หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ ธันวาคม 07, 2017, 12:27:29 pm (http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1.jpg)
แมงมุม[/size][/b] แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์พวกแมงหลายประเภทในวงศ์ ทุกประเภทจัดอยู่ในอันดับ Araneae มีชื่อสามัญว่า spider รับประทานสัตว์เป็นอาหาร มีขนาดนาๆประการตามแต่จำพวก พวกที่ทีขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียงแค่ ๐.๗ เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ เซนติเมตร พวกที่พบตามบ้านเรือนรวมทั้งก่อความเปรอะเปื้อนรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายประเภท (สกุล pholcidae ) แมงกับแมลง ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายแตกต่าง และก็มักเรียกงงงวยกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายประเภท ซึ่งเมื่อเติบโตสุดกำลังแล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ ท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่ง กับส่วนท้องอีกส่วนใดส่วนหนึ่ง มีขา ๘ หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก อาทิเช่น แมงมุม แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตสุดกำลังแล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างเห็นได้ชัดหมายถึงส่วนหัว ส่วนอก แล้วก็ส่วนท้อง มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแต่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่ หรือเปล่ามีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากจำพวกที่สุดในโลก ดังเช่นว่า แมลงสาบ แมลงวัน ชีววิทยาของแมงมุม แมงมุมมีลำตัวแบ่งได้เป็น ๒ ส่วน ส่วนหัวกับส่วนอกชิดกันเป็นส่วนเดียวปกคลุมด้วยแผ่นแข็งอีกทั้งข้างหลังและด้านล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางประเภทอาจมีได้ถึง ๘ ตา อยู่ใกล้ๆกัน (ยกเว้นแมงมุมลางชนิดที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด อาทิเช่นในถ้ำ) ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่ มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมหนีบใช้หนีบ จับ หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้ มีปล้องฐานปล้องเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก นอกเหนือจากนั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่ทรงเหมือนขา แต่ว่าสั้นกว่าและมักแบนกว่า (มักรุ่งโรจน์ดีรวมทั้งเห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตสุดกำลังแล้วก็ในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด มีขา ๔ คู่ ที่ขามักมีโครงสร้างพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องอาจกลมหรือยาวสุดแต่จำพวกของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปล่อยใยได้ บริเวณข้างล่างของส่วนท้องข้อที่ ๒ แล้วก็ ๓ มีอวัยวะทำหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ภายในมีแผ่นบางๆเรียงทับกันเหมือนกระดาษหนังสือ แมงมุมส่วนมากที่ชาวไทยเห็นนั้น มักเป็นจำพวกถักใยกีดขวางผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยและก็ดิ้นรน แรงสั่นสะเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมเจ้าของรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามทิศทางของแรงกระเทือนนั้นเข้าพบเหยื่อ กัดเหยื่อ และก็ปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ ก่อนที่จะกินเป็นอาหาร แมงมุมในประเทศไทย แมงมุมที่พบในประเทศไทยมีมากมาย จัดอยู่ในหลายตระกูล แต่ว่าทุกสกุลจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน เป็น Araneae จำพวกที่เจอในประเทศไทยนั้น จำนวนมากไม่มีพิษแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บหรือตายได้ ดังเช่นว่า ๑.แมงใย หรือ ตัวใยแมงมุม เป็นแมงมุมที่พบตามอาคารบ้านเรือนรวมทั้งถักใยจนกระทั่งดูไม่สะอาดรวมทั้งรุงรัง มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล Pholcus หลายอย่าง (สกุล Pholcidae ) แมงมุมพวกนี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ ข้างหลังท้องสีมักเข้ม ลางประเภทมีลาย ส่วนมากมีลำตัวยาว ๔-๕ มม. ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ ซม. ทำให้ดูเกะกะรวมทั้งบอบบาง ก็เลยมีชื่อสามัญว่า daddy long-leg spider คนไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เนื่องจากถักใยทำให้รุงรังแล้วก็มีฝุ่นหรือเถ้าถ่านมาติด หยากไย่ที่แมงมุมกลุ่มนี้ถักทอไว้ภายในบ้าน โดยยิ่งไปกว่านั้นในห้องครัว หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีเขม่าไฟหรือขี้เถ้าติดอยู่ด้วยกัน หมอโบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก หญ้ายองไฟ ๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน มักพบตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่นา เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล Tetragnatha หลายชนิด (ตระกูล Tetragnathidae ) ซึ่งราษฎรเรียก แมงมุมทำหลาว เพราะเมื่อตกใจ แมงมุมเหล่านี้จะวิ่งไปหลบอยู่หลังใบไม้ ยื่นขา ๒ คู่แรกไปด้านหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว ดูเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งหลาวลงน้ำ แมงมุมเหล่านี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นอาหาร จัดเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกร ๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์ Heteropodae venatoria (Linnaeus ) จัดอยู่ในตระกูล Sparassidae มีชื่อสามัญว่า banana spider ( เพราะพบได้ทั่วไปแมงมุมก๋านี้ในคลังสินค้าเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกึ่งกลาง เพศผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒ ซม. ตัวเมียมีลำตัวยาว ๒.