หัวข้อ: อหิวาตกโรค - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ มีนาคม 19, 2018, 10:25:23 am (https://uppic.cc/d/aMv)
อหิวาต์ (Cholera)
แบคทีเรีย V.cholerae ถูกรายงานครั้งแรก ในปี คริสต์ศักราช1854 ที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี โดย Pacini ได้ตรวจเจอแบคทีเรีย รูปร่างโค้งงอเยอะมากในลำไส้คนไข้ แล้วให้ชื่อว่า Vibrio cholera แต่การศึกษาค้นพบครั้งนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับจนกระทั่ว Robert Koch ได้ศึกษาเล่าเรียนผู้ป่วยชาวอียิปติ ในปี ค.ศ.1883 และตรวจพบเชื้อแบคทีเรียรูปร่างคล้ายตัวเขียน comma รวมทั้งสามารถแยกเชื้อบริสุทธิ์ ก็เลยตั้งชื่อว่า Kommabazillen แต่ถัดมาเปลี่ยนเป็น Vibrio comma แล้วก็ใช้โด่งดังกล่าวมาหลายสิบปี กระทั่งกระทั่วคณะทำงานในกรุ๊ปของ Pacini ได้เปลี่ยนแปลงชื่ออีกรอบเป็น Vibrio cholera จากความเป็นมาดั้งเดิม พบว่าดรคนี้มีมาตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.1800 หรือก่อนศตวรรษที่ 19 คาดคะเนว่าจุดเริ่มมาจากแม่น้ำคงคา และก็แม่น้ำพรหมบุตร ในประเทศประเทศอินเดีย ส่วนความหมายของ cholera ได้รับอิทธิพลมาจากภาษากรีก คือ ‘bilious’ หมายความว่า เกี่ยวกับน้ำดี การระบาดใหญ่ทั้งโลกเจอคราวแรกเมื่อ คริสต์ศักราช1817 จนกว่า ค.ศ.1923 รวม 6 ครั้ง มีต้นเหตุที่เกิดจาก Vibrio cholerae serogroup O1 biotype Classical สิ้นปี คริสต์ศักราช1992 เกิดโรคระบาดใหญ่คล้ายอหิวาตกโรคอีกรอบในทางตอนใต้แล้วก็ตะวันออกของประเทศอินเดีย และบังคลเทศ ลักษณะเชื้อคล้ายกับ V.cholerae serogroup O1 biotype El Tor แม้กระนั้นไม่นอนก้นกับ antiserum ทั้งยัง 138 serogroup ที่มีอยู่เดิม ก็เลยจัดให้เป็น V.cholerae สายพันธุ์ใหม่ serogroup O139 หรือ V.cholerae Bengal. อาการของอหิวาต์ คนที่ติดเชื้อแต่ละคน บางทีอาจแสดงอาการแตกต่างกัน สังกัดจำนวนเชื้อที่ได้รับแล้วก็ความต้านทางของแต่ละบุคคล ระยะฟักตัวของเชื้อประมาณ 1-5 วัน อาการที่เห็นได้ชัด ดังเช่น อุจจาระหล่น ลักษณะอุจจาระในระยะเริ่มต้นมักมีเศษอาหารคละเคล้าอยู่ ต่อมามีลักษณะอาการถ่ายเป็นน้ำเหมือนน้ำแช่ข้าว มีเหม็นกลิ่นคาว ถ้าถ่ายนานๆอาจมีน้ำดีคละเคล้าออกมาด้วย อุจจาระไม่มีมูกเลือด ผู้เจ็บป่วยอาจมีคลื่นไส้ร่วมด้วย ส่วนอาการปวดท้องและก็จับไข้ไม่ค่อยเจอ ในรายที่อาการไม่ร้ายแรงมักมีอาการคล้ายกับของโรคติดเชื้อในลำไส้จากเชื้อต่างๆยกตัวอย่างเช่น Salmonella, Shigella และ Escherichia coli ฯลฯ แม้เป็นอย่างไม่รุนแรง เหล่านี้มักหายด้านใน 24 ชั่วโมง หรืออย่างช้า 5 วัน มีลักษณะอุจจาระเหลวเป็นน้ำ วันละหลายครั้ง แต่ปริมาณอุจจาระไม่เกินวันละ 1 ลิตร ในคนแก่อาจมีปวดท้องหรือ คลื่นไส้อ้วกได้ ในรายที่อาการรุนแรง จะเจอสถานการณ์ร่างกายขาดสารน้ำแล้วก็ธาตุ ทำให้เหน็ดเหนื่อย อยากกินน้ำ เป็นตะคริว เสียงแหบ แก้มตอบ เบ้าตาลึก ผิวหนังแล้วก็เยื่อเมือกต่างๆแห้ง มือและก็นิ้วเหี่ยวย่น ตัวเย็น ชีพจรเบาจวบจนกระทั่งจับไม่ได้ เลือดข้น มีความเป็นกรดในเลือดสูง ความดันโลหิตต่ำ รูปแบบนี้หากให้การรักษาไม่ถูกจำต้องและก็ทันเวลา ผู้ป่วยบางทีอาจช็อก ไตวายอย่างเฉียบพลัน เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้เร็ว อาการอุจจาระร่วงและก็อ้วกอาจส่งผลให้คนป่วยสูญเสียน้ำไปมากกว่า 1 