หัวข้อ: [Test Drive] บุกสเปนขับ Mercedes-Benz CLS-Class หล่อแรงหรู ดูน่าคบหาซีแอลเอส45 เริ่มหัวข้อโดย: Cloudsupachai111 ที่ มีนาคม 08, 2018, 04:01:07 am [Test Drive] บุกสเปนขับ Mercedes-Benz CLS-Class หล่อแรงหรู ดูน่าคบหา หลังจากทำตลาดเรียกเสียงฮือฮาด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตคูเป้ซีดานมานาน เดมเลอร์ เอจี ได้เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Mercedes-Benz CLS-Class โฉมใหม่ ซึ่งนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์ที่เข้ามาสร้างเซกเมนต์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมของโลก CLS-Class ซีแอลเอสใหม่นั้น มาพร้อมภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งบึกบึน เครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ปรับสมรรถนะให้สูงขึ้น ความสะดวกสบายที่อัพเกรดขึ้นไปอีกขั้น รวมไปถึงเวอร์ชั่นเอเอ็มจี ที่มาพร้อมรหัสใหม่ 53 ซึ่งใช้เป็นครั้งแรกสำหรับค่ายรถยนต์ตราดาวกันเลยทีเดียว การทดสอบรถยนต์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการของสื่อมวลชนทั่วโลกเกิดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยสื่อมวลชน 320 แห่งจากทั่วโลกได้รับเชิญเข้าร่วมการทดสอบ โดยทางเดมเลอร์เตรียมรถยนต์ที่หลากหลายไว้ให้ทำการทดสอบกันมากกว่า 30 คัน แต่ก็ไม่ยักจะมีรุ่นที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเมอร์เซเดส–เบนซ์ ซีแอลเอส300ดี เอเอ็มจี พรีเมียม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ส่วนใหญ่รถทดสอบลอตแรกจะเป็นรุ่นท๊อปสุดกันเกือบทั้งหมด เรียกว่าหลัก ๆ ก็มาลองเอาความรู้สึกของรถใหม่กันไปเสียมากกว่า . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-2.jpg) รถยนต์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตูที่พัฒนามาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว Autostation ได้รับเชิญมาร่วมกับสื่อมวลชนเกือบ 10 ชีวิตจากประเทศไทย โดยกรุ๊ปทดสอบของเราน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วจริง ๆ เพราะทางเดมเลอร์กำหนดให้วสื่อมวลชนสามารถออกบททดสอบพร้อมกันได้ในวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งพวกเรายังขับวันที่ 2 กันอยู่เลยรีวิวรถ เราจับสวิสแอร์บินข้ามมาลงซูริคด้วยระยะเวลากว่า 12 ชั่วโมง ก่อนจะข้ามมายังประเทศสเปนด้วยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า อีกร่วม 2 ชั่วโมง รวมแล้วก็ค่อนวันพอดี มาถึงก็เกือบเที่ยงคืนที่สเปนแล้ว เข้านอนไวไวแล้วพรุ่งนี้ออกไปขับรถทดสอบกันดีกว่า เส้นทางการทดสอบนั้นจะเริ่มต้นที่สนามบินบาร์เซโลน่า ผ่านเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีบางเส้นวิ่งเลียบชายหาดสวย ๆ กันไป ซึ่งสเปนนั้น ในยุคหลัง ๆ เป็นจุดหมายปลายทางในการทดสอบรถยนต์ของค่ายรถยุโรปหลายครั้ง แข่งกับโปรตุเกส ไม่รู้ว่าพราะอะไร . