หัวข้อ: สัตววัตถุ ปูทะเล เริ่มหัวข้อโดย: Posthizzt555 ที่ มกราคม 06, 2018, 03:02:20 pm (http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5.jpg)
ปูทะเล[/b] ปูทะเลเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในชั้นครัสเตเชีย ที่พบในประเทศมีอย่างต่ำ ๓ จำพวก ทุกประเภทจัดอยู่ในสกุล Portunidae เป็น ๑.ปูดำ หรือ ปูแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla serrata (forsskal) จำพวกนี้พบตามป่าชายเลนทั่วๆไป ๒.ปูขาว หรือ ปูทองหลาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla oceanic dana ประเภทนี้พบตามพื้นสมุทรทั่วๆไป ๓.ปูเขียว หรือ ปูทองโหลง หรือ ปูลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla transquebarica Fabricius ประเภทนี้พบตามพื้นทะเลทั่วไปทั้ง ๓ ประเภทมีลักษณะคล้ายกัน แต่ว่าแตกต่างด้านสีแล้วก็หนามที่ขอบกระดองแล้วก็สภาพถิ่นอาศัย จนถึงนักวิชาการลางสำนักจัดเป็นประเภทเดียวกันหมด คือ Scylla serrata (Forsskal) ชีววิทยาของปูทะเล ปูทะเลอาจมีกระดองขนาดกว้างได้ถึง ๒๐ เซนติเมตร มีลำตัวที่แบ่งได้ ๒ ส่วนเป็นส่วนหัวที่เชื่อมรวมกับอกมีกระดองเป็นเปลือกคลุมอยู่ด้านบน กับส่วนท้องที่พับแนบติดกับลำตัวทางข้างล่าง ประชาชนเรียกส่วนนี้ว่า กระจับปิ้ง ซึ่งในเพศผู้จะเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ ส่วนในตัวเมียจะแผ่กว้างออกเป็นรูปโค้งกลม มีขา ๕ คู่ คู่แรกแปรไปเป็นก้ามใหญ่ ใช้จับเหยื่อและก็ปกป้อง และก็ตัวผู้ใช้จับภรรยาเวลาสืบพันธุ์ ขาคู่ที่ ๒-๕ มักมีปลายแหลม ใช้สำหรับคลานหรือเดิน ส่วนขาในที่สุดของปูทะเลจะแบนเป็นกรรเชียง ช่วยสำหรับการว่ายน้ำ ปูทะเลหายใจโดยเหงือกซึ่งมีลักษณะเหมือนฟองน้ำ ชาวบ้านเรียก นมปู มองเห็นได้เมื่อเปิดกระดองออก ปูทะเลบางทีอาจสลัดก้ามทิ้งได้ โดยสร้างก้ามใหม่ขึ้นมาเมื่อลอกคราบคราวถัดไป เป็นประจำภายหลังการลอกคราบเปื้อนเพียง ๒ รั้ง ก้ามปูอาจมีขนาดใหญ่เท่าเดิมได้ การลอกคราบเปื้อนของปูเป็นกระบวนการช่วยเพิ่มขนาด ภายหลังจากปูทานอาหารแล้วก็สะสมไว้พอเพียงแล้ว ก็จะสลัดเปลือกเดิมทั้งสิ้นทิ้งไป แล้วสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทน ปูที่มีอายุน้อยนั้นลอกคราบบ่อย แต่จะเบาๆห่างขึ้นเมื่อปูโตเต็มที่แล้ว ฤดูผสมพันธุ์ของปูทะเลอยู่ในตอนต.ค.ถึงเดือนธันวาคม ในขณะนี้ปูทะเลมีไข่มากมาย ก่อนที่จะมีการสืบพันธุ์นั้น ตัวผู้อุ้มตัวเมียไว้เพื่อรอจนตัวเมียลอกคราบ ภายหลังสืบพันธุ์แล้ว ตัวเมียจะปลดปล่อยไข่ออกมาไว้กระจับปิ้ง ใช้รยางค์ของส่วนท้องโอบไข่เอาไว้ ไข่ในระยะเริ่มต้นมีสีเหลืองอ่อนๆแม้กระนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแก่ขึ้น จนกระทั่งเป็นสีส้มและสีน้ำตาล เป็นลำดับ แล้วหลังจากนั้นไข่จึงฟักเป็นตัวอ่อน ดำเนินชีวิตเป็นแพลงก์ตอนลอยไปกับน้ำทะเล แล้วลอกคราบเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นตัวอ่อนอีกระยะหนึ่ง ก็เลยจะจมลงสู่พื้นสมุทรเปลี่ยนรูปร่างเป็นปูขนาดเล็กต่อไป (http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/1024px-Crabe_madagascar.jpg) คุณประโยชน์ทางยา [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/u][/url] แพทย์แผนไทยใช้ “ก้ามปูทะเลเผา” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในการประกอบยาหลายขนาน อาทิเช่น ยาทาแก้แผลอันมีต้นเหตุมาจากไส้ขาดไส้ลุกลาม ทำให้มีการเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก ซึ่งบึนทึกเอาไว้ใน พระคู่มือมุจฉาปักขันทิกา ดังต่อไปนี้ ถ้าหากมิหาย ให้ร้อนหนัก ท่านให้เอา ก้ามปูสมุทรเผา ๑ เปลือกหอยโข่งเผา ๑ รากลำโพงแดง ๑ รากขัดมอน ๑ ฝางเสน ๑ ดินประสิว ๑ เปลือกจิกที่นา ๑ ผลจิกนา ๑ เอาเสมอ บดด้วยน้ำลายจรเข้เป็นกระสาย หายแล ยาแก้อยากดื่มน้ำแก้ร้อนด้านในอันทำให้หอบขนานหนึ่ง ซึ่งบันทึกไว้ในพระคู่มือธาตุวิภังค์ เข้าเครื่องยาที่เรียก “ก้ามปูทะเลเผาไฟ” ด้วย ยาขนานนี้ตำราว่าใช้ “ทั้งรับประทานทั้งพ่น” ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งแก้ระหายน้ำให้ร้อนภายในแลให้หอบ ท่านให้เอาสังข์หนามเผาไฟ ๑ รากบัวหลวง ๑ ฝุ่นจีน ๑ รังสุนัขร่าเผาไฟ ๑ ชาดก้อน ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกสาระภี ๑ ดอกบุนนาค[/b] ๑ เกสรบัวหลวง ๑ การบูร ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากคันทรง ๑ ก้ามปูทะเลเผาไฟ ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑ ยาดังนี้เอาส่วนเท่ากัน บดเปนแท่ง ละลายน้ำดอกไม้สด กินทั้งยังพ่น แก้ร้อนแก้ระหายน้ำ เสโทตกก็หายแล
|