หัวข้อ: นมผึ้งและก็คุณค่าที่น่ารู้และก็จำเป็นต้องทดลองหามาทานซักครั้ง เริ่มหัวข้อโดย: suChompunuch ที่ ธันวาคม 31, 2017, 02:07:54 am นมผึ้ง ได้ผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นของกินหลักของผึ้งราชินีแล้วก็ตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับการเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม หรือแม้กระทั่งเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงแล้วก็เครื่องแต่งตัว
นมผึ้ง นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักราว 60-70% รวมทั้งอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆดังเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งกรดอะมิโน ยิ่งไปกว่านี้ ยังเจอสารอื่นในนมผึ้ง อย่างเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่สำหรับในการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกรวมทั้งกลไกรูปแบบการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ดังเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ แล้วก็ลักษณะอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งต่างกันออกไป คนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน ฯลฯ ทั้งยังยังเชื่อกันอีกว่าหากนำนมผึ้งทาที่หนังศีรษะอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างพวกนี้จะเป็นจริงหรือเปล่า รวมทั้งมีหลักฐานด้านการแพทย์มาดน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองคุณประโยชน์ คุณประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคกลุ่มนี้ ประโยชน์ของนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย ทุเลาอาการวัยทอง อาการวัยทองเป็นปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นกับหญิงวัยกลางคน ทำให้เกิดอาการหลายอย่าง อาทิเช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ ฯลฯ อาการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แม้กระนั้นสารหล่อลื่นส่วนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงชั่วครั้งคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณสมบัติต้านจุลชีพ (Antimicrobial Activity) รวมทั้งมีคุณลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการเล่าเรียนโดยให้ผู้หญิงวัยทองที่แต่งงานแล้วอายุ 50-65 ปี จำนวน 90 คน กลุ่มหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กรุ๊ปหนึ่งใช้ฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนชนิดครีมแบรนด์หนึ่ง แล้วก็อีกกรุ๊ปใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของหญิงวัยทองได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนประเภทครีมรวมทั้งสารหล่อลื่น ซึ่งจากผลของการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและบรรเทาอาการวัยทองที่เกี่ยวกับช่องคลอดของเพศหญิงวัยทอง แล้วก็ทางผู้ทำการวิจัยยังได้เจาะจงอีกว่าถ้าเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีก็อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นได้ ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นเป็นกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) รวมทั้งสารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าที่ให้เพศหญิงวัยทองร่างกายแข็งแรงปริมาณ 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มก. ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคเส้นโลหิตแล้วก็หัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดทั้งก่อนแล้วก็หลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (LDL) น้อยลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดน้อยลง 3.09% และก็ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% จากผลของการทดลองอาจพูดได้ว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดแล้วก็บางทีอาจเป็นหนทางหนึ่งในการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะไขมันในเลือดสูง นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกการเรียนหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีสภาวะไขมันในเลือดสูงจำพวกไม่รุนแรงจำนวน 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือนก็บ่งบอกถึงถึงระดับไขมันในเลือดที่น้อยลงเช่นกัน ทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) แล้วก็ลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดรวมทั้งหัวใจได้อีกด้วย บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน อาการก่อนมีประจำเดือนมักมีผลในทางลบกับสุขภาพของเพศหญิง บางครั้งบางคราวการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยทุเลาให้อาการต่างๆดีขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตหมอปริมาณ 110 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีรอบเดือน และกินสม่ำเสมอกระทั่งหมดระดูในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีประจำเดือนลดลง