ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: teareborn ที่ ธันวาคม 11, 2017, 07:05:48 pm



หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง
เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ ธันวาคม 11, 2017, 07:05:48 pm
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.jpg)
มดแดง[/b]
มดแดงเป็นมด มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในวงศ์ Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญคือ  รอบๆส่วนท้องคอดกิ่วขณะที่ตืดกับอกทางข้างหลังของส่วนท้องข้อที่ ๑  หรือในมดบางจำพวกศูนย์รวมไปถึงบ้องที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงมากขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้มดแตกต่างไปจากกลุ่มแมลงที่ดูคล้ายคลึงกัน  อย่างเช่น  พวกต่อและก็แตน หรือแตกต่างไปจากปลวกที่คนทั่วไปมักงงงวยกัน โดยมองเห็นมดกับปลวกเช่นกันไปหมด เว้นเสียแต่ไม่เสมือนมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะข้อแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยการทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่โดดเดี่ยว ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ แล้วก็เพศต่างกัน พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นบิดารัง และมดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติหน้าที่สร้างรัง เลี้ยงรัง และก็เฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะต่างกันออกไปอีก
ตัวอย่างเช่น มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็อาจปฏิบัติภารกิจทำรังรวมทั้งเลี้ยงรัง พวกนี้มีร่างกายขนาดธรรมดา หัว อก รวมทั้งท้องได้สัดส่วนกัน แต่ในเวลาเดียวกันอาจเจอมดงานซึ่งทำหน้าที่เฝ้ารัง มดเหล่านี้นอกจากตัวใหญ่มากยิ่งกว่ามดงานปกติอย่างมากแล้ว ยังมีหัวโต ฟันกรามใหญ่ มิได้รูปทรงกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดเพศผู้และมดตังเมียซึ่งเป็นบิดารังและแม่รังนั้น อาจพบได้ทั้งพวกที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดเท่าๆกับมดงานก็มี แต่มดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าตัวผู้แล้วก็มดงาน อาจสังเกตมดเพศผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังรวมทั้งมดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก กระทั่งบางโอกาสแทบไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดพ่อรังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น ลักษณะของปีกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างชัดเจน พูดอีกนัยหนึ่ง ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่หลังมากมาย รูปร่างของปีกคู่หน้าแล้วก็ปีกคู่หลังก็แตกต่างกัน รวมทั้งที่สำคัญคือมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่ข้างหลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน แล้วก็รูปร่างของปีกก็คล้ายกัน เส้นปีกมีมากยิ่งกว่าเส้นปีกของมดมาก มองเห็นเป็นลวดลายเต็มไปตลอดปี
(http://www.คลัง[b][b]สมุนไพร[/b][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/semut-rangrang.jpg)
สมุนไพร ในขณะนี้มีการราวกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐จำพวก ชาวไทยต่างรู้จักดีกับมดเป็นอย่างดี เพราะมีมดหลายชนิดอาศัยตามบ้านที่พัก หรือในบริเวณใกล้เคียงกัยอาคารบ้านเรือน การเรียกชื่อมดของคนไทยบางทีอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า เป็นต้นว่า มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เนื่องจากว่ามีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งสติไม่ดีไปเป็นมด ฯลฯ มดบางจำพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากถูกมดนั้นกัด เช่น มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะก่อให้รู้สึกคันในรอบๆแผลที่กัด  หรือมัดคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด เว้นเสียแต่มีอาการคันแล้ว ยังมีลักษณะแสบร้อนเหมือนถูกไฟลวก
บางจำพวกก็เรียกตามลักษณะท่าทางที่มดแสดงออก เป็นต้นว่า มดตะลีตะลาน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ชอบวิ่งเร็วรวมทั้งวิ่งพล่านไป เปรียบเหมือนวิ่งดัวยความตกใจ  มดจำพวกนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่สติไม่ดีเป็นมดตาลานก็มี หรือมดตูดงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักชูท้องอืดสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้มองเหมือนตูดงอล  ฯลฯ
มดบางจำพวกเป็นมดที่พลเมืองตามท้องถิ่นใช้บริโภค  ก็เลยเรียกไปตามรสชาติยกตัวอย่างเช่น  ทางภาคเหนือ  อันเช่น  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  จังหวัดลำพูน  จังหวัดเชียงราย  เชียงใหม่  ฯลฯ  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งชาวบ้านบางถิ่นนิยมกินกันเพราะเหตุว่ามีรสชาติมันและอร่อย  ก็เลยเรียกชื่อตามรสนั้น แต่  มีมดบางชนิดที่ประชาชนไม่ได้รัชูชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้ายกตัวอย่างเช่น เสี้ยนดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดประเภทหนึ่งที่ทำลายกัดกินฝักถั่งลิสงที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เช่นเดียวกับแมลงชนิดอื่นที่อาจมีการรัยกชื่อฟั่นเฟือนไปตามท้องภิ่นได้แก่  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) คนต่างจังหวัดในแคว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อันอย่างเช่น  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ จังหวัดนครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานีเรียกแม่เป้งเวลาที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  อย่างเช่น  จังหวัดชุมพร  สุราษฎร์  สงขา  นครศรีธรรมราช  ภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่พ่อรังและก็แม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังแล้วก็ผสมพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดตัวผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งเตรียมทำรังใหม่ก็จะหาที่พักอิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอคอยจวบจนกระทั่งไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนจนถึงเข้าดักแด้  รวมทั้งอกกมาเป็นตัวโตเต็มกำลังแปลงเป็นมดงานที่เลี้ยงแม่ต่อไป  เมื่อมดงานปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่วางไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังอาจทำโดยการวางไข่ที่ไม่เหมือนกัน  ตัวอย่างเช่น  ขนาดไม่เหมือนกัน  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังรวมทั้งมดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดตัวผู้หรือมดบิดารัง  ลักษณะของวงจรชีวิตแบบงี้ไม่เหมือนกับปลวก  เพราะว่าปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อและแม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  พ่อรังมักมีชืวิตอยู่แล้วก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งตระเตรียมวางไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานที่สามารถดำเนินการเลี้ยงดูพ่อแม่ได้โดยไม่ต้องคอยให้โตเต็มที่เสียก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกทำรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  เช่นมดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายทำรังใกล้กับไม้ที่อาศัย  ตัวอย่างเช่นมดลี่หรือมดตูดงอล  บางพวกทำรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนเหมือนรังปวก  ได้แก่มดมันหรือแมลงมัน  รังของมดจึงมัลักษณะของสิ่งของที่สร้าง  โครงสร้าง  และรูปร่างนานับประการเยอะแยะให้เห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  เมื่อไข่แก่ก็จะตกไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกลุ่มติดกับใบไม้ด้านในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะรุ่งโรจน์ไปเป็นมดงานรวมทั้งมดแม่รังส่วนไข่ที่ไม่ได้รับผสมจะเจริญก้าวหน้าไปเป็นมดตัวผู้  เมื่อไข่เจริญขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในเดี๋ยวนี้บางทีอาจทานอาหารและก็ขยับตัวได้เล็กน้อย  แล้วต่อจากนั้นก็กลายเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวสมบูรณ์เต็มวัยทั้งหมดทุกอย่าง ขาแล้วก็ปีกเป็นอิสระจากลำตัว  และหยุดรับประทานอาหาร  แล้วหลังจากนั้นก็จะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  รวมทั้งที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มกลายเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัย๓ วรรณะได้แก่
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มม.  สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลปนแดงหัวแล้วก็อกสีน้ำตาลคล้ายมดงาน  แต่หัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกบ้องแรกตรงอกบ้องที่ ๓ ทู่ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ปฏิบัติหน้าที่แพร่พันธุ์  รังหนึ่งอาจพบมดแม่รังหลายตัว  แต่จะมีเพียงตัวเดียวเพียงแค่นั้นที่จะผสมพันธุ์ได้
๒. มดตัวผู้  มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  ฟันกรามแคบตาพอง  หนวดเป็นแบบด้าย  มี ๑๓ ปล้อง  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดค่อยๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกปล้องที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีหน้าที่สืบพันธุ์พียงอปิ้งเดียว  อายุสั้นมากมาย  เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร  กว้าง ๑.๕– ๒ มม.  สีแดงหัวและก็อกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ข้างล่างแคบ  กรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนต่อไปแคบ  อกข้อที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกข้อที่ ๓ คอด  เหมือนอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีหน้าที่หาร  ทำรัง  และคุ้มครองปกป้องศัตรู
ผลดีทางยา
แบบเรียนสรรพคุณยาบาราณว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  ดมแก้ลมแก้พิษเสลดโลหิต ชาวบ้านบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่บริเวณปากแผลที่ถูกงูมีพิษกัด  ให้มดต่อยที่รอบๆนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือเฉือนเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำซ้ำๆไปเรื่อยจชูว่าใกล้จะถึงมือแพทพ์  บางโอกาสบางทีอาจจะต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง นอกเหนือจากนี้  ราษฎรบางถิ่นยังอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดรอยแผลได้โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกำเนิดบาดแผลขึ้น  และไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำความสะอาดบาดแผลหรือหายาใส่แผลได้  เป็นต้นว่า  เมือ่อยู่ในป่าหรือในทุ่งนา  ก็บางทีอาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของรอยแผล)  วางไว้บริเวณปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมากมาย
พระคู่มือธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “โรคฝีในท้อง ๗ ประการ”  อันกำเนิดบางทีอาจ “หนองทุพพลภาพหรือแตก” ซึ่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการไอ  ซูบซีด  เบื่ออาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ปุพ์โพ  เป็นหนองพิการหรือแตก ให้ไอเป็นอันมาก  ให้กายผอมโซหนัก  ให้รับประทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  หากจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาทั้งยัง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักแล้วก็ธาตุเบาจ่ายบุมีดพร้ายซะก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสมหะก็ได้
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