หัวข้อ: ความรู้เบื้องต้นเรื่องยางรถยนต์ เริ่มหัวข้อโดย: SMB_Marketing ที่ สิงหาคม 23, 2012, 09:31:10 am ยางรถยนต์ที่เราใช้กัน มีหน้าที่สำคัญ 4 ประการ คือ รับน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุก, ลดแรงกระแทกและสั่นสะเทือนจากถนน, ถ่ายทอดพลังงานขับเคลื่อนสู่ถนน และทำให้รถเปลี่ยนทิศทางตามต้องการ โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ เนื้อยาง (Tread), โครงยาง (Carcass) ทำจากโพลีเอสเตอร์, ผ้าใบเสริมความแข็งแรงหน้ายาง (Breaker), เข็ดขัดรัดหน้ายาง ซึ่งเป็นเส้นลวดเหล็กกล้า (Belt) และ ขอบยาง (Bead) ส่วนลักษณะของดอกยางจะมี 2 แบบคือ สมมาตร (Symmetrical) และ ไม่สมมาตร (Asymmetrical)
สำหรับรหัสชนิดของยาง แบ่งตามลักษณะการใช้งานเป็นหลัก เช่น H/P (High Way Performance), H/L (High Way Luxury), H/T (High Way Terrain), A/T (All Terrarin) และ M/T (Mud Terrarin) ส่วนรหัสบนแก้มยางนั้น จะใช้บอกรายละเอียดและคุณสมบัติของยาง โดยมีความหมายดังนี้ ตัวอย่างที่ 1 ยางรถยนต์นั่ง 205/45 R 17 91V 205 : ความกว้างของยาง หน่วยเป็นมิลลิเมตร 45 : อัตราส่วนขนาดยาง (65%) ของความกว้างยาง R : โครงสร้างของยางเป็นแบบเรเดียล 17 : เส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ หน่วยเป็นนิ้ว 91 : ดัชนีในการรับน้ำหนักของยาง (615 กก./เส้น) V : ขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยาง (240 กม./ชม.) ตัวอย่างที่ 2 ยางรถเพื่อการพาณิชย์ 215/65 R 16 C 109/107Q 8PR 215 : ความกว้างของยาง หน่วยเป็นมิลลิเมตร 65 : อัตราส่วนขนาดยาง (75%) ของความกว้างยาง R : โครงสร้างของยางเป็นแบบเรเดียล 16 : เส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ หน่วยเป็นนิ้ว C : เป็นยางชนิดที่ใช้กับกิจการขนส่ง (Commercial) 109 : ดัชนีในการรับน้ำหนักของยางในกรณีที่เป็น ล้อเดี่ยว (1,030 กก./เส้น) 107 : ดัชนีในการรับน้ำหนักของยางในกรณีที่เป็น ล้อคู่ (975 กก./เส้น) Q : ขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยาง (160 กม./ชม.) 8PR : อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 8 ชั้น ตัวอย่างยางที่ 3 ยางรถกระบะ/SUV 31x10.5 R 15 LT 6PR 31 : เส้นผ่านศูนย์กลางยาง หน่วยเป็นนิ้ว 10.5 : ความกว้างของยาง หน่วยเป็นนิ้ว R : โครงสร้างของยางเป็นแบบเรเดียล 15 : เส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ หน่วยเป็นนิ้ว LT : ชนิดของรถยนต์ ในที่นี้คือรถแบบ Light Truck 6PR : อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 6 ชั้น ทั้งนี้การเลือกยาง ต้องคำนึงถึง Offset ของกระทะล้อ หรือระยะห่างระหว่างเส้นกึ่งกลางของกระทะล้อ (Center Line of Rim) กับหน้าแปลนดุมล้อ (Hub Disc) ด้วย ซึ่งถ้าออฟเซทมีค่ามากขึ้น จะทำให้แก้มยางเข้าใกล้ตัวรถมากขึ้น ในขณะที่ค่าออฟเซทน้อยลง แก้มยางจะห่างจากตัวรถมากขึ้น หรือล้อล้นนั่นเอง
|