หัวข้อ: เครื่่องเป่าฟิล์ม เริ่มหัวข้อโดย: Boyzite1011 ที่ มีนาคม 20, 2018, 09:07:49 pm ความรู้เบื้องต้นเครื่องเป่าฟิล์มงานพิมพ์กราเวียร์[/b]
ด้านล่างมีบทความที่น่าสนใจ *** อันดับแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ ต้องทราบก่อนว่า งานที่จะต้องการผลิตคืองานอะไร มีลักษณะอย่างไร ต้องการไปบรรจุสินค้าชนิดใด เป็นของเหลวหรือของแห้ง, ขนาดบรรจุ ,มีความต้องการความสวยงามมากหรือน้อย,ต้องการอายุการใช้งานของสินค้านานเท่าไร ถ้ายังไม่ทราบไม่ต้องไปหาข้อมูลเครื่องจักรให้เสียเวลา หรือว่าหาข้อมูลไปก็ผิดพลาดเสียเวลาไปเปล่าๆ หรืออาจจะเสียเงิน เพราะว่าข้อมูลเริ่มต้นว่าจะผลิตงานอะไรก็ยังไม่รู้เลย***ถ้ามีการผิดพลาด ทำการแก้ไขภายหลังเป็นเรื่องยาก*** ***เครื่องจักรทุกชนิดไม่สามารถผลิตงานได้ดีทุกงานต้องเลือกเครื่องจักร ที่เหมาะสมกับงาน ผู้ขายเครื่องจักรที่ไม่มีประสบการณ์ จะแจ้งว่าเครื่องจักร สามารถผลิตงานได้ แต่ไม่ได้บอกว่าผลิตได้ดีหรือไม่ดี เมื่อผลิตไม่ได้หรือไม่ดีก็จะโทษว่าคนทำงานไม่ดี***ปัจจุบันสินค้ามีการแข่งขันด้านการตลาดแข่งขันกันด้านราคากันมาก ซึ่งด้านราคาผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดหรือเลือกผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันด้านราคา ในการควบคุมราคาหรือต้นทุนการผลิตให้ต้นทุนต่ำ อยู่ที่การควบคุมคุณภาพให้ได้ดีไม่มีการ REJECT. และที่สำคัญคือการลดการสูญเสีย NC & WASTE จึงต้องเลือกเครื่องจักรที่ถูกต้องเหมาะสมกับงานที่ต้องการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ*** (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2016/04/33-1-2-218x300.png) VDOการทำงานเครื่องเป่าฟิล์ม ควรสังเกตจะไม่มีการตัดขอบฟิล์มเป็นการลดการสูญเสีย ด้านล่างบทความมีการตอบปัญหางานแบบคร่าวๆ กว้างๆ (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2017/03/SmartSelectImage_2017-05-06-12-37-06-300x250.png) รูปความเงาของผิวหัวดายของเครื่องเป่าที่คุณภาพดีมาก ผิวต้อง เรียบ เงา ( มาก ) จึงสามารถใช้เป่างานได้ฟิล์มคุณภาพดี อาจมีการตอบคำถามปัญหาบางอย่าง ที่ทุกๆโรงงาน อาจจะมีการมองข้ามปัญหาและสาเหตุไปและชอบบอกว่า “ไม่เกี่ยวข้องกัน”แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ ปัญหานั้นๆก็ไม่จบสักที ( ถ้าไม่เปิดกว้างทางด้านความคิดและรับเรื่องเทคนิคใหม่ๆเข้ามาเพื่อหาสาเหตุที่เกิดปัญหา ก็หาสาเหตุไปจนเกษียนก็หาคำตอบไม่ได้ คนเก่งคำพูดมีเยอะ ) ***ลูกยางกดทับ ( nip roll ) ไม่ดี แข็งเกินไป,นิ่มเกินไป,บวม,เป็นร่อง,เป็นขุย etc. มีผลกับ ระบบควบคุมความตึง-หย่อน ( tension) ของเครื่องจักร เพราะะว่าเมื่อกดทับลูกยางได้ไม่ดี ทำให้ระบบควบคุม จะไม่แยกการควบคุมเป็นช่วงๆ UNWINDER , IN FEED , OUT FEED,REWINDER จะทำงานไม่แยกส่วนการควมคุม