ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: powad1208 ที่ ธันวาคม 23, 2017, 08:54:37 am



หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม
เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ ธันวาคม 23, 2017, 08:54:37 am
(http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1.jpg)
แมงมุม[/size][/b]
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์ประเภทแมงหลายประเภทในวงศ์ ทุกชนิดจัดอยู่ในชั้น  Araneae  มีชื่อสามัญว่า spider กินสัตว์เป็นอาหาร มีขนาดแตกต่างกันไปตามแต่ประเภท  พวกที่หนขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียงแค่ ๐.๗  ซม. ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ ซม. พวกที่เจอตามบ้านช่องและก็ก่อความเลอะเทอะรกรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลากหลายประเภท (สกุล  pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” มีความหมายแตกต่าง และก็มักเรียกงงกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายประเภท ซึ่งเมื่อเติบโตสุดกำลังแล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ ท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่ง กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่ง มีขา ๘  หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก เป็นต้นว่า แมงมุม  แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างชัดเจนเป็นท่อนหัว ส่วนอก รวมทั้งส่วนท้อง  มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแค่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่  หรือเปล่ามีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากประเภทที่สุดในโลก ได้แก่ แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งได้  ๒  ส่วน  ส่วนหัวกับส่วนอกติดกันเป็นส่วนเดียวปกคลุมด้วยแผ่นแข็งอีกทั้งด้านหลังและก็ด้านล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางชนิดอาจมีได้ถึง  ๘  ตา อยู่ใกล้ๆกัน  (นอกจากแมงมุมลางประเภทที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด อาทิเช่นในถ้ำ)  ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่  มีรูปร่างคล้ายปากคีบหรือคีมคีบใช้คีบ  จับ  หรือยึดเหยื่อเป็นของกินได้  ประกอบด้วยข้อฐานปล้องเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก  ยิ่งกว่านั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่รูปทรงเหมือนขา แม้กระนั้นสั้นกว่าและมักแบนกว่า (มักเจริญรุ่งเรืองดีและก็เห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตสุดกำลังรวมทั้งในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด  มีขา ๔ คู่  ที่ขามักมีส่วนประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ อาทิเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องบางทีอาจกลมหรือยาวสุดแท้แต่ประเภทของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปลดปล่อยใยได้  รอบๆด้านล่างของส่วนท้องบ้องที่  ๒  แล้วก็ ๓ มีอวัยวะทำหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ภายในมีแผ่นบางๆเรียงซ้อนกันเหมือนกระดาษหนังสือ แมงมุมส่วนใหญ่ที่ชาวไทยมองเห็นนั้น  มักเป็นจำพวกถักใยกีดกั้นผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยและดิ้นรน  แรงสะเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมเจ้าของรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามแนวทางของแรงสั่นสะเทือนนั้นเข้าพบเหยื่อ กัดเหยื่อ แล้วก็ปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ  ก่อนจะกินเป็นอาหาร
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมาก  จัดอยู่ในหลายตระกูล  แต่ทุกวงศ์จัดอยู่ในชั้นเดียวกัน หมายถึง Araneae  ประเภทที่พบในประเทศไทยนั้น  ส่วนใหญ่ไม่มีพิษร้ายแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บหรือตายได้  เป็นต้นว่า
๑.แมงใย หรือ ตัวใยแมงมุม  เป็นแมงมุมที่เจอตามบ้านที่พักและก็ถักใยกระทั่งดูเลอะเทอะรวมทั้งรกรุงรัง  มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล  Pholcus หลายชนิด (ตระกูล Pholcidae )  แมงมุมพวกนี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ หลังท้องสีมักเข้ม ลางประเภทมีลาย ส่วนใหญ่มีลำตัวยาว ๔-๕  มิลลิเมตร ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ เซนติเมตร  ทำให้มองเก้งก้างและบอบบาง  จึงมีชื่อสามัญว่า  daddy  long-leg  spider  คนประเทศไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมขี้เถ้า เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รกและมีฝุ่นละอองหรือเถ้าถ่านมาติด หยากไย่ที่แมงมุมเหล่านี้ถักทอเอาไว้ในบ้าน  โดยเฉพาะในห้องครัว  หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีเขม่าไฟหรือเถ้าถ่านติดอยู่ด้วยกัน หมอโบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก ต้นหญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน  พบได้ทั่วไปตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนนา  เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล  Tetragnatha  หลายแบบ  (สกุล Tetragnathidae ) ซึ่งชาวบ้านเรียก แมงมุมทำหลาว  เพราะเมื่อตระหนกตกใจ  แมงมุมเหล่านี้จะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังใบไม้  ยื่นขา ๒ คู่แรกไปด้านหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปด้านหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว มองคล้ายผู้ที่เตรียมพุ่งหลาวลงน้ำ แมงมุมพวกนี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นของกิน จัดเป็นสัตว์ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์  Heteropodae  venatoria  (Linnaeus ) จัดอยู่ในสกุล Sparassidae  มีชื่อสามัญว่า  banana  spider ( เพราะว่าพบบ่อยแมงมุมก๋านี้ในโรงเก็บของเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกึ่งกลาง เพศผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒  ซม.  