หัวข้อ: มาทำความรู้จักแคลเซี่ยมกัน ประโยชน์ดีๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มหัวข้อโดย: Navaphon11991 ที่ เมษายน 02, 2015, 08:20:34 am (http://e.lnwfile.com/0w0yhi.jpg)
วิตามินแคลเซียม เป็นสิ่งที่ถูกถามกันมากว่าจำเป็นไหมที่เราต้องหาซื้อมารับประทานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก และต้องรับประทานอย่างไรเพื่อให้ได้ร่างกายได้รับประโยชน์มากที่สุด แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ในร่างกายมากกว่าแร่ธาตุอื่นๆ - แคลเซียมและฟอสฟอรัส จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง โดนอัตราส่วนของแคลเซียมเท่ากับ 2 : 1 ของฟอสฟอรัส - แคลเซียมและแมกนีเซียม จะทำงานร่วมกันเพื่อสุขภาพที่ดีหัวใจและเส้นเลือด โดย 20% ของแคลเซียมในกระดูกของวัยผู้ใหญ่ จะถูกย่อยสลายและสร้างใหม่ทุกปี นอกจากนี้ร่างกายจำเป็นต้องมี วิตามินดี ที่เพียงพอ แคลเซียมจึงจะดูดซึมได้ดี โดยวิตามินรวมและแร่ธาตุในอาหารเสริมที่มีคุณภาพส่วนมากจะมีแคลเซียมอยู่ด้วย แหล่งที่พบแคลเซียมตามธรรมชาติ ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ชีส เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วแห้ง วอลนัท เมล็ดทานตะวัน ผักเคล บรอกโคลี กำหล่ำใบเขียว ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เป็นต้น ผลเสียของการรับประทานแคลเซียมมากเกินขนาด หากรับประทานมากกว่า 2,500 มิลลิกรัม ต่อวัน อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงได้ มีอาการท้องผูก และเพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตและการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ โดยศัตรูของแคลเซียม ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีไขมัน อาหารที่มีกรดออกซาลิก (เช่นช็อกโกแลต ผักขม ผักบีต) และกรดไฟติก ในปริมาณมากจะขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียมในร่างกาย คำแนะนำในการรับประทานแคลเซียม ขนาดที่แนะนำให้รับประทาน สำหรับผู้ใหญ่ต่อวันคือ 1,200 มิลลิกรัม สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอยู่ที่ 1,200 – 1,500 มิลลิกรัม สำหรับผู้สูงอายุวันละ 1,500 มิลลิกรัม แคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริม มีจำหน่ายแบบเม็ดขนาดตั้งแต่ 250 – 500 มิลลิกรัม รูปแบบของแคลเซียมที่ดีที่สุดคือ ไฮดร็อกซีอะพาไทต์ , แคลเซียมซิเทรต , แคลเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (ซึ่งแคลเซียมซิเทรตให้ปริมาณแคลเซียมมากที่สุด โดยมีวางจำหน่ายในรูปแบบเคี้ยวในรสชาติต่างๆ และแบบเม็ดที่ละลายได้ในน้ำ) แคลเซียมกลูโคเนต (แบบมังสวิรัติ) หรือ แคลเซียมแล็กเทต (อนุพันธ์ของแล็กโทส) เป็นอาหารเสริมที่ไม่มีตะกั่วเจื่อปน และดูดซึมได้ง่าย โดยกลูโคเนตจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าแล็กเทต อักษรย่อบนฉลากอาหารเสริม USP (U.S. Phamacopeia) มีไว้เพื่อบ่งบอกว่าอาหารเสริมชนิดนั้นได้ผ่านมาตฐานการตรวจสอบว่าสามารถละลายได้หมดภายใน 30 นาที การรับประทานแคลเซียมร่วมกับแมกนีเซียม ควรมีแคลเซียม 2 ส่วนต่อแมกนีเซียม 1 ส่วน หากคุณรับประทานยาปฏิชีวนะ อาจทำให้ประสิทธิภาพของแคลเซียมในอาหารเสริมลดลง หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง การรับประทานแคลเซียมเสริมสามารถช่วยได้ ผู้ที่ปวดท้องประจำเดือน หากรับประทานแคลเซียมเสริมจะช่วยบรรเทาอาการได้ การเคี้ยวกระดูกอ่อนไก่ ก็ได้รับแคลเซียมเช่นกัน หากรับประทานแคลเซียม 1,500 มิลลิกรัม ต่อวัน แล้วพบว่าเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ควรจะหาน้ำแครนเบอร์รี่มาดื่มด้วย เพราะสามารถป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อเกาะที่ผนังเซลล์ของทางเดินปัสสาวะได้ วัยรุ่นที่มีอาการเจ็บกระดูกซึ่งเป็นผลมาจากการเจริญเติบโต การรับประทานแคลเซียมเสริมจะช่วยให้อาการดีขึ้น การรับประทานแคลเซียมเสริมในปริมาณมากทุกวันเป็นระยะเวลานาน จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของไขมันที่รับประทานเข้าไปได้ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำทำให้ร่างกายใช้แคลเซียมมากขึ้น ควรรับประทานแคลเซียมซิเทรตในปริมาณ 1,500 มิลลิกรัม การดื่มน้ำอัดลมมาก ร่างกายจะสูญเสียแคลเซียมและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน แคลเซียมจะทำงานร่วมกับวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ได้ดีที่สุด แคลเซียมจะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดหากรับประทานหลังอาหารและก่อนนอน หากจะรับประทานแคลเซียมตอนท้องว่าง หรือสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ควรรับประทานเป็น แคลเซียมซิเทรต และ แคลเซียมไฮดร็อกซีอะพาไทต์ จะดีที่สุด การรับประทานแคลเซียมชนิดที่แตกตัวได้ไม่ดี อาจจะก่อให้เกิดโทษได้ เช่น ข้อตึง ผนังเส้นเลือดแดงแข็ง ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมเกิน 500 มิลลิกรัม ได้ในมื้อเดียว ดังนั้นควรแบ่งรับประทานออกเป็นมื้อๆ ร่างกายจะต้องการแคลเซียมมากขึ้น หากคุณนอนอยู่บนเตียงตลอดมากกว่า 1 สัปดาห์ การรับประทานแคลเซียมและแมกนีเซียมเสริมกันก่อนเข้านอน จะช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ขอขอบคุณสาระดีดีจาก www.rxvitamin.net
|