มีผลทำให้ ฟิล์มที่ใช้ผลิตงานจะควบคุมความตึง -หย่อน ของฟิล์มไม่ได้ จะยึดและหดเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ใช้งานได้ดี*** ***ในบทความมีหลายๆระดับความรู้ เลือกหาอ่านเนื้อหาที่อ่านแล้วมีความเข้าใจ ตามพื้นฐานความรู้เรื่องพิมพ์กราเวียร์[/b] ของแต่ละบุคคลครับ ถ้าบางเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆไปก่อน แล้วลองกลับมาอ่านซ้ำเพื่อทำความเข้าใจ เพราะว่ามีรายละเอียดมากทุกขั้นตอนอาจจะเขียนได้ไม่ครอบคลุมทุกเรื่องได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาต่างๆเกิดจาก เครื่องจักร , คน ,วิธีการทำงาน ,วัตถุดิบ ถ้าแยกออกเป็นเรื่องย่อยๆแล้วจะใช้เวลาเขียนนาน ควรอ่านเฉพาะที่มีเข้าใจและที่ต้องการอ่านก่อน เพื่อนำไปใช้ทำความเข้าใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน อาจจะตรงประเด็นกันบ้าง ไม่ตรงประเด็นกันบ้าง คิดเสียว่ายังมีเรื่องราวเรื่องการ พิมพ์ระบบกราเวียร์ ให้อ่านบ้างก็ดีนะครับผม ***อ่านบทความก็จะทราบดีว่ามีประสบการณ์จริง เขียนบทความจากประสบการณ์ในการทำงานจริง ภาษาที่ใช้เขียนเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในการปฎิบัติงานในโรงงาน ถ้าผู้อ่านไม่ได้มาจากสายปฎิบัติหรือยังไม่มีประสบการณ์ ในการทำงานในสายงานนี้ อาจจะอ่านบทความแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบ้างพอสมควร *** มีความต้องการสอบถามเรื่องเครื่องจักร ชนิดที่ต้องการผลิตงาน เครื่องจักรที่ใช้ทำงานทุกขั้นตอนการผลิต สอบถามได้นะครับ เราสามารถแนะนำบริษัท ที่ขายเครื่องจักรให้ได้ เป็นบริษัทนำเข้าเครื่องจักรจากประเทศจีน,ไต้หวัน เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญ ความคิดเห็นของลูกค้า รับฟังความต้องการของลูกค้า และให้คำแนะนำเครื่องจักรที่ตรงกับการผลิตตรงกับ ชนิดสินค้าที่ต้องการผลิตสินค้า, มีบริการหลังการขายที่ดี , มีราคาที่เหมาะสม, สเปคเครื่องที่เหมาะสม ไม่มากเกินความจำเป็นหรือน้อยเกินไปทำให้ทำงานดีๆได้ยาก , มีเครื่องจักร หลากหลายสเปคตามแบบงานที่ทำง่ายๆตั้งแต่ แบบงาน OTOP จนถึงงานที่ต้องการทำสเปคสูง จนถึงงานส่งออกต่างประเทศ เปรียบเทียบราคาและประสิทธิภาพ กับเครื่องจักรจาก ประเทศญี่ปุ่นหรือเครื่องยุโรปที่มีราคาที่สูง เครื่องจักรประเภทเดียวกันได้ในราคาที่เหมาะสม *** ****ไม่ขอแนะนำเครื่องจักรมือสองสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ เพราะต้องใช้ประสบการณ์จากการทำงานมาก และต้องมีเทคนิคการผลิตสูง ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้น เรื่องการซ่อมแซมบำรุงรักษาด้วยตนเองในระดับหนึ่งเพราะเครื่องจักรจะมีการเสียบ่อย ถ้าจ้างช่างเข้ามาซ่อมจะเสียเวลารอ ค่าใช้จ่ายสูง และข้อจำกัดของเครื่องจักรในด้านการพิมพ์ คุณภาพงานพิมพ์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่การคาดหวังเริ่มต้นจะคาดหวังเพียงเล็กน้อย ผลิตงานง่ายๆ ตามความเข้าใจของตนเองหรือเห็นการทำงานของคนอื่นที่มีประสบการณ์ แต่จริงๆแล้วไม่ง่ายเลย ลองๆสอบถามคนที่ใช้งานเครื่องมือสองผลิตงานกว่าที่จะได้ผลิตงานได้ระดับที่ขายให้ลูกค้าได้ เขาใช้เวลานานเท่าไร ใช้เงินลงทุนไปเท่าไร ใช้เวลานานเท่าไร คงไม่มีใครตอบว่าใช้งานได้ในเดือนแรกที่เริ่มทำงาน อาจจะใช้เวลา 6 เดือนหรือ 1 ปี หาข้อมูลเปรียบเทียบให้ครบถ้วนทุกๆด้านก่อนการตัดสินใจนะครับ*** บทความ เครื่องเป่าฟิล์ม เป็นขบวนการผลิตต้นทางที่มีส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งกับคุณภาพของสินค้า และในขบวนการผลิตที่ให้ได้คุณภาพที่ดี การสูญเสียน้อย เพราะถ้าฟิล์มที่เป่าออกมาไม่ดี มีผลกับงานพิมพ์ ( งานพิมพ์สีไม่ติดหรือติดไม่ดี,ฟิล์มหย่อนทำให้พิมพ์ภาพไม่ตรง ), งานดรายลามิเนท ( ฟิล์มหย่อน,ยับ,ลื่น,ฝืด ), งานทำซอง(การซีลไม่ติดหรือไม่แข็งแรง,แตก,รั่ว,เปิดปากซองไม่ได้,ฟิล์มย่น,เป็นฟองอากาศ)..ผลของการเป่าฟิล์มจะมีผลกับคุณภาพงานว่าคุณภาพได้ดีที่สุดเพราะจะสำผัสอาหารโดยตรง ไม่ใช่เป่าออกมาแล้วสรุปที่เครื่องเป่าว่าคุณภาพของฟิล์มดีหรือไม่ดี ยังสรุได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น ต้องมีการติดตามผลต่อเนื่อง ไปที่ขั้นตอนการผลิตขั้นตอนต่อไปหรืออาจจะถีงสินค้าสำเร็จรูป ต้องมีการติดตามงานจนถึงสินค้าสำเร็จรูป หรืออาจถึงผลการตอบรับจากการใช้งานสินค้าจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าได้ ตั้งแต่ต้นทางการผลิตคือฟิล์มจากการเป่าฟิล์ม – ฟิล์มเป่าออกมาเป็นเจลเกิดจากหลายๆส่วนคือ สูตรการผสมเม็ดพลาสติกที่ใช้มี ,ส่วนผสมของเม็ดพลาสติก ที่มีชนิดเม็ดพลาสติกหลากหลายชนิดตามคุรสมบัติของเม็ดพลาสติก ก็เพราะต้องการคุณสมบัติของฟิลืมที่เป่าให้ได้คุณภาพดีสูงสุดได้มากที่สุด ในขณะที่เม็ดพลาสติกแต่ละชนิดที่มีข้อดีแตกต่างกัน การที่มีจุดหลอมเหลวแตกต่างกันมากเกินไป (ตามคุณสมบัติที่แตกต่างกันของเม็ดพลาสติก) ต้องใช้อุณหภูมิที่ใช้ในการหลอมเหลวแตกต่างกัน มีผลให้การหลอมเหลวที่ใช้อุณหภูมิในการหลอมเหลวอุณหภูมิเดียวกันเพราะว่าเครื่องจักรมีสกรูเดียว ทำให้การ หลอมเหลวของเม็ดพลาสติกบางชนิดที่อยู่ในส่วนผสม ถ้าใช้อุณภูมิหลอมเหลวต่ำอาจจะหลอมเหลวไม่สมบูรณ์.หรือบางชนิดใช้อุณหภูมิสูงเลยจุดหลอมเหลวเม็ดพลาสติกจะออกสีเหลืองและไหม้ดำ……การแก้ไขคือ การแยก สกรูในการหลอมให้แต่ละสกรูหลอมเม็ดพลาสติกที่มีจุดหลอมเหลวใกล้เคียงกัน เพื่อให้อุณหภูมิในการหลอมเหลวใกล้เคียงกัน ทำให้การ หลอมเหลวของ เม็ดพลาสติกที่ใช้หลายๆชนิดหลอมเหลวได้ดีที่สุด จึงเป็นสาเหตุที่ต้องมีเครื่องจักรหลายๆสกรูเพื่อแยกการหลอมเม็ดพลาสติกที่มีจุดหลอมเหลวที่แตกต่างกันให้แยกตามสกรู ยิ่งถ้ามีเม็ดพลาสติกที่มีจุดหลอมเหลวต่างกันมากยิ่งต้องมีจำนวนสกรูมากหรือต้องทำการคิดสูตรการผลิตให้เหมาะสม กับเครื่องจักร เป็นหน้าที่ของฝ่าย การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณท์ ( R&D) ที่มีโจทย์ว่ามีเครื่องจักรสภาพนี้ (อาจจะ 1 สกรู -5 สกรู ) ลักษณะนี้ ต้องคิดสูตรการใช้เม็ดพลาสติกให้ผลิตงานจริงออกมาได้ตามความต้องการคุณสมบัติของฟิล์มตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายความต้องการ