ลิตรต่อชั่วโมง หรือ 10-15 ลิตรต่อวัน (ร่างกายของคนเรามีน้ำราว 20-40 ลิตร) อุจจาระของคนป่วยจะประกอบด้วย epithelial cell, mucosa cell อีเลคโตรไลท์ และก็เชื้อ V.cholerae โดยประมาณ 10-10 ต่อมิลลิลิตร รูปร่าง ผู้ติดเชื้อโรค biotype Classical แล้วก็ biotype El Tor ที่ออกอาการชนิดร้ายแรงต่อชนิดไม่ รุนแรงเท่ากับ 1:5-1:10 รวมทั้ง 1:25-1:100 ตามลำดับ ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งอหิวาตกโรค[/size][/b] แบคทีเรียวิบริโอ วัวเลอรี หรือเชื้ออหิวาต์ พบได้บ่อยในของกินหรือน้ำที่แปดเปื้อนสิ่งสกปรกหรืออุจจาระของคนซึ่งมีเชื้อนี้อยู่ในนั้น ดังนั้นสาเหตุที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อรวมทั้งแพร่ระบาดของโรคจึงมักมาจากน้ำ ของกินบางจำพวก แล้วก็ต้นเหตุอื่นๆดังเนื้อหาต่อไปนี้ แหล่งน้ำ เชื้ออหิวาตกโรคสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้เป็นระยะเวลานาน โดยแหล่งน้ำสาธารณะที่ได้รับการปนเปื้อนจากเชื้อแบคทีเรียจำพวกนี้ถือเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคคุณภาพดี คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดและปราศจากการจัดการด้านเขตสุขาภิบาลที่ดีอย่างพอเพียงจึงเสี่ยงป่วยเป็นอหิวาต์ได้ อาหารทะเล การกินอาหารทะเลดิบหรือเปล่าได้ปรุงสุก โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารทะเลประเภทหอย ซึ่งกำเนิดในแหล่งน้ำที่น้ำแปดเปื้อนพิษนั้น จะทำให้ร่างกายได้รับเชื้ออหิวาต์ ผักแล้วก็ผลไม้สด พื้นที่ที่อหิวาตกโรคระบาดในท้องถิ่นนั้น ผักแล้วก็ผลไม้สดที่ไม่ได้ปอกมักเป็นแหล่งเพาะเชื้ออหิวาต์ สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีการใช้ปุ๋ยคอกที่ไม่ได้หมักหรือแหล่งน้ำเน่า ผลิตภัณฑ์ที่ปลูกบางทีอาจปนเปื้อนเชื้ออหิวาตกโรคได้ ธัญพืชต่างๆสำหรับพื้นที่ที่อหิวาต์ระบาดนั้น การประกอบอาหารด้วยเมล็ดพืชอย่างข้าวหรือข้าวฟ่างอาจได้รับเชื้ออหิวาตกโรคแปดเปื้อนภายหลังจากปรุงเสร็จ และเชื้อจะอยู่ในอาหารอีกหลายชั่วโมงที่อุณหภูมิระดับห้อง โดยเชื้อที่ยังคงอยู่จะเปลี่ยนเป็นพาหะทำให้เกิดการเติบโตของของเชื้ออหิวาต์ การจัดการเขตสุขาภิบาลไม่ดี เหตุเพราะอหิวาต์จะเกิดการติดโรคและก็แพร่ระบาดผ่านทางเรือ หากพื้นที่ใดมีการจัดการระบบเขตสุขาภิบาลไม่ดี ก็จะก่อให้มีการแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย ตัวอย่างเช่น ในค่ายหนีภัย ประเทศหรือพื้นที่ที่ประสบภาวการณ์ยากแค้น ขาดแคลนอาหาร เกิดการรบ หรือเผชิญภัยทางธรรมชาติ อื่นๆอีกมากมาย ภาวะไม่มีกรดในกระเพาะ (Hypochlorhydria/Chlorhydria) เนื่องด้วยเชื้ออหิวาตกโรคไม่สามารถที่จะอยู่ได้ในสภาวะที่มีกรด โดยเหตุนั้น กรดในกระเพาะของผู้คนนับว่าเป็นด่านปราการชั้นแรกที่ช่วยปกป้องไม่ให้ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียประเภทนี้ แต่ว่าสำหรับคนที่มีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ อย่างเด็ก คนวัยชรา หรือผู้ที่ใช้ยาลดกรดหรือยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร จะไม่มีกรดมาคุ้มครองเชื้ออหิวาต์ จึงเสี่ยงเป็นอหิวาต์ได้สูงยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป การอยู่ร่วมกับคนที่มีอาการป่วยเป็นอหิวาตกโรค คนที่อาศัยอยู่ร่วมกับคนที่ป่วยด้วยอหิวาตกโรคมีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ แนวทางการรักษาอหิวาต์ แพทย์สามารถวินิจฉัยอหิวาต์ได้จากประวัติอาการ ประวัติความเป็นมาสัมผัสโรค ลักษณะอุจจาระ (วินิจฉัยทางสถานพยาบาล) การตรวจอุจจาระ และก็การเพาะเชื้อจากอุจจาระดังนี้ การวินิจฉัยทางสถานพยาบาล อาศัยประวัติความเป็นมา อาการ แล้วก็อาการแสดง และลักษณะอุจจาระ. ในถิ่นที่มีการระบาดเมื่อมีคนไข้อุจจาระร่วงอย่างแรงร่วมกับอาการของภาวะขาดน้ำอย่างรวดเร็วรุนแรง ให้สงสัยว่าผู้เจ็บป่วย เป็นอหิวาตกโรคไว้ก่อน. การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ทำได้โดยตรวจอุจจาระด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะไม่พบเม็ดเลือดแดงแล้วก็เม็ดเลือดขาว ถ้าใช้ dark-field microscope จะมองเห็นเชื้อ V. cholerae เคลื่อนอย่างรวดเร็วไปทางเดียว กันแบบดาวตก (shooting star หรือ darting). ถ้ามี antisera ต่อ V. cholerae O1 หรือ O139 หยดลงในอุจจาระ เชื้อจะหยุดเคลื่อนโดยทันที น่าจะเป็น V. cholerae O1 หรือ O139 ซึ่งทำเป็นเร็วทันใจ แต่ว่าแนวทางลักษณะนี้ยังมีความไวและความจำเพาะไม่ดีนัก. การตรวจรับรองด้วยการเพาะเชื้อจากอุจจาระได้ผลแน่ๆที่สุด ควรที่จะเก็บตัวอย่างอุจจาระใน Cary-Blair transport medium ซึ่งเก็บได้นานถึง 7 วัน. การเพาะเชื้อจะใช้ใน thiosulphate citrate bile salt sucrose (TCBS) agar เชื้อขึ้นได้ดี. ห้องทดลองบางแห่งจะแยกเชื้อใน alkaline peptone water ด้วยเชื้อที่เพาะได้จะถูกทดสอบความไวของยาและทดลองว่าเป็น V. cholerae O1 หรือ O139 การตรวจค้นสายพันธุกรรม ด้วย poly chain reaction (PCR) หรือ DNA probe มีความไวสูง รวมทั้งบางทีอาจยืนยันว่า เชื้อมียีนก่อโรคหรือเปล่าด้วย (https://uppic.cc/d/aMP) ยิ่งไปกว่านี้ในขณะนี้ยังมีวิธีการวิเคราะห์ใหม่ๆได้แก่ เคล็ดวิธีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอาร์ (Polymerase Chain Reaction: PCR) เทคนิคนี้เป็นการสังเคราะห์องค์ประกอบดีเอ็นเอในหลอดทดสอบ ซึ่งถูกคิดค้นแล้วก็พัฒนาขึ้นเพื่อนำมาตรวจชื้ออหิวาต์ด้วย อย่างไรก็ดี แนวทางคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอาร์ยังมิได้นำมาใช้ในฐานะการตรวจแอนติบอดี้ในเลือดอย่างล้นหลามในขณะนี้นัก การตรวจด้วยแถบตรวจอหิวาต์ วิธีการแบบนี้เหมาะสมกับคนที่อยู่ในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ไม่สามารถเข้ารับการวิเคราะห์ด้วยวิธีตรวจตัวอย่างอุจจาระได้ โดยคนป่วยจะทราบผลการวิเคราะห์ได้ก่อนจากแถบตรวจดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคในพื้นที่ที่เกิดการระบาดของอหิวาต์และนำมาซึ่งการให้ความให้การช่วยเหลือจากกรุ๊ปสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาดของโรคถัดไป อย่างไรก็แล้วแต่ การตรวจด้วยแถบวัดนี้บางทีอาจไม่แม่นยำเสียทีเดียว วิธีวินิจฉัยที่เที่ยงตรงที่สุดเป็นการตรวจแบบอย่างอุจจาระผู้ป่วย ซึ่งกระทำตรวจในห้องทดลองด้วยผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่นั้น การดูแลรักษาคนเจ็บอหิวาตกโรคที่ถูกแล้วก็สำเร็จเป็น การทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปกับอุจจาระ และอาเจียน ด้วยปริมาณที่สมควรรวมทั้งตรงเวลาในเรื่องที่คนป่วยยังดื่มได้ควรจะให้ดื่มทางปาก แต่ถ้าหากมิได้ควรให้ทางเส้นโลหิต