หัวข้อ: สัตววัตถุ เม่น เริ่มหัวข้อโดย: Navaphon11991 ที่ ธันวาคม 02, 2017, 03:49:29 pm (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99.png)
เม่น[/size][/b] เม่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในวงศ์ Hystricidae เม่นที่เจอในประเทศไทยมี ๒ จำพวก เป็นต้นว่า ๑.เม่นใหญ่แผงคอยาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystrix brachyuran Linnaeus ชื่อสามัญว่า Malayan porcupine เม่นจำพวกนี้มีขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๖๓ – ๗๐ เซนติเมตร หางยาว ๖ – ๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๓-๗ กิโล ขนบนลำตัวเป็นขนแข็งใช้ป้องกันตัว หัวเล็ก จมูกป้าน มีหนวดยาวสีดำ รอบๆลำตัว คอ และก็ไหล่ มีขนแข็ง สั้น สีดำ ขนใต้คอสีขาว ตาเล็ก ใบหูเล็ก ขนตั้งแต่หลังไหล่ไล่ลงไปแข็งยาว ด้านโคนและปลายสีขาว ตรงกลางสีดำ ปลายแหลม หางมีขนเหมือนหลอดสั้นๆขาสีดำเม่นประเภทนี้ชอบออกหากินตามลำพังในตอนกลางคืน รักสงบ เวลาเจอศัตรูจะวิ่งหนี เพียงพอจวนตัวจะหยุดกึก สมุนไพร แล้วพองขนขึ้น ศัตรูที่ติดตามมาอย่างเร็วแม้หยุดไม่ทันก็จะโดนขนเม่นตำ และก็แม้ศัตรูใช้ตีนตะปบก็จะโดนขนเม่นตำเช่นกัน ได้รับความเจ็บปวดเจ็บมากมาย เมื่อศัตรูหนีจากไปแล้ว เม่นก็จะหลบเข้าโพรงไม้หรือโพรงดิน ขนเม่นที่หลุดออกไปจะมีขนใหม่ผลิออกขึ้นมาแทนที่ เม่นจำพวกนี้กินผัก หญ้าสด หน่อไม้ เปลือกไม้ ผลไม้ รวมทั้งกระดูกสัตว์ เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุราว ๒ ปี ตั้งท้องนาน ๔ เดือน ตกลุกทีละ ๑ -๓ ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย ลูกเม่นทารกมีขนที่อ่อน แม้กระนั้นเมื่อถูกอากาศข้างนอกขนจะเบาๆแข็งขึ้น อายุราว ๒๐ ปีเจอทางภาคใต้ของเมืองไทย ในต่างถิ่นพบที่มาเลเชียแล้วก็อินโดนีเซีย ๒. เม่นหางพวง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Atherurus macroura (Linnaeus) ชื่อสามัญว่า bush-tailed porcupine เม่นจำพวกนี้มีความยาวลำตัววัดจากปลายจมูกถึงโคนหาง ๔๐ – ๕๐ ซม. หางยาว ๑๕ – ๒๐ ซม. น้ำหนักตัว ๒.๕ – ๕ กิโล จมูกเล็ก มีหนวดยาว ใบหูเล็ก ลำตัวยาว ขาสัน มีขนแข็งปกคลุมทั่วตัว ขนบางส่วนแข็งแล้วก็ปลายแหลมมาก คล้ายหนาม ขนส่วนที่ยาวที่สุดอยู่รอบๆกึ่งกลางหลังขนแบน มีร่องยาวอยู่ข้างบน ตอนกึ่งกลางหางไม่ค่อยมีขน แต่ว่าเป็นเกล็ด โคนหางมีขนสั้นๆปลายหางมีขนขึ้นดกครึ้มเป็นกลุ่ม ดูเป็นพวง ขนดัตระหนี่ล่าวแข็งรวมทั้งคม ส่วนขนที่หัวรอบๆขาอีกทั้ง ๔ รวมทั้งรอบๆใต้ท้อง แหลม แต่ว่าไม่แข็ง ขาค่อนข้างสั้น ใบหูกลมและก็เล็กมาก เล็บเท้าเหยียดหยามตรง ทื่อ และก็แข็งแรงมาก เหมาะกับขุดดิน เม่นจำพวกนี้ออกหากินในช่วงเวลาค่ำคืน ช่วงเวลากลางวันมักซ่อนตัวอยู่ในโพรงดิน ตามโคนรากของต้นไม้ใหญ่ หรือตามซอกหิน มักออกหากินเป็นฝูง ใช้ขนเป็นอาวุธปกป้อง รับประทานหัวพืช หน่อไม้ เปลือกไม้ รากไม้ ผลไม้ แมลง เขารวมทั้งกระดูกสัตว์ ตกลูกทีละ ๓- ๕ ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย ลูกเม่นทารกมีขนอ่อนนุ่ม แต่ว่าจะต่อยๆแข็งขึ้นอายุราว ๑๔ ปี พบในทุกภาคของเมืองไทย ในต่างชาติพบทางภาคใต้ของจีน รวมทั้งที่ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย รวมทั้งอินโดนีเซีย (http://www.คลัง[b][u]สมุนไพร[/b][/u][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/porcupine-main_Full.jpg) ผลดีทางยา หมอแผนไทยใช้ขนเม่นที่สุมไฟให้ไหม้แล้วปรุงเป็นยาแก้ตานซาง แก้พิษรอยแดง พิษไข้ เชื่อมซึม กระเพาะอาหารของเม่นใช้ปรุงเป็นยารับประทานบำรุงน้ำดี ช่วยให้ไส้มีกำลังบีบย่อยของกิน พระตำราปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่ง เข้า“ขนเม่น” เป็นยาทาตัวเด็ก ดังนี้ ภาคหนึ่งยาทาตัวกุมารกันสรรพโรคทั้งผอง และจะเจ็บป่วยอภิฆาฏก็ดี โอปักกะไม่กาพาธก็ดี ท่านให้เอาใบมะชน รอยเปื้อนงูเห่า หอมแดง สาบแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมวัว ทาตัวกุมาร จ่ายมลทินโทษทั้งมวลดีนัก Tags : สมุนไพร
|