หัวข้อ: เรียนรู้-ตั้งรับ-ต่อสู้เมื่อทุนจีนหวังกินรวบผูกขาดท่องเที่ยวไทย เริ่มหัวข้อโดย: Keekayr1200gs ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2018, 12:33:46 pm เรียนรู้-ตั้งรับ-ต่อสู้เมื่อทุนจีนหวัง กินรวบ ผูกขาด ท่องเที่ยวไทย
ยังคงเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องกับปัญหาง “ตลาดท่องเที่ยวจีน” ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องดีในภาคท่องเที่ยว แต่ในความเป็นจริงธุรกิจท่องเที่ยวไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจาก “กลุ่มทุนในจีน” มีความพยายามที่จะขยายธุรกิจด้วยการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งธุรกิจโรงแรม คอนโดมิเนียม สถานบันเทิง ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก การแสดงโชว์ หรือแม้แต่ศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจรที่จัดไว้รองรับรองตลาดท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ระดับกลางลงไปถึงล่าง โดยหวังจะกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็น “เชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรี” ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมากลุ่มทุนจีนเหล่านี้ยังอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายด้วยการยืมมือคนไทยบางคนมาเป็น “นอมินี” ในธุรกิจหลายอย่างเพื่อกอบโกยรายได้กลับไปประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยที่ไม่สนใจถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นว่า จะเกิดอะไรบ้าง เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว “พรชัย จิตนวเสถียร” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มทุนจากจีนเข้ามาเช่าอาคารหอพัก อพาร์ตเมนต์ในระยะยาว เพื่อปรับเป็นห้องพักรายวัน เพื่อรองรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากจีน ซึ่งธุรกิจประเภทนี้จะไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม เงินที่ใช้จ่ายก็จะเป็นเงินหยวน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่กรุ๊ปทัวร์ การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นจุดเริ่มต้นของทัวร์ “ศูนย์เหรียญ” ที่จะไม่นำลูกทัวร์ไปพักตามโรงแรมที่มีชื่อเสียง หรือโรงแรมที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ส่วนการดำเนินการกับกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มนี้ก็ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน “สำหรับการเข้ามาเช่าอาคารระยะยาว เพื่อปรับเป็นห้องพักรายวัน เท่าที่ได้รับเบาะแสจากสมาชิกในสมาคมมีจำนวน 12 แห่ง และจากการตรวจสอบพบว่ามี 3 แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เข้าข่ายกระทำความผิดไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร และธุรกรรมการเงิน หากพบว่ากระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที” เช่นเดียวกันในมุมมองของ “วรพงษ์ หมู่ชาวใต้” กรรมการฝ่ายการตลาด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พื้นที่ 1 (ภาคเหนือตอนบน) เห็นว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในพื้นที่ โดยขอให้ทางบริษัทจัดทัวร์ชม “อสังหาริมทรัพย์” ประเภทคอนโดมิเนียม เพื่อหวังซื้อไว้เป็นที่พักอาศัย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในเชียงใหม่เพิ่มขึ้น กลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมเริ่มเห็นช่องทางในการทำกำไรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะปล่อยให้เช่าห้องเป็นรายวัน หลังจากนั้นจึงเริ่มขยับขยายหาเช่าอาคารในระยะยาว เพื่อปรับปรุงให้เป็นที่พักรายวัน โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน นอกจากจะเข้าไปลงทุนในอาคารที่พักแล้ว ทุนจีนยังเริ่มขยายธุรกิจเข้าไปยังกลุ่มร้านอาหาร, ร้านนวด, ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงบริษัททัวร์รายย่อย โดยให้ผู้ประกอบการคนไทยเป็น “นอมินี” ดำเนินการให้ทั้งหมด ซึ่งทางภาครัฐต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้ทุนเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ สอดคล้องกับความเห็นของ “ชวลิต ฉ่อนเจริญ” ประธานชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก คือการเข้ามาของนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาเช่าหอพัก หรืออพาร์ตเมนต์ในระยะยาว เพื่อทำเป็นที่พักรายวันให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ดังนั้น จึงขอให้ภาครัฐจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ส่วนธุรกิจร้านอาหารเชื่อว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ต่างต้องการสัมผัสกับรสชาติอาหารในพื้นที่ ดังนั้นหากทุนจีนจะเข้ามาทำร้านอาหารในพื้นที่ก็คงไม่กระทบต่อภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารไทยอย่างแน่นอน ขณะที่ “กฤษฎา ตันสกุล” นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ตลอดปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้กลุ่มทุนจีนเห็นช่องทางและโอกาสในการที่จะเข้ามาลงทุน ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงมีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายๆ โครงการ ซึ่งการเข้ามาของนักลงทุนจีนมีหลากหลายประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร การจัดแสดงโชว์ โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบเกือบครบวงจร ดังนั้น หากจะไปห้ามนักลงทุนต่างชาติเข้ามาคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การกำหนดมาตรฐานให้ถูกต้องทั้งรูปแบบการให้บริการ คุณภาพบริการ และต้องไม่ผูกขาด วันนี้ท่องเที่ยวของภูเก็ตไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่หลากหลาย ฉะนั้นในภาวะที่เกิดการแข่งขันช่วงชิงเรื่องการตลาดค่อนข้างสูง เราจึงต้องกลับมาดูตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาตัวเองให้พร้อมที่จะแข่งขันเช่นกัน "ผมอยู่ในธุรกิจโรงแรมมา 20 ปี เจอปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน โดยในช่วงแรกๆ ทำตลาดเยอรมัน ถัดมาเป็นสแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย ซึ่งเป็นปัญหาไม่ต่างกับที่เกิดขึ้นกับตลาดจีนในปัจจุบัน เป็นเหมือนวัฏจักร เมื่อตลาดใดเข้ามามากก็จะมีปัญหาตามมา จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก” กลับมาที่ปัญหาการเข้ามาของทุนจีนที่สร้างผลกระทบต่อท้องถิ่นนั้น เรื่องนี้ "สมหวัง สวัสดีมงคล" สมาชิกสภาเทศบาลตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในฐานะเลขานุการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านชากแง้ว หมู่ 10 ต.ห้วยใหญ่ มองว่า พื้นที่ ต.ห้วยใหญ่มีสถานประกอบการที่เจ้าของเป็นคนจีน หรืออาจมีคนไทยบางคนเป็น “นอมินี” โดยสถานประกอบการเหล่านี้จะรับนักท่องเที่ยวจีนโดยตรง ซึ่งภายในร้านจะจำหน่ายอาหาร สินค้าของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นจากประชาชนในท้องถิ่นแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทางชุมชนยังเคยขอความอนุเคราะห์ให้นำกรุ๊ปทัวร์จีนมาท่องเที่ยวชมสินค้า และกินอาหารในชุมชนบ้าง เพื่อจะได้กระจายรายได้สู่คนท้องถิ่น แต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง “เขาบอกว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาจากประเทศจีนแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนโปรแกรมท่องเที่ยวก็ต้องเปลี่ยนมาจากประเทศจีน สรุปง่ายๆ คือคนท้องถิ่นได้รับผลกระทบในด้านลบอย่างมาก เพราะคนในชุมชนแทบจะไม่มีรายได้จากสถานประกอบการเหล่านี้เลย ตรงกันข้ามยังสร้างภาระในเรื่องขยะมูลฝอย สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ถนนหนทางพังเสียหายจากรถทัวร์ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่วันละเป็นร้อยๆ คัน แม้ว่าสถานประกอบการคนจีนเหล่านั้นจะเสียภาษีให้แก่ท้องถิ่น แต่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง ซึ่งหากปล่อยไว้ต่อไปอาจเป็นปัญหาใหญ่ในชุมชน จึงอยากจะฝากรัฐบาลให้เข้ามาควบคุม แก้ไขปัญหา และต้องตอบแทนชุมชน ดูแลชุมชนบ้าง เช่น ช่วยวัด ช่วยโรงเรียน ช่วยการศึกษาให้แก่บุตรหลานคนในท้องถิ่นบ้าง ไม่ใช่เอาทัวร์จีนมาทำ แต่พวกเขาทิ้งขยะ ทิ้งภาระให้ชุมชน และจากไป” ขณะที่ “ประยุทธ บุญชู” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ เล่าว่า สถานประกอบการท่องเที่ยวของทุนจีนหวังกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยที่ผ่านมีกลุ่มทุนจีนเข้ามาเปิดบริการในพื้นที่นานกว่า 6 ปี แต่ชาวบ้านไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนักท่องเที่ยวจีนจะใช้บริการภายในสถานประกอบการของทุนจีนทั้งหมด นอกจากนี้ทราบมาว่าจะมีการสร้างสถานประกอบการแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยมีทั้งที่พัก โรงแรม สปา ร้านอาหาร การแสดงโชว์ และกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ ครบวงจรบนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2560 ซึ่งนักลงทุนชาวจีนอ้างว่า หากเปิดกิจการแห่งใหม่จะให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกต่างๆ แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลาที่สร้างเสร็จแล้ว ชาวบ้านยังจะมีส่วนร่วมอย่างที่เคยบอกเอาไว้อยู่หรือไม่
|