๕-๓ ซม. ขายาว ๕-๖ เซนติเมตร หัวกระทรวงอุตสาหกรรมขา แล้วก็ท้องสีน้ำตาล ตาสีคล้ำ ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำหนาพาดตามขวางข้างหน้า และแถบเป็นง่ามเหมือนรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พาดมาถึงกลาง บางทีอาจพบจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด มีขนสีน้ำตาลอ่อนบริเวณหน้าและก็ขา ทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว แมงมุมจำพวกนี้ไม่ถักใย ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง พบอาศัยอยู่ตามบ้านช่องหรือตามโรงเก็บของ เป็นแมงมุมที่เป็นประโยชน์ ด้วยเหตุว่าชอบรับประทานแมลงสาบ ๔.แมงมุมมดแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myrmarachne formicaria Linnaeus จัดอยู่ในตระกูล Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น พบได้บ่อยแล้วก็มีชุกตามจังหวัดชายหาด ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดชลบุรีหรือระยอง มีรูปร่าง ขนาด และสีสันใกล้เคียงกับมดแดง และก็ชอบอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แต่ว่าแตกต่างตรงที่เมื่อแมงมุมพวกนี้กระโจน จะถักใยทิ้งตัวเพื่อเคลื่อนย้ายได้ เมื่อพิจารณาอย่างพิถีพิถันจริงจัง จะพบว่าจำนวนขาแล้วก็ลักษณะอื่นๆต่างจากมดแดง (http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/Spider.jpg) คุณประโยชน์ทางยา หมอแผนไทยรู้จักใช้ “หญ้ายองไฟ”แล้วก็ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ๑.หญ้ายองไฟ หมอแผนไทยรู้จักใช้หยากไย่แมงมุมเหนือเตาไฟในห้องครัวของบ้านไทยในบ้านนอกอดีต (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน) ใยแมงมุมแมงมุมที่มีเขม่า ขี้เถ้า และฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ หมอโบราณเรียก หญ้ายองไฟ ลางแบบเรียนเรียกเป็น ใยแมงมุมไฟ หรือ หยากไย่ไฟ ก็มี ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url][/color] ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า หญ้ายองไฟมีรสเค็ม เฝื่อน มีคุณประโยชน์แก้โลหิต ฟอกโลหิต กระจัดกระจายเลือดอันเป็นลิ่มเป็นก้อน ขับโลหิตประจำเดือน หนังสือเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “หญ้ายองไฟ” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา ๒ ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันเกิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกไว้ภายในพระหนังสือไกษย ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเล่า หากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง ให้เอาพริกเทศ ๑๐๘ เม็ด พริกล่อน ๑๐๘ เม็ด ผักกะซึมซับเอาทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้าไซย้อย ๑ ต้นหญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท ต้นหญ้ายองไฟ ๑ บาท ไพลแห้ง[/b] ๑ บาท ตำเปนผง ละลายน้ำเหล้าน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้ ยักน้ำกระสายให้ชอบโรคนั้นเถิด อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตของสตรีซึ่งมีบันทึกเอาไว้ใน พระตำรามหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑ แก่นแสมทเล ๑ ต้นหญ้ายองไฟ ๑ ขมิ้นอ้อย[/b] ๑ บดละลายเหล้ารับประทาน ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาลางขนาน เจ้าของตำรับบางทีอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปริศนาให้แปลความหมายกันเอาเอง ยกตัวอย่างเช่น ยาแก้บิดขนานหนึ่ง ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน กินตีนท่า อยู่หลังคา ขี้คารู คู่อ้ายบ้า” ซึ่งหมายถึง “รากเจตมูลเพลิงเเดง[/color] ๑ ผักเป็ด[/b] ๑ หญ้ายองไฟ ๑ คนติดยาฝิ่น ๑ สุราเป็นน้ำกระสาย” ๒. แมงมุมตายซาก หมอแผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท ไม่เน่าและไม่ขึ้นรา เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน อย่างเช่น “ยานากพด” ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ภายในพระหนังสือปฐมจินดาร์ ดังนี้ ยาชื่อนากพด ท่านให้เอาใบหนาด ๑ พริกไทย[/color] ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ ขิง ๑ รังหมาร่าเผา ๑ แมงมุม[/b]ตายซาก ๑ ลำพัน ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน บดทำแท่งไว้ แก้ทรางทั้งสิ้น แก้ละอองพระบาท แก้สะพั้น ทั้งยังรับประทานทั้งยังชะโลมดีนัก
|