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-9.jpg) สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความแรงและสมรรถนะอันยอดเยี่ยม อากาศตอนนี้ค่อนข้างหนาวและออกจะแปรปรวนเล็ก ๆ ก่อนเดินทางมาเช็คสภาพอากาศก็ถือว่าค่อนข้างป่วน ดูเหมือนแจ็คเก็ตเอเอ็มจีที่ทางเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทยให้ติดไม้ติดมือมา อาจจะไม่เพียงพอที่จะปกป้องมนุษย์โซนร้อนของโลกอย่างพวกเราได้ ตัดแวบกลับมาที่รถยนต์ทดสอบของพวกเรา เมอร์เซเดส–เบนซ์ ซีแอลเอสนั้น ถือเป็นรถที่ทำตลาดได้ในระดับดีพอสมควรของเมอร์เซเดส–เบนซ์ แต่ด้วยความโดดเด่นในฐานะผู้นำของเซกเมนต์สปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่มีการพัฒนารถแบบดังกล่าวตามมาหลายรุ่น ทำให้รถคันนี้ยังได้ไปต่อในตลาดโลกซีแอลเอส45 และแน่นอนว่าในประเทศไทยก็เช่นกัน ในการเปิดตัวครั้งแรกก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยตัวถังแบบคูเป้ 4 ประตู โดยรถยนต์คันนี้ ถูกเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าดรีมคาร์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นรถยนต์ในฝันของบรรดาผู้ครอบครองยนตรกรรมตราดาวทุกหมู่เหล่า . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-7.jpg) ถ้าเป็นเวอร์ขั่นเอเอ็มจี จะมาพร้อมขีดคู่ที่กระจังหน้ารถ ด้านหน้าของตัวรถได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอใหม่ ๆ ของค่ายรถยนต์ตราดาวมาทั้งหมด ด้วยกระจังหน้าที่มีเส้นตัดเพียงเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์แบบคูเป้ พร้อมเส้นสายที่ดูกว้างและมีลักษณะทอดตัวลงไปที่พื้น แต่ในรุ่นเอเอ็มจีจะเป็นลายเส้นคู่ดูดุดัน โคมไฟหน้าที่ดูลดความหวือหวาลงจากรุ่นก่อนหน้า แต่ออกแบบให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกระจังหน้า เสริมความเด่นด้วยกรอบไฟที่เป็นเหลี่ยมมุมอย่างสวยงาม เส้นสายของตัวรถนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูง และลากต่อกันเป็นเส้นเดียวตั้งแต่กระจังหน้าไปจรดไฟท้ายMercedes-Benz หลังคาซันรูฟแบบเลื่อนเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า กันชนหน้า–หลังและสเกิร์ตทรงสปอร์ต ล้ออัลลอยที่ดูสปอร์ตเหนือรูปทรงอันคลาสสิต โคมไฟหน้าแบบมัลติบีม แอลอีดี และไฟท้ายแบบแอลอีดี มาพร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติกติดตั้งมาในรถคันนี้ . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-11.jpg) เบาะที่นั่งคู่หน้าดีเกือบหมด ขาดแต่ไม่มีถุงลมดันหลังมาให้ แน่นอนว่าการเดินเข้าไปในรถยังต้องใช้ความระมัดระวังและยังต้องก้มหัวเข้าไปในห้องโดยสารอยู่ดี ในรุ่นท๊อปนั้น เบาะผู้ขับขี่จะมาพร้อมระบบปีกข้างที่จะช่วยรักษาตำแหน่งการนั่งด้วยการปรับตัวมารองรับน้ำหนักโดยอัตโนมัติ แต่เบาะคู่หน้าทั้ง 2 ตัวกลับไม่มีระบบดันหลังมาให้ ตำแหน่งการนั่งและการรองรับน้ำหนักนั้นทำได้อย่างดีสำหรับเบาะโดยสารคู่หน้า ขณะที่เบาะหลังนั้น ก็ยังมีความสูงใกล้เคียงกับรุ่นที่ผ่านมา ๆ แน่นอนว่าเมื่อเข้าไปนั่งแล้วจะเหลือพื้นที่เหนือศีรษะไม่มากนัก แต่ตำแหน่งการนั่งนั้นดีพอสมควร และเบาะก็มีความนุ่มนวลในการเดินทางไกลที่ดีใช้ได้รีวิวรถ ห้องโดยสารที่ดูหรูหราในแบบฉบับของเมอร์เซเดส–เบนซ์ มีจุดขายหลักที่กรอบช่องลมของแอร์ที่มีการติดตั้งไฟมาให้ ซึ่งหากมีการปรับอุณหภูมิลดลงก็จะมีไฟสีฟ้ากระพริบ และหากปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น ก็จะมีไฟสีแดงกระพริบแทน ถือเป็นกิมมิกเล็ก ๆ ที่ดูดีไม่หยอก . