอยู่เพียงแค่ตัวเดียว สัตว์จำพวกนี้ถูกใจใช้กลีบขุดหลุม นอนลึกๆเพื่อหลบลมเย็น ๓.กาเซลประเทศทิเบต มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Procapra picticaudata Hodgson มีชื่อสามัญว่า Tibetan gazelle สัตว์ชนิดนี้มีลักษณะของกาเซลหลายประการ หมายถึง มีขนหางสั้น ไม่มีต่อมหัวตา ไม่มีพู่ขนบนเขา มีเขาเฉพาะบุคคลผู้ ตัวเมียไม่มีลายที่หน้า ปลายเขาไม่โค้งเป็นตะขอ รวมทั้งตรงปลายตูดมีแถบขาว สัตว์จำพวกนี้สูงที่ไหล่ราว ๖0-๖๕ เซนติเมตร หนักราว ๒0 กิโลกรัม ข้างตัวสีน้ำตาลจาง รวมทั้งจางเป็นสีเทาในฤดูร้อน พบตามเทือกเขาสูงในที่ราบสูงประเทศทิเบต ๔.กวางผา (http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/article_other-20111105-1508270.jpg) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nemorhaedus goral Hardwicke มีชื่อสามัญว่า common goral หรือ Himalayan goral พบในประเทศไทย ตามเทือกเขาที่สูงชันทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง เคยพบที่ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็ภาคตะวันตกของประเทศพม่าต่อกับบังกลาเทศ ตลอดกาลตามแนวเทือกเขาหิมาลัย ถึงบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไซบีเรีย กวางหน้าผามีขนาดเล็กกว่าเลียงผา สีตามตัวเป็นสีเทาแกมน้ำตาลอ่อนๆแกมสีฟ้าจางๆที่ใต้คอมีสีขาว ที่สันคอไม่มีขนแผง แต่มีเส้นสีน้ำตาลเข้มจากสันคอไปบนสันหลังจนกระทั่งหาง กวางผาแตกต่างจากเลียงเขาหินตรงที่กวางผาไม่มีรูต่อมที่อยู่ระหว่างตากับจมูก เขาแหลมโค้งไปด้านหลังคล้ายแกงเลียงเขาหิน แต่ว่าเล็กมากยิ่งกว่า มีคอดที่โคนเขาราวกึ่งหนึ่งของความยาวเขา กวางผาเป็นสัตว์ที่ถูกใจอยู่เป็นฝูงราว ๕-๖ ตัว เดินหากินตามทุ่งหญ้าในตอนเช้า สมุนไพร และก็ช่วงค่ำ บางเวลาก็นอนเล่นบนหิน พระหนังสือธาตุวิภังค์ให้ยาที่เข้า “เขากุย” ไว้ ๒ ขนาน ขนานหนึ่งเป็น “ยาจิตรมหาวงษ์” ซึ่งมีบันทึกไว้ ดังนี้ ยาชื่อจิตรมหาวงษ์ แก้คอยุ่ยลิ้นเปื่อยแลปากเปื่อยแลแก้ไอ ท่านให้เอา รากมะกล่ำ ต้น ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑ รากมะขามป้อม ๑ เนระภูเขาสี ๑ เขากวาง[/b] ๑ เขากุย[/b] ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ จันทร์ทั้งคู่นี้ น้ำประสานทองสะเหม็นตุ ๑ ยาทั้งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำผงบดทำแท่งไว้ ลานตาน้ำผึ้ง[/b]ทา หายแล พระตำราปฐมจินดาร์ให้ยาหลายขนานที่เข้า “เขากุย” ขนานหนึ่งเป็นยาแก้ซางแห้ง ซึ่งมีบันทึกไว้ ดังนี้ ยาแก้ทรางแห้ง เป็นทรางโจรทรางไฟ หากขึ้นตาเป็นเกล็ดกระดี่ แล้วให้เป็นเลิศขึ้นพรึงไปทั้งตัวดังผื่น เอาหอมแดง ๑ รากนมแมว ๑ รากเข็มเหลือง ๑ พรมไม่ ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ กระเทียม ๑ หว้านเปราะ ๑ รากถั่วภู ๑ เขากวาง ๑ นอแรด ๑ เขากุย ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจระเข้ ๑ เขี้ยวหมี ๑ เขี้ยวหมู ๑ เขี้ยวแรด ๑ โกศทั้งยัง ๕ เทียนทั้งยัง ๕ การะบูร[/b] ๑ บอแร็ก ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้ เอาเท่าเทียมกัน ทำเปณจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดทำแท่ง ลานตาน้ำแตงร้านรับประทาน แก้ในตาต้อ ๔ แลต้อสำหรับทรางกุมารทั้งมวล
|