ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: kkthai20009 ที่ มกราคม 09, 2018, 02:30:13 pm



หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง
เริ่มหัวข้อโดย: kkthai20009 ที่ มกราคม 09, 2018, 02:30:13 pm
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.jpg)
มดแดง[/b]
มดแดงเป็นมดชนิดหนึ่ง มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในวงศ์ Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญเป็น  บริเวณส่วนท้องคอดกิ่วในเวลาที่ตืดกับอกทางด้านหลังของส่วนท้องปล้องที่ ๑  หรือในมดบางชนิดที่รวมไปถึงข้อที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงมากขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้มดแตกต่างไปจากกรุ๊ปแมลงที่มองดูคล้ายคลึงกัน  ได้แก่  พวกต่อและก็แตน หรือแตกต่างไปจากปลวกที่คนทั่วๆไปมักงงมากกัน โดยเห็นมดกับปลวกเหมือนกันไปหมด นอกเหนือจากไม่ราวกับมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย ทั้งนี้ก็เพราะข้อแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่สันโดษ ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ และก็เพศแตกต่างกัน พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง เพศผู้เป็นบิดารัง รวมทั้งมดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติหน้าที่สร้างรัง เลี้ยงรัง และเฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะไม่เหมือนกันออกไปอีก
เป็นต้นว่า มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็บางทีอาจปฏิบัติหน้าที่สร้างรังและก็เลี้ยงรัง เหล่านี้มีร่างกายขนาดธรรมดา หัว อก รวมทั้งท้องได้สัดส่วนกัน แม้กระนั้นในขณะเดียวกันอาจพบมดงานซึ่งทำหน้าที่เฝ้ารัง มดเหล่านี้นอกจากตัวใหญ่กว่ามดงานปกติอย่างมากแล้ว ยังมีหัวโต กรามใหญ่ ไม่ได้รูปร่างกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดเพศผู้แล้วก็มดตังเมียซึ่งเป็นบิดารังและแม่รังนั้น บางทีอาจเจอได้ทั้งหมดที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดใกล้เคียงกับมดงานก็มี แม้กระนั้นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าตัวผู้และมดงาน อาจพิจารณามดตัวผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังและก็มดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก กระทั่งบางคราวแทบมองไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดพ่อรังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น รูปแบบของปีกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างชัดเจน กล่าวคือ ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่หลังมากมาย รูปร่างของปีกคู่หน้าแล้วก็ปีกคู่ข้างหลังก็ต่างกัน แล้วก็ที่สำคัญเป็นมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่หลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน แล้วก็รูปร่างของปีกก็คล้ายคลึงกัน เส้นปีกมีมากยิ่งกว่าเส้นปีกของมดมาก เห็นเป็นลวดลายเต็มไปทั้งปี
(http://www.คลัง[b][i][b]สมุนไพร[/b][/i][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/semut-rangrang.jpg)
สมุนไพร ในปัจจุบันมีการประมาณกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐ชนิด คนไทยต่างเคยชินกับมดอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากว่ามีมดหลายชนิดอาศัยตามบ้านที่พัก หรือในรอบๆใกล้เคียงกัยบ้านเรือน การเรียกชื่อมดของคนประเทศไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า ดังเช่น มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เพราะเหตุว่ามีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งสติไม่ดีไปเป็นมด ฯลฯ มดบางจำพวกพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันมีเหตุที่เกิดจากถูกมดนั้นกัด ดังเช่นว่า มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะก่อให้รู้สึกคันในรอบๆแผลที่กัด  หรือผูกคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด นอกจากมีลักษณะอาการคันแล้ว ยังมีอาการแสบร้อนราวกับถูกไฟลวก
บางจำพวกก็เรียกตามกิริยาอาการที่มดแสดงออก เป็นต้นว่า มดตะลีตะลาน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ชอบวิ่งเร็วและก็วิ่งพล่านไป เปรียบได้กับผู้ที่วิ่งดัวยความตกใจ  มดจำพวกนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่บ้าเป็นมดตาลานก็มี หรือมดก้นงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักชูท้องอืดสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้มองราวกับตูดงอล  ฯลฯ
มดบางชนิดเป็นมดที่สามัญชนตามแคว้นใช้บริโภค  จึงเรียกไปตามรสดังเช่น  ทางภาคเหนือ  อันอย่างเช่น  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  ลำพูน  เชียงราย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งราษฎรบางถิ่นนิยมกินกันเนื่องจากมีรสชาติมันรวมทั้งอร่อย  ก็เลยเรียกชื่อตามรสนั้น อย่างไรก็ตาม  มีมดบางจำพวกที่ราษฎรไม่ได้รัยกชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าดังเช่น เศษไม้ดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดประเภทหนึ่งที่ทำลายกัดกินฝักถั่งลิสงที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เหมือนกับแมลงชนิดอื่นที่อาจมีการรัยกชื่อฟั่นเฟือนไปตามท้องภิ่นดังเช่นว่า  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) คนต่างจังหวัดในเขตแดนภาคอีสาน  อันอย่างเช่น  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ นครพนม ร้อยเอ็ด จังหวัดอุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในระหว่างที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  เช่น  ชุมพร  สุราษฎร์ธานี  สงขา  นครศรีธรรมราช  จังหวัดภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่พ่อรังรวมทั้งแม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังรวมทั้งผสมพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดตัวผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งจัดแจงสร้างรังใหม่ก็จะหาที่พักอิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอคอยจนถึงไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนจนกระทั่งเข้าดักแด้  และก็อกกมาเป็นตัวโตเต็มที่แปลงเป็นมดงานที่อุปถัมภ์แม่ต่อไป  เมื่อมดงานปฏิบัติภารกิจเลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่ออกไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังอาจทำโดยการวางไข่ที่แตกต่าง  อย่างเช่น  ขนาดไม่เหมือนกัน  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังและก็มดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดตัวผู้หรือมดบิดารัง  รูปแบบของวงจรชีวิตอย่างนี้แตกต่างจากปลวก  เนื่องจากว่าปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อรวมทั้งแม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  บิดารังมักมีชืวิตอยู่และก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งจัดเตรียมวางไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานซึ่งสามารถดำเนินการอุปการะบิดามารดาได้โดยไม่ต้องคอยให้โตเต็มที่ซะก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกทำรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  อย่างเช่นมดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายทำรังใกล้กับไม้ที่อาศัย  ตัวอย่างเช่นมดลี่หรือมดตูดงอล  บางพวกสร้างรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนคล้ายรังปวก  ได้แก่มดมันหรือแมลงมัน  รังของมดจึงมัรูปแบบของอุปกรณ์ที่สร้าง  โครงสร้าง  รวมทั้งรูปร่างต่างๆนาๆจำนวนมากให้เห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  พอไข่แก่ก็จะตกไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกลุ่มใกล้กับใบไม้ด้านในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะรุ่งโรจน์ไปเป็นมดงานและมดแม่รังส่วนไข่ที่ไม่ได้รับผสมจะเจริญก้าวหน้าไปเป็นมดตัวผู้  เมื่อไข่รุ่งเรืองขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในช่วงนี้บางทีอาจทานอาหารแล้วก็ขยับตัวได้เล็กน้อย  หลังจากนั้นก็แปลงเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะเหมือนตัวสมบูรณ์เต็มวัยทุกสิ่ง ขาแล้วก็ปีกเป็นอิสระจากลำตัว  และหยุดทานอาหาร  และจะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  และก็ที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มกลายเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัยอีกทั้ง๓ วรรณะอาทิเช่น
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มิลลิเมตร  สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลปนแดงหัวและก็อกสีน้ำตาลเหมือนมดงาน  แต่หัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกข้อแรกตรงอกข้อที่ ๓ ทู่ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ทำหน้าที่เพาะพันธุ์  รังหนึ่งบางทีอาจเจอมดแม่รังหลายตัว  แต่จะมีเพียงแต่ตัวเดียวเพียงแค่นั้นที่จะสืบพันธุ์ได้
๒. มดตัวผู้  มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  กรามแคบตาลุก  หนวดเป็นแบบเส้นด้าย  มี ๑๓ ข้อ  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดค่อยๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกปล้องที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีบทบาทผสมพันธุ์พียงอปิ้งเดียว  อายุสั้นมากมาย  เมื่อสืบพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร  กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร  สีแดงหัวแล้วก็อกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ข้างล่างแคบ  ฟันกรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนหน้าแคบ  อกบ้องที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกปล้องที่ ๓ คอด  คล้ายอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีหน้าที่หาร  สร้างรัง  แล้วก็คุ้มครองศัตรู
ผลดีทางยา
ตำราคุณประโยชน์ยาบาราที่ว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  สูดดมแก้ลมแก้พิษเสมหะโลหิต ประชาชนบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่บริเวณปากแผลที่ถูกงูพิษกัด  ให้มดต่อยที่บริเวณนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือปาดเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำอีกครั้งๆไปเรื่อยๆจชูว่าใกล้จะถึงมือแพทพ์  บางโอกาสบางทีอาจจำต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง ยิ่งไปกว่านั้น  ประชาชนบางถิ่นยังอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดรอยแผลได้โดยเฉพาะเมื่อกำเนิดรอยแผลขึ้น  และไม่อยู่ในข้อจำกัดที่จะทำความสะอาดรอยแผลหรือหายาใส่แผลได้  ดังเช่น  เมือ่อยู่ในป่าหรือในทุ่งข้าว  ก็อาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของรอยแผล)  วางไว้รอบๆปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมากมาย
พระหนังสือธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “ฝีในท้อง ๗ ประการ”  อันเกิดบางทีอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งก่อให้เกิดอาการไอ  ผอมแห้ง  ไม่อยากกินอาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ปุพ์โพ  คือหนองพิการหรือแตก ให้ไอเป็นกำลัง  ให้กายผอมโซหนัก  ให้ทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  หากจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาอีกทั้ง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักแล้วก็ธาตุเบาจ่ายบุมีดพร้ายซะก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสลดก็ได้
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