หัวข้อ: RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านเครื่องสำอางค์ มีภาพจ เริ่มหัวข้อโดย: Narongrit999 ที่ มกราคม 16, 2018, 08:29:00 am ให้บริการ - ค่าผลิต คิดตามจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในแบบ ไม่มีขั้นต่ำ
Renovate, Innovate, ออกแบบร้านกาแฟ RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายใน ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ เรามีสำนักงาน 2 สาขาที่กรุงเทพ และหัวหิน งานออกแบบปรับปรุงห้องชุดพักอาศัย โครงการ : NOBLE ORA ซ.ทองหล่อ style : MODERN CLASSIC พื้นที่ใช้สอย : 70 ตร.ม. ค่าออกแบบ : 390 บ./ตร.ม. ขั้นตอนออกแบบเสร็จสิ้น กำลังดำเนินการผลิต (https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23915973_1672000539496932_6232951945817110267_n.jpg?oh=d52d6d9ffc98be7e455dab0dcaae99ce&oe=5A92B5AF)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23844368_1672000189496967_665816635943006426_n.jpg?oh=cbaf22570594245462f372887cd3eeb7&oe=5AD64886)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23844476_1672000256163627_8655933288754703924_n.jpg?oh=653f8e8fc1e712edd5adbe160befe5ed&oe=5AD74AE2) ชงกาแฟให้กลมกล่อม กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE) ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นบ้านของทวีปอัฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แต่ว่าชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม ก็เลยทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) เป้าหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในปัจจุบันเพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นรวมทั้งกึ่งเย็น ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 ซม. และยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบวาว บางครั้งเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมหวน ผลกาแฟอาราบิก้า ผลสำเร็จสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงลักษณะเด่นของกาแฟอาราบิก้าเป็นมีกลิ่นหอมสดชื่นรวมทั้งสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความคล่องแคล่ว กระปรี้กระเปร่า โดยกาแฟจำพวกนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่ด้อยกว่าใครกันแน่ เพียงแค่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากสักเท่าไรนัก เหตุเพราะขาดการช่วยสนับสนุนรวมทั้งการประชาสัมพันธ์ที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟประเภทนี้กันมากทางภาคเหนือบนภูเขาสูง กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden) ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเจริญวัยมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อรวมทั้งปล้อง โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะหล่นไป โคนใบมีตา 2 ชนิดหมายถึงตาบนแล้วก็ตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและก็บ้อง แต่ละข้อจะมีกรุ๊ปตาดอกที่จะติดได้ผลสำเร็จกาแฟต่อไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งตรงขึ้นไปเสมือนลำต้น และไม่ติดผล แต่ว่าสามารถสร้างกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 เช่นเดียวกัน แล้วก็กิ่งแขนงที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งแขนงต่อไปได้อีกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 2 และก็กิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งกิ่งก้านสาขาเหล่านี้จะเกิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 1, 2 รวมทั้ง 3 ต่อจากนั้นก็จะมีการสร้างดอกแล้วก็ผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ใบกาแฟ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว เกิดที่ข้อเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบของใบหยักเป็นคลื่น ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นมัน มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบราวๆ 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่ว่าจะมีเป็นจำนวนมากกว่า อายุใบราวๆ 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น ดอกกาแฟ ธรรมดาแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกผู้เดียวบริบูรณ์เพศ มีกลีบดอกไม้ราว 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน รวมทั้งมีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟก็เลยมีเมล็ด 2 เม็ด ดอกจะออกเป็นกรุ๊ปๆรอบๆโคนใบบนข้อของกิ่งกิ่งก้านสาขาที่1, 2 หรือ 3 กรุ๊ปดอกแต่ละข้อจะมีดอกราว 2-20 ดอก ดอกจะออกมาจากกิ่งกิ่งก้านสาขาจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปหาปลายกิ่งแขนง โดยปกติแล้วต้นกาแฟจะมีดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ผลิดอกออกผลแล้วในปีหน้าก็จะไม่มีดอกและให้ผลอีก ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีเหลือง สีส้ม รวมทั้งสีแดง ผลกาแฟจะมีเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) แล้วก็กะลาที่หุ้มห่อเมล็ด ตอนระหว่างกะลากับเมล็ดจะมีเยื่อบางๆที่หุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งเราเรียกว่า “เยื่อห่อหุ้มเมล็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เมล็ดประกับกันอยู่ ก้านที่เกาะติดกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องกึ่งกลางเม็ด 1 ร่อง ส่วนด้านนอกโค้ง ลักษณะของเม็ดจะเป็นเม็ดผู้เดียวหรือเมล็ดโทน ในบางครั้งถ้าเกิดการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะก่อให้ผลติดเมล็ดเพียงแค่เมล็ดเดียว (คิดเป็นประมาณ 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีทั้งเม็ด มีร่องตรงกลาง 1 ร่อง เม็ดพวกนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์ปรี่“ คุณลักษณะเด่นของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนมากแล้วเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำมาผสมกับกาแฟอาราบิก้านิดหน่อย เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่ผิดแผกออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีจุดเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม เปียกคอ กาแฟจำพวกนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนสูงขึ้นยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากมายทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ อาทิเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดชุมพร Drip : ขั้นตอนการนี้เกิดขึ้นมาราวๆปี ค.ศ. 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของผู้ใช้ โดยเฉพาะคนที่ชอบชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน กระบวนการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด แล้วหลังจากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะมีการเสียรสไปบ้างแต่ว่าไม่มาก ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ง่ายเหมาะสำหรับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในปริมาณมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้ง่ายๆ French Press : แนวทางการนี้เกิดขึ้นราวปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยแนวทางลักษณะนี้นั้น ต้องมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยากตามท้องตลาด ทำให้ได้รสของกาแฟที่จริงจริงแต่ไม่ต้องกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเพราะโน่น คือเสน่ืห์ของแนวทางนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องตกอกตกใจ ขั้นตอนการชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก ขั้นที่ 1 : พวกเราควรจะมีกาแฟบดก่อนซึ่งต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเพราะถ้าหากเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้ ขั้นที่ 2 : เพิ่มเติมผงกาแฟบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟราวๆ 7 กรัม ขั้นที่ 3 : เพิ่มเติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 1/3 ของแก้วรอคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที จากนั้นเติมน้ำร้อนเข้าไปจนเต็ม ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงตะแกรงขึ้นกระทั่งสุดก่อน ปิดฝาทิ้งเอาไว้ราว 4 นาที ขั้นที่ 5 : กดที่กรองลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปข้างล่างจากนั้นก็รินใส่ถ้วยดื่มได้โดยทันทีเลย Espresso : แนวทางการนี้เกิดขึ้นราวๆปี ค.ศ. 1901 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านบางครั้งก็อาจจะเคยชินกับชื่อนี้มากมายก่ายกอง และก็อาจจะเกิดความสับสนราวกับผมในคราวก่อนว่า มันเป็น ชื่อประเภทกาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ ในความเป็นจริงแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นแนวทางการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า ดัน หรือ กด รวมทั้งกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะเป็นต้นทางของวิธีการทำกาแฟสูตรต่างๆอย่างเช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna ฯลฯ Chemex : วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ โดย Chemex คือ กรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยลักษณะคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟรวมทั้งผ่านกระดาษกรองลงไป แม้กระนั้นวิธีการนี้เป็นศิลป์อย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ Cupping : วิธีการนี้ใช้สำหรับนักชิมกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่จะผู้ผลิตกาแฟจะส่งขายไปยังผู้ใช้จะต้องมีการลองกาแฟก่อน ซึ่งผู้ลองกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยแนวทาง Cuppingหมายถึงบดกาแฟที่อยากได้ชิมรสชาติ ดังเช่น กาแฟ 1 ประเภทก็จะคั่ว 3 ระดับคือ อ่อน กลาง และ เข้ม แล้วก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยต่อจากนั้นก็เพิ่มน้ำร้อนลงไป เพียงพอถึงขนาดตอนการลอง เค้าก็จะเอาช้อนเฉือนหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกแล้วหลังจากนั้นก็เริ่มทำชิมกาแฟได้เลย สรรพคุณของกาแฟ