ในจำนวนที่เท่ากันกับปริมาณน้ำที่สูญเสียไปโดยประมาณเป็น ปริมาณร้อยละ 5 ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ในรายที่เป็นน้อยร้อยละ 7 ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ในรายที่มีลักษณะอาการปานกลาง แล้วก็ปริมาณร้อยละ 10 ในคนป่วยมีอาการช็อค ควรให้น้ำเกลือ isotonic ทางหลอดเลือดในทันที น้ำเกลือควรจะประกอบด้วยไบคาร์บอเนต (อะซิเตรต หรือแล็กเตตไอออน) 24-48 ไม่ลลิอิควิวาเลนต์ต่อลิตร รวมทั้ง 10-15 ไม่ลลิอิควิวาเลนต์ต่อลิตรของโปแตสเซียม ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกชี้แนะให้ใช้ Ringer’s lactate solution ในเด็กให้เป็นสารละลาย 2 ประเภทผสมกันในอัตราส่วน 2:1หมายถึงisotonic salution : isotonic sodium lactate (1/6 โมลาร์) หรือ isotonic sodium bicarbonate ส่วนน้ำตาลเกลือแร่ที่ดื่มนั้น เดี๋ยวนี้ทางองค์การอนามัยโลกให้ใช้สารละลายที่เรียกกว่า oral rehydration solution (ORS) ซึ่งในส่วนผสมของ ORS จะให้จำนวนของอีเลคโตรไลท์ครบดังที่ร่างกายอยากหมายถึงNa 90, K 20, CI 80 แล้วก็ HCO3 30 mEq/L อย่างไรก็ตามการกำจัดเชื้อให้หมดจากอุจจาระนั้น ควรให้ยาปฏิชีวนะสำหรับเพื่อการรักษาร่วมเพื่อลดช่วงเวลาการป่วยให้สั้นลงและเป็นการลดแหล่งแพร่ระบาดด้วย ควรที่จะใช้ข้อมูลการเฝ้าระวังการดื้อยาของเชื้อทางห้องปฏิบัติการเพื่อทราบแนวโน้มการดื้อยาประกอบกิจการใคร่ครวญ เพื่อคุ้มครองการแพร่ระบาดของเชื้อดื้อยา ในขณะนี้สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสม (First drug of choice) ในรายที่อาการร้ายแรงให้ไตร่ตรองสำหรับในการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ tetracycline หรือยาปฏิชีวนะตัวอื่นๆจะช่วยลดระยะของโรคให้สั้นลง ลดการสูญเสียน้ำ ตลอดจนลดระยะของการแพร่ระบาดลง ยาปฏิชีวนะองค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำการดูแลและรักษาเป็น เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี ให้ Norfloxacin 20 มก/กก/วัน นาน 3 วัน เด็กแก่กว่า 8 ปี ให้ Tetracycline 30 มก/กก/วัน นาน 3 วัน ในผู้ใหญ่ให้ Tetracycline ทีละ 500 มก.วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วันหรือ Doxycycline ทีละ 100 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 3 วันหรือ Norfloxacin ทีละ 400 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน (กรณีเชื้อดื้อรั้นต่อ Tetracycline)
เพราะอหิวาต์เป็นโรคติดต่อรวดเร็วรุนแรง รวมทั้งก่อการระบาดได้อย่างเร็ว โดยมีสาเหตุมาจากการได้รับเชื้ออหิวาตกโรคซึ่งอยู่ในอุจจาระของผู้เจ็บป่วย (ซึ่งแบคทีเรียสามารถอยู่ได้นานถึง 7 - 14 วัน) แล้วแปดเปื้อนในอาหาร น้ำกิน จากผิวน้ำในแหล่งน้ำดื่ม น้ำใช้ และก็เมื่อรับประทานหรือดื่มอาหาร/น้ำแปดเปื้อนพวกนี้จึงก่อการติดเชื้อ ซึ่งคนที่ได้รับเชื้อ จะกำเนิดอาการได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ถึง 5 วัน แต่ว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะกำเนิดอาการข้างใน 1-2 วัน เพราะฉะนั้นอหิวาตกโรคก็เลยไม่เหมาะสำหรับในการใช้สมุนไพรมากระทำบำบัดรักษา เพราะเป็นโรคที่มีการติดต่อ การระบาดที่เร็วทันใจแล้วก็มีความร้ายแรง จนกระทั่งชีวิตได้ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันเวลา เอกสารอ้างอิง
|