|
หัวข้อ: สัตววัตถุ นกอีเเอ่น เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ พฤศจิกายน 30, 2017, 03:35:19 pm (http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%99.jpg)
อีแอ่น[/b] อีแอ่น[/color] เป็นชื่อไทยแท้ของนก ๒ ตระกูล (เดี๋ยวนี้คนไทยมีความเห็นว่าชื่อ “อีแอ่น” ไม่สุภาพหรือไม่เนื่องจากว่า ก็เลยกลายเป็นชื่อ“นางแอ่น” หรือ“นกแอ่น” เช่นเดียวกับ“อีกา[/b]” เป็น “นกกา” หรือ “อีแร้ง” เป็น “นกแร้ง”)เป็นสกุล Apodidae (ชั้น Apodiformes) กับสกุล Hirundinidae (ชั้น Passeriformes) อีแอ่นกินรังเป็นนกในสกุล Apodidae ส่วนนกในวงศ์ Hirundinidae หลากหลายประเภทเรียก “อีแอ่น” ด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นนกที่จัดอยู่ในสกุลหลังนี้สร้างรังด้วยดิน ไม่มีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมอยู่ประการใด แล้วก็นกตาพอง (Pseudochelidon sirintarae Thonglongya) ที่มีผู้ตั้งชื่อให้ใหม่เป็นนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร อันเป็นนกถิ่นเดียวของไทย พบที่สระบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ปัจจุบันนี้เป็นนกหายากรวมทั้งมีจำนวนน้อยหรือบางครั้งอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้งก็ได้ ๕.อีแอ่นหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Colocalia brevirostris (Horsfield) มีชื่อสามัญว่า Himalayan swiftlet ชนิดนี้ทำรังด้วยต้นหญ้ารวมทั้งพืชจำพวกต่างๆมีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมเพียงเล็กน้อย อีแอ่น ๒ ชนิดแรกหมายถึงอีแอ่นรับประทานรังกับอีแอ่นรับประทานรังตะโพกขาว ทำรังด้วยน้ำลายล้วนๆจึงเป็นรังนกที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เป็นที่รู้จักกันมานานและก็เป็นที่ต้องการของตลาด มีราคาแพงมาก ส่วนรังของอีแอ่นชนิดอื่นในสกุลเดียวกันนี้ไม่เป็นที่นิยมของตลาด โดยยิ่งไปกว่านั้น ๒ ประเภทหลัง คือ อีแอ่นท้องขาวและอีแอ่นหิมาลัย อีแอ่นรับประทานรังเป็นนกที่อาศัยอยู่ในถ้ำหินปูนหรือถ้ำหินทรายตามเกาะต่างๆตามทะเลหรือตามริมฝั่งต่างๆหรือบางทีอาจอาศัยอยู่ตามสิ่งปลูกสร้างต่างๆอย่างเช่น อาคาร โบสถ์ และบินออกจากถิ่นในตอนเวลาเช้ามืด ไปหากินตามแหล่งน้ำในหุบเขาหรือตามป่า โดยบินไม่หยุดตลอดวัน ห่อนกลับมายังถิ่นที่อยู่ในช่วงเย็นหรือค่ำ นกเหล่านี้สามารถบินโดยใช้เสียงสะท้อนกลับ (echolocation) จึงไม่ชนกับสิ่งกีดขวางใดๆก็ตามทั้งๆที่ถิ่นที่อยู่มืดสนิท ราวปริมาณร้อยละ ๘0 ของของกินเป็นแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมดมีปีก ในช่วงฤดูฝนนั้น อาหารของนกเหล่านี้เป็นนกเกือบ 100% อีแอ่นกินรังที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชข้อมูลตั้งแต่นี้ต่อไปได้ผลงานของการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยของรศ.โอภาส ขอบเขตต์ ราชบัณฑิต ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนก ซึ่งได้รายงานต่อห้องประชุมราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ที่ราชบัณฑิตยสถาน ช่วงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๔๔ ในประเด็นเรื่อง “อีแอ่นกินรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช” ก่อนที่ท่านจะถึงแก่บาปเพียงแค่ ๕ เดือนเศษ สมุนไพร อีแอ่นรับประทานรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประเภท Colocalia fuciphaga (Gmelin) หรือ eible – nest swiftlet ในราว ๕0 ปีที่ผ่านมา อีแอ่นกินรังได้เข้ามาอาศัยและสร้างรังในบ้านข้างหลังหนึ่ง ซึ่งราษฎรเรียก “บ้านร้อยปี” โดยเริ่มเข้ามาพักที่ชั้น ๓ อันเป็นชั้นบนสุด เจ้าของบ้านจึงย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๒ ต่อมาจำนวนนกมีเป็นจำนวนมากจนถึงรุกพื้นที่ชั้น ๒ เจ้าของบ้านก็เลยย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๑ ซึ่งเป็นร้านค้า แต่ปัจจุบันบ้านข้างหลังนี้มีนกอยู่เต็มอีกทั้ง ๓ ชั้น โดยเจ้าของบ้านล้มเลิกกิจการและก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ แต่มาเก็บรังนกทุกเดือน โดยเฉลี่ยได้รังนกราวเดือนละ ๖ กิโล (ราคากก.ละ ๕0000-๗0000 บาท) ในตอนนั้นอีแอ่นกินรังไปอาศัยอยู่บริเวณโบสถ์ของสงฆ์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ โดยที่เดิมที่ทางวัดมิได้เก็บรัง แม้กระนั้นปัจจุบันคณะกรรมการวัดก็เก็บรังนกขายเหมือนกันกับบ้านร้อยปี โดยได้รังนกเฉลี่ยราวเดือนละ ๒ โล (http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/ch.jpg) ในตอน ๕ ปีให้หลัง อีแอ่นรับประทานรังรอบๆตลาดอำเภอปากพนังได้เพิ่มจำนวนขึ้น จวบจนกระทั่งเข้าไปอยู่ในตึกสูงๆหลายอาคารทางฝั่งด้านทิศตะวันออก(ฝั่งบ้านร้อยปี) ส่วนฝั่งด้านตะวันตก(ฝั่งวัด) ก็มีบ้าง แต่ว่าน้อยกว่ามาก ปัจจุบันมีการก่อสร้างอาคารสูง๑๐ชั้น มากกว่า ๑๐อาคาร แต่ละอาคารใช้เงินทุนไม่น้อยกว่า ๕ ล้านบาท โดยหวังให้อีแอ่นเข้าไปอาศัยทำรัง รวมแล้วมีตึกที่ทำขึ้น โดยหวังว่าอีแอ่นกินรังจะเข้าไปสร้างรังไม่น้อยกว่า ๕0 ตึก แต่อีแอ่นก็ไม่ได้เข้าไปอาศัยสร้างรังทุกตึก เพราะอะไรอีแอ่นก็เลยเลือกตึกใดอาคารหนึ่งเพื่อทำรัง คำตอบนี้ยังไม่หาคำตอบได้แต่จากการเรียนพบว่า อีแอ่นจะเข้าไปสร้างรังในตึกสูงตั้งแต่ ๑-๗ ชั้น อาคารโดยมากมักมีสีเหลืองไข่ไก่ แต่ลางตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จแล้ว ยังเป็นสีอิฐ ก็มีนกเข้าไปอาศัยแล้วก็ทำรัง ส่วนแนวทางการเข้าออกของอีแอ่นนั้น พบว่ามีเกือบทุกทิศทาง ไม่แน่นอน แต่ว่าทางเข้าออกของนกโดยส่วนมากเป็นทิศใต้ค่อนไปทางทิศตะวันตก อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิแล้วก็ความชื้นภายใต้อาคารน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่สุดที่นกเลือกอาศัยรวมทั้งสร้างรัง พบว่าตึกที่นกอาศัยจะอยู่ระหว่าง ๒๖- ๒๙ องศาเซลเซียส และก็ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่าร้อยละ ๗๕ (อยู่ปริมาณร้อยละ ๗๙-๘0 ) ฝาผนังตึกจำต้องไม่น้อยกว่า ๓0 ซม. ข้างในมีอ่างน้ำโดยรอบหรือเกือบรอบ ไม่มีหน้าต่าง แต่ว่ามีช่องลมให้นกเข้าออกขั้นต่ำ ๒ ช่อง ซึ่งอุณหภูมิรวมทั้งความชื้นสัมพัทธ์ในตึกเหล่านี้ใกล้เคียงกับถ้ำธรรมชาติที่นกจำพวกนี้ใช้เป็นที่อาศัยและก็สร้างรัง สำหรับในการเก็บรังนกนั้น เจ้าของบ้านเก็บก่อนที่นกจะออกไข่ เป็นราว ๓0 วัน ภายหลังนกเริ่มทำรัง แล้วก็เก็บทุกๆเดือน แต่|แต่ว่า|แม้กระนั้น}หากเป็นรังที่นกออกไข่แล้ว ก็จะปลดปล่อยให้นกวางไข่ต่อไปกระทั่งครบ ๒ ฟอง แล้วปล่อยให้ไข่ฟัก และเลี้ยงลูกอ่อนกระทั่งลูกบินได้ก็เลยจะเก็บรัง Tags : สมุนไพร
|