การออกแบบด้วยสถาปนิกนั้นนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับในการสร้างบ้าน สถาปนิกที่เก่ง จะช่วยขจัดปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยให้บ้านของเราสวยงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ว่าหากต้องการสร้างบ้านข้างหลังเล็ก เน้นย้ำการพำนักอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตัวเองเป็นอีกหนึ่งแนวทางซึ่งสามารถทำได้ จุดสำคัญคือการติดต่อสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้รู้ถึงความต้องการของเราเอง และก็วิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดสำหรับการสร้างบ้าน โน่นคือการวาดแปลนบ้านนั่นเองครับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำหลักการดีไซน์บ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะเน้นไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมด้วยวาดผังแบบแปลนด้านในภายด้วยตนเอง เพื่อนำแบบแปลนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไปให้ผู้รับเหมาทำการก่อสร้าง หรือบางทีอาจส่งต่อให้นักออกแบบเขียนแบบแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแปลนบ้านใช้งานจริงกันครับผม 1. ตรวจสอบที่ดิน : ก่อนจะถึงขนาดตอนการออกแบบบ้าน อย่างแรกที่สำคัญเป็นอย่างมากเป็นการเรียนรู้แปลงที่ดินของพวกเราเองให้ถี่ถ้วน ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ด้านไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจทิศทางนี้เพื่อให้เราได้วางแผนผังบ้านได้อย่างเหมาะควร สอดคล้องกับลักษณะของอากาศ ลมแล้วก็แสงอาทิตย์ ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดและก็ทรงของบ้าน เช่น มีที่ดิน 40 ตร.มัธยม แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่นอนว่าต้องวางแบบเป็นบ้าน 2 ชั้นแค่นั้น และก็การออกแบบจะต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านข้อบังคับระยะร่น) 2. ระบุสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต จุดหมาย เพื่อจินตนาการของความอยากมีความแจ่มชัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักอ่านบางทีอาจขับขี่รถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท เลิศบ้านเพื่อน หรือถ้าหากให้สบายหน่อยก็เพียงแค่คลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านเหล่านี้เราสามารถเอามาปรับใช้ กำหนดกระบวนการออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่ว่าต้องขอย้ำให้รู้กันก่อนว่า พวกเราสามารถนำออกแบบมาประยุกต์ใช้ได้ แต่ว่าไม่สามารถไปจำลองแบบได้ครับ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองแบบโดยตรง โดยปกติแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างนานาประการ ไทยปรับใช้ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างแดน ยกตัวอย่างเช่น บ้านสไตล์ทัสคานี เป็นต้น ทั้งหมดนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่แบบเดียวกัน ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเป๊ะ พวกเราอาจผสมผสานรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ชอบเอามาดัดแปลงเพื่อเปลี่ยนเป็นสไตล์ของเราเองได้เช่นเดียวกันครับผม เผชิญไหน ถ่ายรูปเก็บไว้ หรือแม้ชอบตัวอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านไอเดีย ก็บางทีอาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลพบ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี เว้นแต่ความชื่นชมส่วนตัวแล้ว สถานที่ทำการก่อสร้างเป็นสิ่งที่จำเป็น ควรจะวางแบบบ้านให้เหมาะสม คล้ายคลึงหรือมองเข้ากับสถานที่ ชุมชนที่อยู่ที่อาศัยด้วยนะครับ 3. เขียนความจำเป็นลงไป : ก่อนที่จะมีการดีไซน์ของจำเป็นเป็นอย่างมาก เป็นการวิเคราะห์สิ่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้จำเป็นจะต้องสนทนากันทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉลียง ระเบียงระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ เป็นคนมักจะทำครัวไหม ห้องนั่งเล่น ห้องดูโทรทัศน์ ห้องทำงาน โจทย์เหล่านี้แต่ละบ้านย่อมมีความไม่เหมือนกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นความอยากได้หลักรากฐาน เป็นต้นว่า ปริมาณห้องนอน ห้องอาบน้ำ ฯลฯ 4. ระบุขนาด : เมื่อทราบความจำเป็นแล้ว กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป อยากให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถวิเคราะห์หาพื้นที่ใช้สอยรวมเบ็ดเสร็จได้ ผลวิเคราะห์นี้จะทำให้การออกแบบบ้านแจ้งชัดยิ่งขึ้น และก็ยังช่วยให้พวกเราทราบอีกว่า พวกเราควรจะสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม ถ้าเกิดมีที่ดินอยู่แล้วจะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่ว่าหากยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะทำให้เราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่ต้องการ การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประเมินราคาก่อสร้างได้อีกด้วยครับ 5. กำหนดตำแหน่ง แนวทาง : การออกแบบแผนผังบ้านที่ดีควรจะวางแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อให้การพักอาศัยด้านในภายเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด โดยรวมแล้วจะพิจารณาถึงแนวทางของแดด แล้วก็แนวทางลม โดยแสงแดดจะส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่ต้องการแสงสว่างมาก เป็นห้องที่ต้องการกำจัดความชื้น ตัวอย่างเช่น สุขา ครัว ห้องชะล้าง ส่วนห้องที่อยากได้แสงเพียงพอเหมาะ ยกตัวอย่างเช่น ห้องนอน , ห้องรับแขก , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เพราะว่าถ้าหากแสงมากเกินความจำเป็นอาจเป็นความร้อนที่มากขึ้นเหมือนกันครับผม 6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองทิศทางหลัก ทิศเหนือและทิศใต้ขึ้นกับฤดู (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งถ้าอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางด้านทิศใต้จะค่อนข้างแรงเกือบทั้งวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มเกือบจะทั้งวัน ชาวไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนมากเหมือนกันที่เลือกหันหน้าไปทางใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบตลอดทั้งปี ทั้งนี้ก็มิได้เป็นความจำกัดอะไร ด้วยเหตุว่าการใช้งานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่างกัน บางคนอาจวางแบบเพื่อย้ำการใช้ข้างบ้าน , ข้างหลังบ้าน ก็ขึ้นอยู่กับการใช้แรงงานจริงด้วยขอรับ 7. ทดลองวาด : เครื่องมือเบื้องต้นที่สุดที่ใช้สำหรับการวาดแปลน คือ ดินสอ + กระดาษ A4 หรือนักอ่านถนัดใช้อุปกรณ์ใดก็สามารถเลือกได้ตามอยากได้ ทั้งยังวาดด้วยมือหรือใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยก็สามารถทำเป็นเช่นกันขอรับ หลักการวาดแบบแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้ระลึกถึงการมองรูปภาพจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งบางทีอาจจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์รากฐานกันสักนิด ได้แก่ ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วๆไป ดังนี้หากนักอ่านไม่รู้เรื่องเครื่องหมาย ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงแค่วาดรวมทั้งเขียนคำอธิบายประกอบร่วมด้วย ให้พอสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วครับ ข้อควรรู้ก่อนการสร้างบ้าน สถานที่ตั้งบ้าน จุดสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญขั้นแรกที่เราจะต้องคิดก่อนที่จะสร้างบ้าน เพราะว่าเราควรต้องนึกถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง สถานที่ทำงาน,โรงเรียน ,ตลาด,ศุนย์กิจการค้า,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน ฯลฯ ในสมัยเก่าทำเลที่ตั้งที่ดีคือทำเลที่ตั้งที่ต้องอยู่กลางเมืองด้วยเหตุว่าระบบรถยนต์สาธารณะยังไม่ครอบคลุมราวกับอย่างปัจจุบัน ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกระจุกกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ผิดกับตอนนี้ที่ทำเลที่ดีคือทำเลที่ตั้งที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่จะเราจะคิดถึงการสร้างบ้านพวกเราจำเป็นจะต้องมองหาบริเวณที่เราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะพวกนี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมถึงความปลอดภัยของบริเวณที่อยู่ที่จะต้องไม่ดูเปลี่ยวกระทั่งเกินไป ในค่ำคืนอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านบางทีก็อาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการสร้างบ้านเดียวที่แต่ละข้างหลังตั้งอยู่ห่างกันจำนวนมากเป็นต้น และอย่าคาดหวังกับโครงงานต่างๆที่ยังไม่เคยรู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่หรือเกิดจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้จักอย่างเช่น รอบๆนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ หนทางผ่าน เนื่องจากว่าพวกเราไม่อาจรับรองได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไร(นอกจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรจะเลือกจากภาวะปัจจุบันนี้ที่เยี่ยมที่สุด จะดียิ่งกว่านะครับ จะถมดินสูงแค่ไหนดีนะ อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตก่อนการสร้างบ้านอย่างยิ่งจริงๆ บางคนบอก 50 ซึม บ้างก็ว่า 30 ซม ก็พอแล้วบางคนบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรจะกลบเท่าใดหละ คำตอบของประเด็นนี้คือ สุดแต่ความพอใจนะครับไม่มีการกำหนดที่แน่ๆเพียงแต่มันจะต้องสูงยิ่งกว่าระดับถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านเรา ราว 50 ซม ก็เพียงพอ แต่ว่าถ้าถนนหนทางหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินถมเป็น 1 ม.เพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากการลาดยางหรือตัดถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกเหตุนึงคือระดับน้ำท่วมสูงสุดในบริเวณนั้น ถ้าสามารถหาข้อมูลได้เราก็ควรกลบที่ดินให้สูงขึ้นยิ่งกว่าระดับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นราวๆ 50 ซม.ขึ้นไป การกลบดินเพื่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านจึงควรเผื่อการยุบตัวของดินด้วยครับ คือเพื่มปริมาณดินกลบสูงขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบตัว นั้นเอง เป็นต้นว่า จะกลบดินสูง 50 ซึม แต่ว่าให้ถมดินไว้ที่ระดับ65 ซมนั้นเอง รวมทั้งควรถมดินไว้ก่อนการก่อสร้างบ้านอย่างน้อย 4-6 เดือนยิ่งทิ้งเอาไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นเยอะขึ้นเรื่อยๆทำให้ลดปัญหาดินทรุดหลังก่อสร้างบ้านได้อย่างดีเยี่ยม แนวทางแดดลม กับ การกำหนดตำแหน่งบ้าน คนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะมีความรู้สึกว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรเยอะมากนักจะปลูกบ้านที่ไหนมันก็มีลมทั้งหมดล่ะ และก็ที่สำคัญพวกเราก็เปิดเครื่องปรับอากาศทั้งวันอยู่แล้วมองไม่เห็นมีอะไรน่าวิตก ผู้ใดเริ่มจะมีความนึกคิดอย่างงี้มั้งขอรับ หากมีชี้แนะว่าให้อ่านหัวข้อนี้ก่อนและก็หลังจากนั้นจึงค่อยมาคิดอีกทีครับ ทำไมต้องดูแนวทางแดด-ลม ก่อนที่จะมีการวางตำแหน่งบ้าน เพราะพวกเราอาจไม่ต้องการที่จะอยากนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในกลางคืนหรือจำเป็นต้องอับอึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างประณีต มีข้อสังเกตุหลายประเภทในการวางตำแหน่งบ้านเพื่อให้บ้านทั้งหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย สุขสบาย และก็ใชัพลังงานน้อยลง ปกติแสงแดดของบ้านเราจะวิ่งเป็นแนวทิศตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปตอนใต้ก่อนจะตกในทิศตะวันตก จะมีผลให้ทิศใต้ไปจนกระทั่งทิศตะวันตกได้รับแสงมากที่สุดของวันคือตั้งแต่ข้างหลังเที่ยงไปจนถึงห้านาฬิกาเย็น ด้านนี้จะต้องเป็นส่วนหลังบ้านรวมทั้งส่วนชะล้างหรือกิจกรรมอื่นที่ต้องการแสงสว่างเยอะมากๆๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงจางๆในช่วงเช้ารวมทั้งแสงจะแรงมากมายเพียงช่วง 10 โมงยามเช้าจนกระทั่งเที่ยงตรงซึ่งก็แค่เพียง 3 ดู ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดต่ำที่สุด 2 ด้านนี้ก็เลยเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่อยากแสงรบกวนน้อย เช่น ห้องนอนรวมทั้งห้องรับแขก เรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อฝาผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ฝาผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในปริมาณน้อยและทำให้ด้านในภายไม่ร้อนจนถึงเกินความจำเป็นในกลางคืน เพราะธรรมชาติของฝาผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและจะถ่ายเทความร้อนออกมาในช่วงเวลากลางคืน ฉะนั้นถ้าฝาผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะก่อให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาช่วงเวลากลางคืนมีน้อยเช่นเดียวกัน ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาลมเย็นจากจีนมาในตอนหน้าหนาว รวมทั้ง จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากสมุทรมาในฤดูร้อนและก็หน้าฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจำเป็นจะต้องหันเข้าหาแนวทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและนำมาซึ่งการทำให้ออมค่าไฟสำหรับเครื่องปรับอากาศด้านในภายฯลฯ ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม style : cottage style พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม. ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม. (https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/22861798_1646698002027186_1523681800247270995_o.jpg?oh=36b0f5c6357873ca419cdeba06e63c77&oe=5A97A183)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/23000402_1646697858693867_1417914445273787163_o.jpg?oh=b2b7fde86a9cca98c83a0bcb38181638&oe=5A94DDD9)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/22829723_1646698065360513_8222756933322651231_o.jpg?oh=e51195335c0844bf7725a727809722c9&oe=5AD0CA38) รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636 เครดิตบทความจาก : http://www.alldecorate.com/ Tags : ออกแบบเคาน์เตอร์,รับออกแบบเคาน์เตอร์,รับตกแต่งร้านกาแฟ
|