หัวข้อ: แนะวิธีดูแลตัวเอง ห่างไกลโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เริ่มหัวข้อโดย: Jirasak2708 ที่ มีนาคม 05, 2018, 08:22:25 pm (http://p4.isanook.com/he/0/rp/r/w700h420/ya0xa0m1w0/aHR0cDovL3A0LmlzYW5vb2suY29tL2hlLzAvdWQvMC80MTg5L3N0b21hY2guanBn.jpg)
กรมการแพทย์เผยคนไทยป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่อันดับต้น ๆ ระยะแรกไม่แสดงอาการ แนะทานผัก ผลไม้เมล็ดธัญพืช เลี่ยงเนื้อสัตว์และอาหารที่มีไขมันสูง ออกกำลังกายประจำทำจิตใจให้แจ่มใสจะห่างไกลจากโรคได้ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ลำไส้ใหญ่เป็นส่วนล่างของระบบทางเดินอาหารติดต่อโดยตรงกับลำไส้เล็กและส่วนปลายสุดคือทวารหนัก มะเร็งลำไส้ใหญ่พบได้ทั้งชายและหญิงในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะวัยกลางคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยรวมกันทั้งด้านสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ ด้านพฤติกรรมการทานอาหาร เช่น ทานเนื้อสัตว์มาก ทานอาหารที่มีไขมันสูง และทานผักผลไม้ที่มีกากใยน้อยเป็นประจำ เป็นต้น และด้านพันธุกรรม เช่น โรคบางอย่างของลำไส้ใหญ่ที่เป็นโรคทางพันธุกรรมหรือติ่งเนื้องอกในลำไส้บางชนิดที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรกอาจไม่มีอาการแสดงใดๆ หรืออาจมีแค่อาการปวดท้อง แน่นท้องคล้ายโรคกระเพาะอาหาร และเมื่อเป็นในระยะที่มากขึ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการขับถ่ายอุจจาระทั้งจำนวนครั้งและลักษณะของอุจจาระที่ออกมา มีเลือดและมูกออกทางทวารหนัก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ซีด หรือโลหิตจาง โดยไม่ทราบสาเหตุ คลำก้อนได้บริเวณท้อง และมีการอุดตันของลำไส้ใหญ่ หากมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีความสำคัญมากเพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาดได้ สำหรับการตรวจวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยการตรวจเลือดในอุจจาระ การตรวจลำไส้ใหญ่โดยการสวนแป้งแบเรียมเข้าไปทางทวารหนักและการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ "โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึงแม้จะเป็นกันมากแต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ทานผักผลไม้เป็นประจำ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้ง ย่าง ทอด รมควัน ลดอาหารไขมันสูง ควบคุมการขับถ่ายให้เป็นเวลา ส่วนผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือมีประวัติเคยเป็นโรคเกี่ยวกับทวารหนักและลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง เนื้องอก หรือมีบิดา มารดา ญาติพี่น้อง เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรตรวจลำไส้และทวารหนักอย่างน้อยปีละครั้ง" อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักควรเริ่มตั้งแต่เด็กโดยผู้ปกครองควรปลูกฝังให้เด็กทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาทะเล ผักผลไม้เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ธัญพืชประเภทข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ลูกเดือย ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีน้อยที่สุดจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงทานของทอด มัน เค็ม หวาน ปิ้ง ย่าง หมักดอง รวมถึงอาหารที่ถนอมด้วยเกลือและดินประสิว ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ออกกำลังกายเป็นประจำทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ก็จะทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งรวมถึงโรคต่างๆ ได้อีกด้วย 4 สัญญาณรู้ทันมะเร็งลำไส้ใหญ่ สัญญาณที่ 1 มีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ในลักษณะที่เป็นการปวดสลับกับหายปวดตามจังหวะของลำไส้ที่มีการบีบตัวตามปกติ มีสาเหตุมาจากอุจจาระจะผ่านตำแหน่งของลำไส้ที่มีเนื้องอกได้ยากกว่าเดิม ทำให้มีอาการปวดเป็นพักๆ เมื่อก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น อุจจาระก็จะยิ่งผ่านบริเวณนั้นได้ลำบากมากขึ้น อาการปวดก็จะค่อยๆ รุนแรงและมีการปวดบ่อยขึ้น สัญญาณที่ 2 มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย ซึ่งนอกจากอาการปวดที่ได้บอกไปแล้วนั้น การขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิมจะทำให้มีอาการท้องผูกต่อเนื่องหลายวัน สลับกับการถ่ายอุจจาระเหลวในลักษณะที่มีมูกปนมา โดยอาการเช่นนี้อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการท้องเสียจากการติดเชื้อ แต่อาการที่ชี้ให้เห็นว่าเราอาจเป็นมะเร็งลำไส้นั้น ไม่ได้มีแค่อาการท้องเสียเพียงอย่างเดียว แต่ยังสลับกับอาการท้องผูก ถ่ายลำบาก เนื่องมาจากช่องว่างของลำไส้ใหญ่ที่แคบลงจากก้อนเนื้อที่เกิดขึ้น ส่วนการเกิดมูกก็เกิดขึ้นจากเซลล์มะเร็ง สัญญาณที่ 3 มีอุจจาระหมายถึงมูกปนเลือด มีสาเหตุมาขนมจากตัวเนื้องอกแดนเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่นอกจากจะมีลักษณะเป็นก้อนแล้ว มักจะมีแผลแตกที่บริเวณก้อนร่วมด้วย ทำให้มีเลือดออกปนมากับอุจจาระเป็นระยะ สัญญาณที่ 4 มีขนาดของอุจจาระที่เล็กลง เพราะเกิดจากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง ฉะนั้น ก่อนกดชักโครก ให้หมั่นสังเกตลักษณะอุจจาระของตัวเองทุกครั้งว่ามีความผิดปกติหรือไม่ สาเหตุการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ การเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น ในทางการแพทย์ยังไม่ประจักษ์แจ้งสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด แต่ได้มีการพบปัจจัยที่อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ ได้แก่ การกลายพันธุ์ของยีน เมื่อยีนในร่างกายมีการกลายพันธุ์ ก็จะเปล่าสามารถควบคุมการทำงานของเซลล์ได้มา สุดท้ายก็จะเติบโตกลายหมายความว่าเซลล์มะเร็งที่ลุกลามไปยังเซลล์ข้างเคียงก่อนที่จะก่อตัวเป็นเนื้อร้าย ซึ่งยีนนั้นมีอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกายและถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมการทำงานข้าวของเซลล์ต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งด้วย การรับประทานอาหาร ในปัจจุบัน รูปแบบการรับประทานอาหารมีความพลิกผันไปในหลากหลายด้าน ยิ่งณทุกวันนี้บ้านเราก็มักจะนิยมรับประทานอาหารในแบบตะวันตกมากขึ้น ซึ่งเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน มีกากใยอาหารต่ำ จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารในลักษณะนี้มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ยังไม่สามารถบอกถึงความพันธ์ของใช้การเกิดโรคกับอาหารการกินที่ชัดเจน สาเหตุอื่นๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น พันธุกรรม : ในครอบครัวมีประวัติการป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะญาติที่เป็นสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่ หรือน้อง ก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรค ที่สำคัญ ความเสี่ยงนั้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น หากผู้ที่มีประวัติการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นก่อนอายุ 45 ปี อายุที่เพิ่มมากขึ้น : ยิ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้น ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่าอายุน้อยจะไม่พบ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะป่วยด้วยโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน การอักเสบของลำไส้ : การอักเสบคงจะเกิดขึ้นจากโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ อาทิ ลำไส้ใหญ่อักเสบ ยังไม่ตายแผลเรื้อรัง หรือโรคโครห์น ไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ การเข้ารับการฉายแสงเพื่อรักษามะเร็งบริเวณช่วงท้อง ส่งผลจากโรคอื่นๆ อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://health.sanook.com/4189/ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งปากมดลูก Tags : การดูแลสุขภาพ
|