ตัวเมียมีลำตัวยาว  ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ เซนติเมตร หัวกระทรวงอุตสาหกรรมขา รวมทั้งท้องสีน้ำตาล  ตาสีคล้ำ  ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำหนาพิงตามทางขวางด้านหน้า แล้วก็แถบเป็นง่ามเหมือนรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พิงมาถึงตรงกลาง  อาจพบจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด  มีขนสีน้ำตาลอ่อนบริเวณหน้าและก็ขา  ทำให้ดูน่าสยดสยอง แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย  ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง  เจออาศัยอยู่ตามบ้านที่พักหรือตามคลังสินค้า เป็นแมงมุมที่มีคุณประโยชน์  ด้วยเหตุว่าถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Myrmarachne  formicaria  Linnaeus  จัดอยู่ในตระกูล  Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเอาอย่างสัตว์อื่น  มักพบรวมทั้งมีชุกตามจังหวัดหาดทราย  ดังเช่น  ชลบุรีหรือระยอง มีรูปร่าง   ขนาด  และก็สีสันใกล้เคียงกับมดแดง  แล้วก็ชอบอาศัยปนเปอยู่กับมดแดง แต่ว่าแตกต่างกันตรงที่เมื่อแมงมุมเหล่านี้กระโดด  จะถักใยทิ้งตัวเพื่อเปลี่ยนที่ได้  เมื่อสังเกตอย่างรอบคอบมุ่งมั่น จะพบว่าจำนวนขารวมทั้งลักษณะอื่นๆต่างจากมดแดง
(http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/Spider.jpg)
ประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้ “หญ้ายองไฟ”และ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้
๑.หญ้ายองไฟ  แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ใยแมงมุมแมงมุมเหนือเตาไฟในครัวของบ้านไทยในบ้านนอกสมัยเก่า (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน)  ใยแมงมุมแมงมุมที่มีเขม่า เถ้า  แล้วก็ฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ หมอโบราณเรียก  หญ้ายองไฟ  ลางตำราเรียนเรียกเป็น  ใยแมงมุมไฟ  หรือ  หยากไย่ไฟ  ก็มี  ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร [/b]หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า  ต้นหญ้ายองไฟมีรสเค็ม  เฝื่อนฝาด  มีสรรพคุณแก้โลหิต  ฟอกเลือด  กระจัดกระจายโลหิตอันเป็นลิ่มเป็นก้อน  ขับโลหิตรอบเดือน
แบบเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “ต้นหญ้ายองไฟ”  เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา  ๒  ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันกำเนิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ในพระคู่มือไกษย  ดังนี้ ขนานหนึ่งเล่า  ถ้าหากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง  ให้เอาพริกเทศ  ๑๐๘  เม็ด  พริกล่อน  ๑๐๘  เม็ด  ผักกะดูดซึมเอาทั้งยังต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท  ต้นหญ้าไซห้อย  ๑  ต้นหญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท  หญ้ายองไฟ  ๑  บาท  ไพลแห้ง[/b]  ๑  บาท  ตำเปนผง  ละลายน้ำสุราน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้  ยักกระสายให้ชอบโรคนั้นเถิด อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับเลือดของสตรีซึ่งมีบันทึกไว้ภายใน  พระตำรามหาโชตรัต ดังนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑   แก่นแสมทเล  ๑  หญ้ายองไฟ  ๑  ขมิ้นอ้อย[/b]  ๑  บดละลายเหล้ากิน  ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาลางขนาน  เจ้าของตำรับบางทีอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปัญหาให้ตีความหมายกันเอาเอง  ดังเช่น  ยาแก้บิดขนานหนึ่ง  เจ้าของยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน  รับประทานตีนท่า  อยู่หลังคา  ขี้ติดอยู่รู  คู่อ้ายบ้า”  ซึ่งก็คือ “รากเจตมูลเพลิงเเดง[/color]  ๑  ผักเป็ด[/b] ๑  ต้นหญ้ายองไฟ ๑  คนติดยาฝิ่น  ๑  สุราเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก  หมอแผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท  ไม่เน่าและไม่ขึ้นรา  เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน  อาทิเช่น  “ยานากพด”  ซึ่งมีบันทึกไว้ภายในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์  ดังนี้ ยาชื่อนากพด  ท่านให้เอาใบหนาด  ๑  พริกไท[/color]  ๑  เบี้ยจั่นเผา  ๑  ขิง ๑  รังสุนัขร่าเผา  ๑  แมงมุม[/b]ตายซาก  ๑  ลำพัน  ๑  รวมยา  ๗  สิ่งนี้เอาเท่าเทียม  บดทำแท่งไว้  แก้ทรางทั้งปวง  แก้ละอองพระบาท  แก้สะพั้น  ทั้งรับประทานทั้งชะโลมดีนัก

Tags : สมุนไพร
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