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-5.jpg) ภายในห้องโดยสารที่หรูหราและเต็มไปด้วยอุปกรณ์ใช้สอยมากมาย การแสดงผลของหน้าจอนั้น ดูผ่าน ๆ เหมือนขอหยิบยืมมาจากพวกอี–คลาสยังไงก็อย่างนั้น หน้าจอสามารถปรับการแสดงผลได้ 3 รูปแบบตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยจะแสดงผลต่างกันไปในโหมดตลาสสิค สปอร์ตและโปรเกรสซีฟ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ห้องโดยสารได้รับการปรับแต่งใหม่ โดยเป็นครั้งแรกที่ซีแอลเอสมาพร้อมกับเบาะโดยสาร 5 ตำแหน่ง ตัวเบาะได้รับการออกแบบเพื่อให้รองรับน้ำหนักและการเดินทางไกลอย่างดี และเบาะหลังสามารถพับได้ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 520 ลิตรซีแอลเอส45 พวงมาลัยแบบ 3 ก้านปรับน้ำหนักตามความเร็วของรถด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส หน้าจอแสดงผลแบบไวล์ดสกรีนขนาด 12.3 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ ควบคุมและสั่งงานด้วยทัชแพด และยังสามารถเลือกสีของห้องโดยสารได้ถึง 64 สีอีกต่างหาก . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-6.jpg) เครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ให้สมรรถนะเพิ่มด้วยระบบอีคิว บูสต์ สำหรับคันที่เราทำการดทดสอบในทริปนี้ ได้แก่รุ่นท๊อปของค่ายอย่างMercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เอเอ็มจีรุ่นใหม่ที่มาพร้อมรหัส 53 เป็นครั้งแรกของค่าย โดยมีจุดขายที่แตกต่างจากรหัส 43 และ 63 อยู่พอสมควร ซึ่งซีแอลเอสได้สัมผัสกับเครื่องรุ่นแรก เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้าที่6,100 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,800 รอบต่อนาที และเลือกเสริมกำลังด้วยระบบอีคิว บูสต์ ซึ่งเป็นการนำไฟฟ้าเข้ามาช่วยเสริมกำลังของเครื่องยนต์ให้จี๊ดจ๊าดเพิ่มขึ้นCLS-Class ด้วยระบบอีคิว บูสต์ ที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นมา ทำให้เครื่องยนต์ในภาพรวมได้กำลังเพิ่มขึ้นมาอีก 22 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นมาถึง 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ใช้เวลาแค่ 4.5 วินาทีในการวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-12.jpg) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมในทุกเส้นทาง ระบบการขับขี่ไดนามิก ซีเลคซ์ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 5 แบบ กุญแจแบบคีย์เลสโกพร้อมแฮนด์ฟรีแอคเซส การแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า มาพร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบปรับองศาการเลี้ยวของไฟตามพวงมาลัย การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นเป็นไปแบบกระชับฉับไวในแบบของรถยนต์เอเอ็มจี เมื่อกดคันเร่งแล้วจะรู้สึกถึงอาการหลังติดเบาะอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดคอมฟอร์ตหรือสปอร์ต เพียงแต่เสียงเครื่องยนต์ในโหมดสปอร์ตนั้นจะกังวาลหวานกว่าอย่างชัดเจนเท่านั้นรีวิวรถ พวงมาลัยที่มีขนาดใหญ่ไปนิดหน่อยให้น้ำหนักการควบคุมที่เบาไปเล็กน้อย แต่ตึงมือขึ้นในโหมดสปอร์ต ให้การควบคุมรถที่ดีเยี่ยม เราพารถผ่านทางโค้งลัดเลาะไปตามหุบเขาและพื้นถนนลื่น ๆ หลังหิมะตกได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร และเพื่อนร่วมทางก็ไม่เมารถเสียด้วย . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-10.jpg) เบาะที่นั่งตอนหลังดูสบาย แต่หัวติดหลังคาเอาเรื่อง ช่วงล่างของรถนั้นให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมทั้งย่านความเร็วต่ำและสูง การวิ่งข้ามเนินหรือลงหลุมบ่อทำได้อย่างสบาย ไม่มีอาการโยนตัวเกินไปหรือออกลูกหวาดเสียวใดใดทั้งสิ้น แม้ในโหมดสปอร์ตอาจจะดูแข็ง ๆ ไปบ้างเวลาข้ามเนินสูง ๆ แต่ก็แลกกับความแน่นหนึบที่ไม่ต้องลุ้นในการขับขี่แต่อย่างใด ซีแอลเอสใหม่ยังมาพร้อมระบบช่วยการนำรถเข้าจอดโดยอัตโนมัติ ระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ระบบนำทาง และฟังชั่นส์การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ที่มาพร้อมแอปเปิลคาร์เพลย์และแอนดรอยด์ออโต้ ติดตั้งมาอย่างครบครันซีแอลเอส45 แม้จะยังไม่ได้ลองเล่นระบบอะไรมากมายของรถคันนี้ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นรถที่ให้ของเล่นมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่แน่ใจว่าพอมาถึงเวอร์ขั่นจำหน่ายในประเทศไทยแล้วจะโดนตัดลดทอนอะไรลงไปหรือเปล่า นอกเหนือไปจากเครื่องยนต์ที่จะหันไปใช้เครื่องยนต์เล็กสุดในรุ่นแทน . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-3.jpg) ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีขนาดใหญ่โตเอาเรื่อง อย่างไรก็ตาม หากไม่มองในเรื่องของเครื่องยนต์เอเอ็มจีที่ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมแล้ว ต้องบอกว่าทีมงานของเมอร์เซเดส–เบนซ์ได้ทำการพัฒนาซีแอลเอสไปอย่างมาก จากรถสปอร์ตคูเป้ที่ดูเฉย ๆ ในรุ่นที่ผ่านมา กลายมาเป็นรถที่ให้การขับขี่ที่ดีเยี่ยม มีความรู้สึกสนุกสนานไปกับการขับขี่อย่างเต็มที่ ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นเครื่องยนต์อื่น ๆ ของรถคันนี้จะให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกันหรือไม่ สมรรถนะจะลดทอนลงไปเพียงใด แต่ที่แน่ ๆ เซตอัพในภาพรวมของรถคันนี้นั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น และน่าจะเป็นรถอีกคันที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ต้องการความโดดเด่นบนท้องถนน ไม่ว่าจะภาพลักษณ์หรือการขับขี่ก็ตามทีCLS-Class เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) เตรียมเปิดตัวเมอร์เซเดส–เบนซ์ ซีแอลเอส300ดี ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ พร้อมเทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาด 1,950 ซีซี. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-4.jpg) รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เอเอ็มจีระบบใหม่ที่ใช้เป็นครั้งแรก ตามสเปกระบุว่าด้วยเครื่องยนต์ดังกล่าว ซีแอลเอสเวอร์ชั่นจำหน่ายในประเทศไทยนั้นจะสามารถวิ่งจาก 0-100 กืโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.4 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กิโลเมตร แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าไม่มีรุ่นนี้ให้ทดสอบ ก็เลยรอไปขับที่ประเทศไทยก็แล้วกันนะรีวิวรถ แล้วก็ต้องลุ้นเรื่องราคาเปิดตัวสำหรับรุ่นทำตลาดในประเทศไทย รวมถึงแผนการในอนาคตว่าจะมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นเอเอ็มจีตามมาอีกหรือไม่ เป็นแผนงานที่น่าสนใจและน่าติดตามทั้งสิ้น… . (https://www.autostation.com/wp-content/uploads/2018/03/Mercedes-Benz-CLS-Class-8.jpg) ด้วยแบรนด์ของเอเอ็มจีไม่เคยทำให้ผิดหวังเรื่องการขับขี่ ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของแวดวงยานยนต์ได้ที่ Autostation.com Tags : ข่าวสารยานยนต์ , รีวิวรถยนต์
|