จากผลของการทดลองอาจจะกล่าวว่าการกินนมผึ้งติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน บางทีอาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีเมนส์ได้ รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในคนไข้โรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี ส่วนมากจะพบแผลโรคเบาหวานที่บริเวณเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิ้วโป้งเท้าแล้วก็ปลายอุ้งเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติภารกิจต้านทานอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ จึงคาดว่าบางครั้งอาจจะช่วยรักษาแผลเบาหวานได้ จากการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งให้คนเจ็บที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการดูแลรักษาหลักตามปกติ ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลรวมทั้งปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกปลอดเชื้อโรคตรงเวลา 3 เดือนหรือจวบจนกระทั่งแผลจะหาย และก็มีการวัดผลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันจึงทำให้แผลหายดี และค่าเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง และก็ความลึกของแผลลดลงวันละ 0.35 มม. 0.28 มม. แล้วก็ 0.11 มิลลิเมตรตามลำดับ จากผลการค้นคว้าอาจจะกล่าวว่านมผึ้งอาจมีความสามารถเป็นโอกาสหนึ่งในการรักษาแผลโรคเบาหวานควบคุ่ไปกับการดูแลและรักษาหลัก แต่ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดลองเพียง 8 คนซึ่งบางครั้งก็อาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวาน แต่ว่าการศึกษาชิ้นหนึ่งได้บอกให้เห็นคำตอบของนมผึ้งที่ต่างกันออกไป โดยให้คนที่มีแผลเบาหวานป้ายยาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลตรงเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเช่นเดียวกัน แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่านมผึ้งมีประสิทธิภาพสำหรับในการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก เพราะเหตุว่าการศึกษาเล่าเรียนทั้งยัง 2 ชิ้นข้างต้นบอกให้เห็นคำตอบของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน จึงบางทีอาจยังไม่สามารถสรุปความสามารถของนมผึ้งในการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างแจ่มแจ้ง ก็เลยต้องเล่าเรียนเพิ่ม ทุเลาอาการอ่อนเพลียจากโรคมะเร็ง อาการเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดูแลรักษาทั้งการฉายรังสีหรือวิธีการทำเคมีบำบัด มักมีผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย แล้วก็คุณภาพชีวิตของคนป่วย ซึ่งการกินยา การบำบัด หรือการออกกำลังกายบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการลงได้ รวมทั้งการทานอาหารเสริม ดังเช่นว่า นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการด้วยเหมือนกัน จึงสอดคล้องกับการศึกษาหนึ่งที่ให้คนป่วยโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากลุ่มที่กินน้ำผึ้งแปรรูปและนมผึ้งขนาด 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีอาการอ่อนล้าจากโรคมะเร็งดียิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นที่จะต้องเรียนเพิ่มเติมอีกถึงบทบาทที่แท้จริงของนมผึ้งสำหรับเพื่อการทุเลาอาการเหน็ดเหนื่อยจากโรคมะเร็ง รักษาไข้ละอองฟาง โรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสนองตอบอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนเจ็บมีลักษณะคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ ฯลฯ ซึ่งจากการศึกษาเล่าเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่ไม่สบายละอองฟาง จำนวน 80 คน กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยการใช้การกินสินค้าที่มีส่วนผสมของนมผึ้งและก็อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และกระทั่งจะสิ้นสุดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าอีกทั้ง 2 กรุ๊ปยังคงพบอาการของไข้ละอองฟาง และหรูหราความร้ายแรงของอาการที่ไม่ต่างกันมากเท่าไรนัก จากผลวิจัยอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งอาจไม่มีคุณภาพต่อการรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดีขึ้นได้ จึงยังจึงควรศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาไข้ละอองฟางที่แจ่มชัดเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานนมผึ้ง การกินนมผึ้งออกจะปลอดภัยถ้าหากรับประทานในจำนวนที่สมควร แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นผลข้างๆได้ ดังเช่นว่า เลือดออกในไส้ ปวดท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด ฯลฯ บางรายถ้าเกิดมีลักษณะอาการแพ้อย่างหนักอาจจะก่อให้มีลักษณะโรคหอบหืด คอบวม หรือถึงกับตาย ทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างปลอดภัย แต่ไม่ควรทาบริเวณหนังหัวเพราะเหตุว่าอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีอาการอักเสบ Tags : นมผึ้ง
|