***ในหัวข้อบทความของทุกขั้นตอนการผลิต แต่ละบทความมี เรื่องปัญหาต่างๆที่พบในการพิมพ์ระบบกราเวียร์ และในขบวนการผลิต ได้มีการตอบวีธีการแก้ไขหลายๆปัญหาที่พบในการพิมพ์ ระบบกราเวียร์ โปรดอ่านเผื่อว่าจะตรงกับ ปัญหาที่ท่านกำลังหาคำตอบอยู่ ถ้าเปิดผ่านๆไปไม่ได้ความรู้ ขอแนะนำว่า ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง “การเลือกเครื่องจักรให้ถูกต้องกับชนิดของงาน เป็นสิ่งสำคัญ” เพราะว่าเครื่องจักรมีหลายแบบ แม้รูปร่างเครื่องจักรจะเหมือนๆกัน แต่เครื่องจักรแต่ละแบบ ถูกออกแบบมาให้ทำงานตรง และเหมาะสม กับชนิดของสินค้า จะทำงานได้ดีตรงกับสินค้าที่ต้องการผลิต ส่วนสินค้าที่มีความแตกต่างกันออกไป ผู้ที่ต้องการซื้อ ต้องให้ข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้ขายเครื่องจักรเพื่อให้ตรงกับสินค้า…….. เครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาทั่วๆไป จะผลิตสินค้าได้คุณภาพได้ไม่ดีเท่ากับเครื่องจักร ที่ออกแบบมาตรงชนิดกันกับความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆ (เพราะสินค้ามีรูปแบบและคุณสมบัติที่หลากหลายชนิดแตกต่างกันมาก) *** การที่จะทราบว่างานมีปัญหาหรือไม่เริ่มตั้งแต่ รับงานที่ถูกลูกค้า nc – complen- reject ร่วมประชุมเพื่อหาสาเหตุ ,การแก้ไข ,การป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ ถ้าได้รับคำตอบที่ไม่มีข้อสรุป โทษกันไป โทษกันมา ยกเว้นโทษตนเอง วนเป็นวงกลม ไม่สิ้นสุดและหาเหตุผลสรุปไม่ได้ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ลูกค้าก็จะหมดความน่าเชื่อถือ สุดท้ายงานก็จะหายไป ปัญหาก็ยังคงอยู่ต่อไป **** ****ในแต่ละหัวข้อของบทความด้านกลางๆบทความ จนถึงจบจะมีแสดงปัญหาที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นคร่าวๆเพื่อเป็นข้อควรระวัง ขอแนะนำ ครับ**** ***การผลิตทุกขั้นตอนการผลิตจนกระทั่งสินค้าถึงลูกค้า มีผลกระทบกันทุกขั้นตอนการผลิต ไม่ใช่ขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่รับงานจากลูกค้ามาจนถึง ลูกค้ารับสินค้าด้วยความพึงพอใจ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด*** *** ปัจจุบันการซื้อ -ขายเครื่องจักร ที่ผู้ขายเครื่องจักรมีความต้องการเพียงแต่ต้องการขายเครื่องจักรอย่างเดียว ได้มีการนำเสนอ ให้การแนะนำสิ่งแรกที่ให้เกิดความจูงใจกับผู้ซื้อคือราคาที่ถูก มีการลดราคาได้มากจากการต่อรองของซื้อ ผู้ซื้อจะมีความภูมิใจว่าได้ซื้อเครื่องจักรที่มีราคาถูก ( ถูกกว่าที่ผู้ซื้ออื่นที่ได้ซื้อไปก่อนหน้านี้ ) เป็นการเริ่มต้นการชักจูง ที่ทำให้ผู้ซื้อให้ความสนใจมากที่สุด หรือเพิ่มเติม วิธีการใช้งานเครื่องจักร ,การควบคุมเครื่องจักร แค่เพียงเท่านั้นไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อเครื่องจักรอาจจะไม่มีความเข้าใจ ว่าลักษณะงานที่ผู้ซื้อเครื่องจักรมีความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆได้เลือกเครื่องจักร ตรงตามความต้องการหรือไม่ อาจจะเกิดความผิดพลาดซื้อเครื่องจักรที่ไม่สามารถผลิตงานได้ตรงความต้องการ จะเกิดความเสียหายสูงมากเมื่อซื้อเครื่องจักรมาจอด เพราะเครื่องจักรที่ซื้อมาไม่ตรงกับการผลิตสินค้าที่ต้องการผู้ขายเครื่องควรให้คำแนะนำผู้ซื้อว่าลูกค้าต้องการผลิตสินค้าชนิดใด เครื่องจักรที่เหมาะสม คือเครื่องจักรลักษณะอย่างไร ให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับชนิดงานนั้นๆ การป้องกันงานสูญเสียที่มีผลกับต้นทุนการผลิต และแนะนำขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันผู้ซื้อเครื่องจักร จะคำนึงถึงราคาเครื่องจักรที่มีราคาถูกเป็นลำดับแรก จุดนี้เองเป็นจุดที่ผู้ขายใช้เป็นสิ่งจูงใจลำดับแรกแต่เมื่อซื้อเครื่องจักรแล้วไม่ตรงกับความต้องการผลิตหรือผลิตได้คุณภาพไม่ดี มีการสูญเสียสูง ผู้ขายเครื่องจักรไม่เข้ามาเยี่ยมเยียน ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกันให้กับผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจในการใช้งานเครื่องจักรได้ตรงตามความต้องการ ปล่อยให้ผู้ซื้อเครื่องจักรรับปัญหาในการที่ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เรื่องนี้มีความสำคัญที่ผู้ซื้อควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ( ผู้ขายเครื่องจักรประเภทที่เมื่อมีปัญหาในการผลิตงานก็เพียงให้คำพูดการยืนยันอย่างเดียวว่าเครื่องจักรที่ตนเองขายนั้นดี ที่สุดในโลก โทษแต่คนทำงาน (operator )ไม่ดี ควรให้การพิจารณาสิ่งนี้เป็นพิเศษ *** ที่สำคัญที่สุดคือ มีสูตรการผลิต ที่ตรงกับความต้องการคุรสมบัติของสินค้านั้นๆ และการเลือกเครื่องจักรให้ตรงกับ สิ่งที่ต้องการผลิต ให้ตรงกับสินค้าที่ต้องการใช้ ได้ตรงชนิดของเครื่องจักร เช่น
Problems that often occur in the production facility.
***การพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ ( R&D ) ให้เหมาะสมกับชนิดสินค้านั้นๆ มีความสำคัญมากเพราะถ้าไม่มีความพร้อมข้อมูลการวิเคราะห์ก่อนการซื้อเครื่องจักรอาจจะทำให้ซื้อเครื่องจักรไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ จะเป็นการลงทุนมูลค่าที่สูงแต่ไม่สามารถใช้งานเครื่องจักรได้ดี และอาจจะซื้อเครื่องจักรแพงเกินความจำเป็น เพราะความเหมาะสมของการผลิตสินค้า อาจจะใช้เพียงเครื่องจักร ขนาด 1 สกรู ก็เพียงพอกับความต้องการ หรือ อาจมีสินค้าบางชนิดต้องใช้เครื่องจักรขนาด 3 สกรู, 5 สกรู ( ที่สามารถปรับสูตรการผลิตให้เหมาะสมกับครื่องจักร และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ตามความต้องการ) ทีมงาน R&D ควรมีสูตรที่เหมาะสมสำหรับการผลิตฟิล์มมีคุณสมบัติตามที่ต้องการด้วย เครื่องจักร 1. สกรู ( blow film 1 layer ) มีข้อจำกัดการให้ คุณสมบัติของฟิล์มที่ผลิตออกมา ไม่มาก เช่น ต้องการความเหนียวมากแต่ความใสของฟิล์มไม่ใส (ขุ่น).ความลื่น ความฝืด..การต้องการความลื่นมากผิวฟิล์มด้านที่ต้องการนำไปซีลขึ้นรูปแต่มีผลกระทบกับผิวฟิล์มด้านตรงข้ามกันที่ต้องการนำไปพิมพ์ทำให้พิมพ์ได้ยากเพราะการเกาะติดของสีและการจับภาพพิมพ์ให้มีความตรงของภาพและจะไม่มีความคมชัด ทำให้ภาพสวยงามไม่เป็นเงา เครื่องจักร 2. สกรู (blown film 2 layer ) มีการพัฒนาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดจากเครื่อง สกรูเดียว แต่ฟิล์มยังขาดคุณสมบัติได้ตรงความต้องการ คือการแข็งแรงของฟิล์มที่ต้องการความแข็งแรงมากขึ้น เพราะชั้นฟิล์มที่ทำ 2 ช้ัน มีชั้นบนและชั้นล่างที่ใช้สูตรพลาสติกที่ไม่มีความแข็งแรงมาก มีผลกับการนำไปพิมพ์สี ฟิล์มเมื่อนำมาพิมพ์สีแล้วผ่านตู้อบความร้อนเพื่อให้สีจากการพิมพ์ สีแห้งติดผิวฟิล์ม มีผลทำให้ฟิล์มอ่อนตัว (นิ่ม) ภาพพิมพ์จะไม่ตรง …และการนำไปขึ้นรูปทำซองการทรงตัวของซองจะไม่ดี ซองจะอ่อนต้ว ซองงอ ไม่ตั้งตรง ทำให้ซองไม่สวยงาม การมองเห็นรูปและโลโก้ของสินค้ามองไม่เห็นได้อย่างง่าย และชัดเจน..หรือในระหว่างการผลิต (ทำซอง) ในขั้นตอนนี้ฟิล์มจะถูกกดทับด้วยแท่งซีลที่มีความร้อนเพื่อให้ ฟิล์มพลาสติกละลายติดกันในด้านชั้นซีล ฟิล์มจะงอย่น กรอบแตก ไม่สามารถรับแรงกดทับได้ ไม่สวยงามหรือเมื่อลดอุณหภูมิในการซีล รอยการซีลจะไม่แข็งแรง ซีลไม่ติด เครื่องจักร 3. สกรู (blown film 3 layer ). มีการปรับแก้ไขข้อจำกัดของเครื่องจักร 2 สกรู..สิ่งเพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ ชั้นที่อยู่กลาง สามารถเลือกใช้เม็ดพลาสติกที่มีราคาที่ถูกกว่า หรือการผสมเม็ดพลาสติก เกรดสอง ( รีไซเคิ้ล) เป็นการลดต้นทุน แต่ไม่สามารถใส่ได้ 100 % เพราะจะมีผลการทบกับคุณภาพฟิล์ม ต้องมีการ RD คิดสูตรการผลิตและทดลองให้ได้คุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการ เครื่องจักรที่มากกว่า 3 สกรู ให้มีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการฟิล์มแบบพิเศษมากกว่างานทั่วๆไปไม่ควรที่จะมีสกรู มากกว่า 3 สกรู ( ld.pe – lld.pe ) งานที่ง่ายๆไม่เน้นคุณภาพสูงมากนัก น่าที่จะควรเลือกใช้เครื่องจักร 1 สกรู หรือ 2 สกรู ส่วน 3 สกรู ตามความเหมาะสมของชนิดสินค้า ถ้าสินค้าขนิดที่ต้องการผลิตมีความต้องการฟิล์มคุณภาพสูงมากๆอีกระดับหนึ่งก็เลือกเครื่องจักรที่ใช้ให้เหมาะสม ( ยกเว้นงานที่พิเศษที่ต้องการฟิล์มชนิดพิเศษ เหนียวมาก,ป้องกันอ๊อกซิเจนซึมผ่าน,ป้องกันความชื้น มีความต้องการใช้เครื่อง 5 สกรู ( blown film 5 layer ) ขึ้นไปตามความต้องการนั้นๆ ( nylon- tie – evoh – tie – eaa …ขออธิบายในครั้งต่อไปครับ ) การที่ใช้เครื่องจักรมีสกรูมากจะมีค่าใช้จ่ายสูง 1 ) ราคาเครื่องจักรที่มีจำนวนสกรูมากมีราคาสูงกว่าเครื่องจักรที่มีจำนวนสกรูน้อย 2 ) ค่าการใช้ปริมาณไฟฟ้าสูงกว่าเพราะ ฮีตเตอร์มีขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาเปิดไฟฟ้านานกว่าที่จะได้อุณหภูมิที่ต้องการ ตามปริมาตรของ กระบอก สูบ (cylinder )ที่ใหญ่.และจำนวนสกรูที่มากกว่า 3 ) มีจำนวนการผลิต (volume) น้อยไม่เต็มกำลังการผลิต วันที่ใช้เครื่องจักรทำงานน้อย จำนวนวันจอดเครื่องมากกว่าทำงาน.. 4 ) การเริ่มต้น (set up)และการจบงานต้องมีการไล่เม็ดพลาสติกที่ค้างสกรูออก มีจำนวนมาก เพราะเครื่องจักรมีขนาดใหญ่เมื่อจบงานจะมี การใช้ วัตถุดิบมากในการไล่พลาสติกตกค้าง ออกจากสกรู ตามกำลังการผลิต ( หัว die , cylinder ใหญ่ ) 5 ) มีความต้องการในการเตรียมสถานที่ การจัดเตรียมส่วนสนับสนุนเครื่องจักร เช่น น้ำเย็น , ลมเย็น ,รถยกม้วน ,พื้นที่จัดวางวัตถุดิบ , พื้นที่ จัดวางม้วนสำเร็จรูป ( ต้องใช้ชั้นแขวน ระหว่างฟิล์มยังไม่อยู่ในอุณหภูมิปกติ ออกมาใหม่ฟิล์มจะมีความร้อน และ นิ่ม ถ้าวางลงบนพื้น ม้วน ฟิล์มจะยุบ ฟิล์มจะเป็นคลื่นเมื่อฟิล์มเย็น ) เครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่มีความต้องการสิ่งเหล่านี้มากกว่า 6 ) จำนวนการใช้พนักงานในการทำงานกับเครื่องใหญ่ใช้มากกว่า เพราะเครื่องจะสูงใหญ่ ,การเซ็ทอัพเครื่องจักร จะใช้เวลาและคนจำนวน มากกว่า,กำลังการผลิตสูง, เวลาที่ม้วนงานออกมาเร็ว 7 ) ส่วนการผลิตขั้นตอนต่อไปคือเครื่องกรอม้วน และเครื่องสลิทม้วน ต้องมีขนาดใหญ่และรองรับน้ำหนักม้วนที่ผลิตออกมามีขนาดใหญ่ 8 ) อาจจะต้องมีรอกไฟฟ้าใช้ยกม้วนที่มีน้ำหนักมากในส่วนเครื่องเป่า ,เครื่องสลิท และในส่วนการแพ็คม้วนที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ( พนักงานจะเจ็บหลัง) รวมถึงอุปกรณ์การแพ็คด้วยจะแตกต่างกับม้วนที่มีขนาดเล็ก 9 ) การขนส่งให้ลูกค้า ต้องมีรถที่มีขนาดบรรทุกใหญ่เพื่อบรรกทุกม้วนที่ใหญ่ ให้ได้มากที่สุดคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย ในการขนส่ง ***จึงควรพิจารณาตามความเหมาะสมของเครื่องจักรที่ต้องการ จำนวนฟิล์มที่ต้องการผลิต*** ส่วนที่ควรให้ความสำคัญของเครื่องจักร
*** ค่าที่ยิงผิวฟิล์มจะวัดค่าได้ตามมาตรฐาน แต่การเกาะติดของสีที่พิมพ์เกาะติดฟิล์มไม่ดีสาเหตุเพราะ จำนวนรูพรุนของผิวฟิล์มมีความหนาแน่นของรูพรุนที่ผิวฟิล์มต่อตารางนิ้วมีความหนาแน่นไม่เพียงพอ เกิดจากแท่งบาร์ที่ยิงไฟแรงสูง ( HI VOLT ) ของชุดโคโรน่าทรีท ที่ยิงลงบนผิวฟิล์มมีพื้นที่หน้าตัดน้อยหรือเป็นเครื่องยิงผิว
|